อินเดีย ... ที่พักใจ 12 แม่น้ำคงคา

 
kanchana.c
วันที่  5 ม.ค. 2555
หมายเลข  20316
อ่าน  1,407

แม่น้ำคงคา

หลังจากค่ำคืนที่สนทนาธรรมและเวียนเทียนรอบธัมเมกสถูปแล้ว ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ตื่นกันแต่เช้ามืด เพื่อไปชมแม่น้ำคงคา ความจริงก็ไปมาหลายครั้งแล้ว ไม่อยากไปอีก (เพราะไม่อยากตื่นเช้า ด้วยความเกียจคร้าน) แต่ก็คิดว่า ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีอะไรเหมือนเดิม แม้จะเป็นชื่อเดิม แต่บรรยากาศ สิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมเดินทางก็ต่างกัน และจริงๆ ด้วย แม้จะนั่งเรือชมแม่น้ำคงคาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ปรากฏทางตาก็ไม่เหมือนเดิม ความนึกคิดเรื่องของสิ่งที่ปรากฏทางตาก็เปลี่ยนไป เห็นผู้คนมากมายอาบน้ำชำระบาปในยามเช้า ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นความเห็นผิด แต่ความเห็นผิดเช่นนี้ ก็สืบทอดมายาวนานหลายพันปี ไม่มีสูญสิ้นไปจากโลก แม้จะมีท่านผู้รู้ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงว่าเป็นความเห็นผิด เพราะคนจะบริสุทธิ์หรือไม่ ไม่ใช่เพราะน้ำ แต่เพราะปัญญา ความเห็นถูก ทรงแสดงไว้ในชฎิลสูตร มีข้อความว่า

ความสะอาดย่อมไม่มีเพราะน้ำ (แต่) ชนเป็นอันมากยังอาบอยู่ในน้ำนี้ สัจจะ และธรรม มีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นเป็นผู้สะอาดและเป็นพราหมณ์

และทำให้ผู้ได้ฟังธรรมจำนวนมากในครั้งนั้นเกิดความเห็นถูก บรรลุเป็นพระอริยบุคคล แต่ก็ยังมีผู้คนเป็นจำนวนอีกมากมายตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงครั้งนี้มีความเห็นผิดเช่นเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า แม้พระผู้มีพระภาคจะทรงถือโคมไฟส่องแสงสว่างให้เห็นทางเดินที่ถูก แต่ ถ้าผู้เดิน ตามืดบอดเสียแล้ว ย่อมมองไม่เห็นทางที่ถูกนั้น ก็ยังคงเดินไปทางที่เคยเดิน ตามกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรักษาตาที่บอดสนิทให้สามารถมองเห็นได้ ด้วยการศึกษาพระธรรมที่ทรงมอบไว้ให้เป็นมรดกสำหรับผู้มีศรัทธา ให้เกิดความเข้าใจสภาพธรรมถูกต้อง ตามความเป็นจริง จนพอมองเห็นลางๆ อย่างพวกเราที่ได้ศึกษามาบ้างแล้ว และอบรม เจริญความเข้าใจนั้นต่อไปจนมองเห็นชัดขึ้นๆ

ระหว่างนั่งรถเดินทางจากพาราณสีไปพุทธคยา ก็มีเพื่อนร่วมเดินทางสนทนากันด้วย เรื่องความเห็นต่างๆ ว่าเป็นความเห็นผิดหรือไม่ เช่น การบูชารูปเคารพต่างๆ การดู ฮวงจุ้ย ที่จะทำค้าขายร่ำรวย เป็นต้น ซึ่งถ้า สนทนากันทั้งวันก็คงไม่จบเรื่องความเห็นที่แตกต่างกันในรูปแบบต่างๆ จึงยกตัวอย่างตัวเองว่า เมื่อกราบนมัสการพุทธสถานแต่ละแห่ง บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะขอให้น้ำไม่ท่วมบ้าน ซึ่งก็เป็นความเห็นผิด เพราะไม่มั่นคง ในเรื่องกรรมและผลของกรรม คือไม่มีกัมมสกตาปัญญานั่นเอง จึงยังขอให้กุศลที่ทำแล้ว ช่วยให้ปลอดภัยจากอุทกภัย ซึ่งจริงๆ แล้ว อกุศลกรรมที่ทำแล้ว (ไม่ว่าจะทำในอดีตชาติ ยาวนานแค่ไหน หรือแม้แต่ในชาตินี้ หรือขณะเมื่อกี้นี้) ย่อมให้ผลเป็นอกุศลวิบากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ต้องมั่นคงหนักแน่นว่า ถ้าทำอกุศลกรรมแล้ว ก็ต้องได้รับผล ก็ทำไว้เอง ก็ต้องได้รับ จะให้คนอื่นรับแทน หรือไม่ยอมรับได้อย่างไร แล้ว ทีกุศลกรรมล่ะ ทำเล็กๆ น้อยๆ ก็หวังผลมากๆ ให้พ้นจากภัยต่างๆ บ้าง ให้ได้รับแต่ความสุขตลอดไปบ้าง อย่างนี้ เรียกว่ามั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม เฉพาะกรรมดี และ ผลของกรรมดี (ซึ่งมีน้อย ก็เลยต้องการผลมากๆ เพื่อให้สมดุลกับอกุศลที่มีมากกว่า หลายเท่า) เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็ตัดสินเองได้ว่า อะไรบ้างเป็นความเห็นผิด

เมื่อยังเป็นปุถุชน ย่อมมีความเห็นผิดในลักษณะต่างๆ ตั้งแต่ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม โดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีความเห็นผิด (จึงต้องถามกันไปมาว่า อย่างนี้เป็นความเห็นผิดหรือไม่ เพราะคิดเข้าข้างตนเองว่า ความเห็นของเราอย่างนี้ไม่น่าจะผิด เพราะบางครั้งก็ให้ผลดีจริงๆ ด้วย เช่นคิดเอง เข้าใจเองว่า การบูชารูปเคารพบางอย่าง ทำให้ค้าขายร่ำรวยจริงๆ ) จนกว่าจะได้ศึกษาพระธรรม แล้วเริ่มมีปัญญา ความเห็นถูก เมื่อได้ฟังพระธรรมที่ทรงแสดงจากการตรัสรู้ลักษณะของสภาพธรรม ให้เข้าใจว่า เป็นสภาพธรรมจริงๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ไม่ใช่ ของของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เพราะเกิดแล้วดับทุกขณะ ไม่มีสภาพธรรมใดกลับมาเกิดซ้ำอีกเลย จนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมนั้นจริงๆ เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบัน เมื่อนั้นจึงจะหมดความเห็นผิด โดยสิ้นเชิง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
intra
วันที่ 6 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

อ่านแล้วมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ เสียดายที่สั้นไปค่ะ ความเห็นผิดนี่ไม่ได้อยู่ไกลเลยนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
homenumber5
วันที่ 6 ม.ค. 2555

ขออนุโมทนาอาจารย์ที่ถ่ายทอดประสบการณ์

ขออนุญาตเพิ่มเติมว่า สำหรับดิฉันทุกสิ่งอย่างหากไม่เป็นไปเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานล้วนเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งสิ้น ดังนั้น ศาสตร์ทุกศาสตร์ ทั้งวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ ดูหมอดูดวง มีบันทึกว่าเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามสาวก ในพรหมชาละสุตร

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 6 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Boonyavee
วันที่ 7 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ท่านได้เมตตาบรรยายลักษณะสภาพธรรมที่มีอยู่จริง ให้ผู้ที่มีปัญญาน้อยอย่างดิฉันได้ฟังและพิจารณา จนกว่าปัญญาจะค่อยๆ เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งและกลายเป็นสัญญาที่มั่นคงในลักษณะธรรมที่ปรากฏขึ้นจริงๆ อีกทั้งขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคุณพ่อสงบและคุณแม่แดง ที่สนทนาธรรมและให้เกร็ดความรู้กับคณะสหายธรรมที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ด้วยค่ะ

คณะสหายธรรมได้ออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด เพื่อนั่งเรือชมบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำคงคา เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณท่าแม่น้ำคงคา ก็พบทั้งชาวไทย ชาวอินเดียและชาวต่างประเทศจำนวนมากที่มาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน บ้างมาเยี่ยมชม สักการะ หรือทำพิธีกรรมตามความเชื่อต่างๆ สักพักก็เห็นคนจำนวนมากกำลังอาบน้ำชำระบาปริมฝั่งแม่น้ำคงคา และด้วยเหตุนี้ความเห็นผิดจึงกลายเป็นหัวข้อที่คณะสหายธรรมร่วมกันสนทนาระหว่างล่องเรือครั้งนี้ไปโดยปริยายค่ะ หลังจากชมแม่น้ำคงคาแล้ว คณะสหายธรรมจึงขึ้นฝั่ง ระหว่างทางเดินกลับจากท่าแม่น้ำคงคาไปยังรถบัสได้เก็บภาพบรรยากาศยามเช้ามาให้ชมค่ะ คณะสหายธรรมเดินทางกลับไปโรงแรมเพื่อรัปประทานอาหารและมุ่งหน้าสู่พุทธคยาค่ะ

ขอกราบขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
raynu.p
วันที่ 7 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 7 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สมศรี
วันที่ 7 ม.ค. 2555

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 8 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ING
วันที่ 13 ม.ค. 2555

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
suyu
วันที่ 14 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ