เหตุที่ประมาทไม่ใส่ใจฟังธรรม เพราะลืมความตาย [วัฑฒิสูตร]

 
wittawat
วันที่  4 ม.ค. 2555
หมายเลข  20303
อ่าน  2,819

เหตุที่ประมาทไม่ใส่ใจฟังธรรม เพราะลืมความตาย

ทุกคนลืมคิดถึงความตาย ต้องจากทรัพย์ทั้งหมดทุกประการ ไม่เหลืออะไรตามไปด้วยเลย แม้แต่ร่างกายที่เคยยึดว่าเป็นเรา ฉะนั้น การได้เห็นความจริงของสภาพธรรมเป็นประโยชน์ เพื่อที่จะสามารถละคลายความติดข้องซึ่งนำมาซึ่งทุกข์ เพราะอยากได้ในสิ่งที่ปรากฏแล้วหมดไป

อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากวัฑฒิ สูตร ... ข้อความเตือนสติเรื่องวัฑฒิสูตร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ไม่วันใดก็วันหนึ่ง และไม่รู้เวลาเลยครับว่า วันไหน และเมื่อไหร่ โอกาสที่เกิดเป็นมนุษย์ยาก โอกาสได้พบพระธรรม ได้ฟังพระธรรมก็หายาก ชีวิตที่เหลือน้อย ควรใช้เวลาที่มีค่า แสวงหาสิ่งที่ประเสริฐ เมื่อพิจาณาด้วยปัญญา ถึงความเป็นไปในชีวิตว่าเป็นของน้อย ย่อมจะเป็นผู้ไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมมากขึ้น โดยที่ไม่ปล่อยมือจากพระธรรมไป ดังข้อควาที่ท่านอาจารย์บรรยายไว้ในเรื่อง ปล่อยมือจากพระธรรมครับ

"ถ้าจะอุปมา ... ภพภูมิข้างหน้าเป็นอบายภูมิ พระธรรมและกุศลทั้งหลายในชาตินี้ เปรียบเหมือนเชือกที่ทุกท่านกำลังจับอยู่ที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกลงไปสู่อบายภูมิ แต่ถ้า กำลังในการจับเชือกนั้นอ่อนลงจนกระทั่งปล่อยมือจากพระธรรม นั่นเป็นการแน่นอนที่จะไม่มีทางรู้แจ้งอริยสัจจธรรม และอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วก็มีโอกาสที่จะทำให้ตกไปสู่อบายภูมิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตกไปสู่เหวของอวิชชา ซึ่งยากแสนยากที่จะขึ้นมาได้ เพราะเป็นเหวลึก”

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและคุณวิทวัธครับ

และขอเรียนสอบถามเพิ่มเติมความหมายโดยพิสดารของคำว่า "ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย"

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 4 ม.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย มีหลากหลายนัย และลึกซึ้งครับ

ก่อนอื่นเข้าใจคำว่า ประมาทและไม่ประมาทก่อนครับ ประมาทและไม่ประมาท ก็ไม่พ้นจากจิตและเจตสิกครับ คำว่าประมาท คือ ขณะที่ไม่มีสติ หรือ ขณะที่เป็นอกุศล ชื่อว่า ประมาทเพราะปราศจากสติ เมื่อไม่มีสติก็เป็นอกุศลธรรม แต่ไม่ใช่ประมาท คือ เดินไปไม่ระวัง ข้ามถนนไม่ระวังเลยประมาท หรือ ทำการงาน ไม่คิดถึงอนาคต จึงชื่อประมาทอันนี้ไม่ใช่ครับ ส่วน ไม่ประมาท คือ มีสติ คือ เป็นกุศลจิตในขณะนั้น หรือ ขณะที่ปัญญาเกิดรู้ความจริงที่เป็นวิปัสสนา ชื่อว่า ไม่ประมาทครับ

ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย คือ ผู้ที่ไม่ทำความดี ไม่อบรมเจริญปัญญาเป็นหนทางแห่งความตาย คือ จะต้องตายไม่มีที่สิ้นสุด ความประมาท คือ การทำอกุศลกรรม ไม่อบรมปัญญา ก็ต้องตายตลอดไป ก็เป็นหนทางแห่งความตายครับ

ความไม่ประมาท เป็นหนทางแห่งความไม่ตาย คือ ผู้ที่ทำกุศล โดยเฉพาะอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส เป็นหนทางที่จะไม่เกิดอีกเพราะดับเหตุแห่งการเกิด คือ กิเลส จึงไม่ตาย คือ ไม่ต้องเกิดอีกนั่นเองครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ทำกุศล อบรมปัญญาจะไม่ตาย นะครับ ต้องตายแน่ แต่ ย่อมถึงความไม่ตายได้ในอนาคต ด้วยการอบรมความไ่ม่ประมาท คือ กุศล บารมีต่างๆ และ สติปัฏฐาน (ความไม่ประมาท) ที่เป็นการเจริญอบรมปัญญา จนถึงการดับกิเลส ถึงการไม่เกิด ย่อมเป็นหนทางแห่งความไม่ตายครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะใดที่ประมาท ขณะนั้นเป็นอกุศล ขณะใดที่ไม่ประมาท ขณะนั้นเป็นกุศล เพราะความไม่ประมาท คือ การไม่อยู่ปราศจากสติ (สติ เป็นธรรมที่เกิดร่วมกับจิตฝ่ายดีทุกประเภท) และที่สำคัญ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงว่า กุศลธรรมทั้งปวง รวมลงอยู่ในความไม่ประมาท มีความไม่ประมาทเป็นรากเหง้า บุคคลผู้ไม่ประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือไม่ประมาทในการอบรมเจริญปัญญา ถึงแม้ว่าจะมีการเกิด การตาย จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่งอยู่ แต่โอกาสของการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาดไม่มีการเกิดการตายอีกเลยนั้นย่อมมีได้ สังสารวัฏฏ์มีโอกาสจบสิ้นได้ เพราะฉะนั้น ผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ย่อมมีโอกาสที่จะถึงวันที่ไม่มีการเกิด ไม่มีการตายอีกเลย ไม่เหมือนกับผู้ที่ประมาท ซึ่งโอกาสของการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงไม่มีเลย ไม่สามารถพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ตั้งอยู่ในไม่ประมาทที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป ความตาย ไม่รู้จะเกิดขึ้นวันไหน เวลาใด สาระสำคัญที่สุดของชีวิตคือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ แล้วน้อมประพฤติตามพระธรรม ด้วย "เป็นคนดี และ ฟังพระธรรม ให้เข้าใจ" ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวิทวัตและทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
intra
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีความรู้สึกว่าโชคดีที่ได้พบพระธรรม และมีโอกาสได้ศึกษาอบรมเจริญปัญญาที่ถูกต้องค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
panasda
วันที่ 29 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สิริพรรณ
วันที่ 1 ม.ค. 2565

กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
swanjariya
วันที่ 15 ก.พ. 2565

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลของทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ก.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ