พระธรรมพระพุทธเจ้า ไม่ควรตั้งเป็นศาสนาพุทธดีไหมครับ
เพราะตั้งมาแล้ว ก็มีปัญหา
เช่น โรงเรียนพุทธในอินเดีย ถูกกลุ่มศาสนาอื่นเผาวอด จนศาสนาพุทธหายไปจากอินเดีย เป็นเพราะเราไปกำหนดหลักไว้หรือเปล่า ทำให้เป็นที่ขัดแย้งก่อการได้ ทั้งๆ ที่พระธรรม เป็นสภาพความเป็นจริงที่มีอยู่ในโลก ไม่ใช่ของใคร แต่พระพุทธเจ้าเป็นคนค้นพบ
สมัยพระพุทธเจ้าก็ไม่มีการกำหนดเป็นศาสนาพุทธไม่ใช่เหรอ มีแต่ความรู้พระธรรมล้วนๆ ไม่มีพระไตรปิฎก เป็นหนังสือ คนศาสนาอื่นก็เข้ามาหา มาสอบถามได้ อยู่ร่วมกันได้ แต่พอเรากำหนดเป็นศาสนาขึ้นมา ก็เริ่มมีการแบ่งแยกกับศาสนาอื่น รบกันบ้าง กดขี่กันบ้าง เหมือน โรงเรียนช่างกล แบบนึง พอกำหนดชื่อโรงเรียน กำหนดชุดนักเรียน มีสัญลักษณ์หัวเข็มขัด ทีนี้ก็เริ่มตีกัน ยิงกัน แบ่งโรงเรียนข้า โรงเรียนฉัน มีศักดิ์ศรี มีตัวตนยึดติดขึ้นมา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ว่าการติดในเรื่องชื่อ เรื่องการยึดมั่นในศาสนา การทำลาย มีการเผา และ ทำลาย และ การยึดมั่นในชื่อที่ผู้อื่นตั้ง ก็ล้วนแล้วแต่มาจาก กิเลสทั้งนั้น ปัญหาจึงมีขึ้นเพราะอกุศล กุศลไม่มีปัญหา ไม่ใช่ปัญหา ดังนั้น โลกก็เป็นไปตามโลก ที่เป็นไป ไม่มีใครบังคับบัญชาว่า อย่าตั้งชื่อ หรือ ไม่ตั้งชื่อ เพราะโลกไม่ได้ถูกกำหนดจาก เรา แต่เพราะอาศัยเหตุปัจจัยต่างๆ อาศัยสภาพธรรมที่มีจริง ทั้งจิต เจตสิกและรูป และก็อาศัยกิเลสประการต่างๆ อันมีความไม่รู้เป็นประธาน จึงทำให้สำคัญว่ามีเรา มีสิ่งนั้น สิ่งนี้ มีชื่อ มีสิ่งต่างๆ แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรม ไม่เข้าใจว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ บังคับบัญชาไม่ได้เลย บังคับไม่ให้ไม่ตั้งชื่อก็ไม่ได้ บังคับไม่ให้เกิดอกุศล มีการทำลาย เผาสิ่งต่างๆ ก็ไม่ได้ เพราะ กิเลสเกิดแล้ว แล้วปัญหาที่แท้จริงที่ควรจะแก้คืออะไร นั่นคือ กิเลสที่สะสมจากใจของตัวเราเองที่สะสมกิเลสมามาก การแก้กิเลสตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการศึกษาพระธรรม เพราะปัญหาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่สมมติเรื่องราว ที่ถูกบัญญัติขึ้น เพราะแม้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น มีชื่อ มีคนยึดถือ มีการเผา หากแต่ว่า บุคคคลนั้นละกิเลสแล้ว ไม่มีกิเลสอีก แม้จะเผาที่อยู่ของท่าน เพราะเหตุแห่งความยึดถือชื่อของผู้อื่น ผู้ที่ดับกิเลสแล้วก็ไม่เดือดร้อน ไม่เป็นอกุศลเลย นี่แสดงให้เห็นว่า ตัวปัญหา ไม่ได้อยู่ที่ชื่อ แต่อยู่ที่กิเลส เพราะมีกิเลสก็ทำให้ยึดถือชื่อ เรื่องราวต่างๆ ว่า มีจริง มีสัตว์ บุคคล และก็เดือดร้อนกับสิ่งที่เห็น ได้ยิน ... เป็นต้น ดังนั้น รากเหง้าของปัญหาที่จะต้องแก้ คือ ละอวิชชา ความไม่รู้ ที่สำคัญว่ามีสัตว์ บุคคล
หากจะแก้โลกทั้งโลก โดยไม่ให้มีการตั้งชื่อ หรือ ไม่ให้ยึดถือสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องตั้งชื่อ นั่นก็เท่ากับว่า แก้ปัญหาไม่ตรงสาเหตุเริ่มต้น เพราะหากได้ศึกษาธรรมโดยละเอียดแล้ว การยึดถือ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นกิเลส ชื่อว่า อุปาทาน ยึดถือ ด้วยความติดข้อง และ ยึดถือด้วยความเห็นผิด ดังนั้น แม้จะตั้งชื่อ หรือ ไม่ตั้งชื่อให้พระพุทธศาสนา สัตว์โลกที่มีกิเลส คือ อุปาทาน ก็ยึดมั่น ติดข้อง และสำคัญผิด แม้ยังไม่มีชื่อ เพียงแค่ เห็น ก็ยึดมั่น ติดข้อง ในสิ่งที่เห็นแล้วครับ และ ยังยึดมั่น ด้วยความเห็นผิดว่า มีสัตว์ บุคคล จริงๆ ในสิ่งที่เห็น ได้ยินขณะนี้ เกิดความยินดีพอใจ ในสิ่งที่เห็น แม้ไม่เรียกชื่อ ก็ยึดมั่นแล้วด้วยอำนาจกิเลส คือ โลภะครับ ดังนั้น ปัญหา จึงไม่ได้อยู่ที่การใส่ชื่อ ตั้งชื่อ แต่ปัญหาที่แท้จริง ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด คือ กิเลส ความไม่รู้ ความยึดมั่น ที่เป็นอุปาทาน ครับ เพราะติดข้อง ยึดมั่นในสิ่งทั้งปวง
การตั้งชื่อ ก็เพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจ หากไม่มีชื่อ ก็ไม่รู้ว่าสิ่งใด คือ อะไร แต่ส่วนการยึดถือ เกิดจากใจที่เป็นกิเลส ที่เข้าไปยึดถือเองครับ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงสัจจะ ความจริง ๒ ประการ คือ ปรมัตถสัจจะ และ สมมติสัจจะ ปรมัตถสัจจะ คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน สมมติสัจจะ คือ เรื่องราวที่สมมติกันขึ้น จากสิ่งที่มีจริง เช่น พระราชา โต๊ะ เก้าอี้ หรือ คำว่า พระพุทธศาสนา ด้วยเหตุผล ให้เข้าใจ สื่อสารกันเข้าใจ ว่ามุ่งหมายถึงเรื่องอะไร ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงไม่ละทิ้ง เรื่องราว ชื่อ ที่เป็นสมมติสัจจะ แต่พระองค์ และผู้ปัญญา เข้าใจความจริงที่เป็นปรมัตถสัจจะด้วย ว่ามีแต่เพียง จิต เจตสิกและรูป จึงไม่หลงยึดถือด้วยอำนาจกิเลส ว่ามีเรา มี สัตว์ บุคคลครับ ดังนั้น อาศับชื่อ เรื่องราว เพื่อเข้าใจความจริงและติดต่อสื่อสารให้เข้าใจ โดยมีความเข้าใจ มีปัญญาว่า สิ่งใดมีจริง ไม่มีจริงครับ
หนทางที่ถูก คือ อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมของตนเอง เป็นสำคัญ เพื่อละกิเลส ประการต่างๆ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจพระธรรม ก็น้อมไปด้วยอำนาจกิเลส ด้วย ความยึดถือประการต่างๆ และเราจะทำอะไรได้ ในเมื่อเป็นจิตใจของแต่ละคนครับ สำคัญคือ จิตใจเราเอง คือ ละกิเลสของตนเป็นสำคัญ เพื่อจะได้ไม่ยึดถือในสิ่งทั้งปวง แม้ความยึดถือ ในเรื่องชื่อที่มีการตั้งครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ตรัสรู้ สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริง แล้วทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้ผู้อื่นได้รู้ตาม ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ทั้ง เทวดา มนุษย์และพรหมบุคคลทั้งหลาย พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั่นแหละ เป็น พระพุทธศาสนา และมีการสืบต่อสืบทอดมาจนถึงสมัยปัจจุบันนี้ สมัยนี้ยังเป็นกาลสมัย ที่พระธรรมยังดำรงอยู่ ก็เพราะการสืบทอดของพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีตที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม มีการรักษาพระพุทธศาสนาไว้เพื่อประโยชน์แก่ชนรุ่นหลังๆ จะได้ศึกษาและได้เข้าใจตามกำลังปัญญาของแต่ละคน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิตที่ได้ศึกษาและได้เข้าใจพระธรรม
จะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นความจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีจริงที่ใครๆ ก็ปฏิเสธหรือคัดค้านไม่ได้ เพราะความจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้น แต่ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาไม่ได้เข้าใจเท่านั้นที่ไม่เห็นคุณค่าของพระธรรม จึงมีการต่อต้าน มีการทำลายล้างฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับตน อันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง แต่ละคนมีความประพฤติเป็นไปตามกานสะสม ใครๆ ก็ห้ามไม่ได้ ซึ่งน่าสงสารมากสำหรับผู้ที่ได้กระทำในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง อันเป็นเหตุที่จะทำให้เขาได้รับผลที่ไม่ดีในภายหน้า ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ...
มีปัญหาอย่างไร .. ขอให้ไตร่ตรองพิจารณาให้ถ้วนถี่นะครับ .. ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตั้งชื่อ พระศาสนา ... ปัญหาคือ ... อวิชชา ความไม่รู้ ... เมื่อไม่รู้จึงทำลาย ... ในประเทศอินเดียเอง ไม่ใช่ศาสนาพุทธเพียงอย่างเดียวที่มีการเผา ... ศาสนาคริสต์ ... อิสลาม ก็มีปัญหาขัดแย้ง กันถึงขั้นการเผากันเลยก็มี ... ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องไปแก้ชื่อทุกศาสนาเลยหรือเปล่าครับ ผมว่าการแก้ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ใครอื่น ... อยู่ที่ตัวเรานี่แหละ ฟังพระธรรม พิจารณาธรรมให้เข้าใจธรรมมะยิ่งขึ้น ... ถ้าเราเข้าใจธรรมะเราจะเห็นพระกรุณาธิคุณของ พระศาสดาที่ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง ๔ อสงไขย แสนกัปป์ จึงได้ตรัสรู้ พระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐยิ่ง ... จริงอยู่สภาพธรรมตามความเป็นจริงมีอยู่ในโลก ... แต่ตัวเราสามารถค้นพบเองได้หรือไม่ ... ละเอียดลึกซึ้งเจนจบประจักษ์จริง ... ได้ เท่ากับพระพุทธองค์หรือไม่ ... ถ้าไม่อาศัยพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์แล้ว ... เราไม่มีทางรู้ได้เลยและวันนี้ก็ยังไม่รู้ ... ขณะฟังพระธรรมบ่อยๆ ... เนืองๆ ๆ ๆ ... อกุศลจิตก็ยัง เกิด ... อวิชชาก็ยังเกิด ... ดังเช่นที่ว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ... ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ... ตัวเราเองยังบังคับบัญชาไม่ได้ ... ไยจะพูดถึงคนอื่น ... แต่ละคนสะสมอบรมเจริญปัญญามาไม่เท่ากันไม่เหมือนกัน เราไปห้ามคนอื่นไม่ได้ ... เราไปบังคับบัญชาคนอื่นไม่ได้ ... สิ่งที่สำคัญคือตัวเราศึกษาพระธรรมให้ถ่องแท้ให้เข้าใจเพื่อละเพื่อคลาย ...กิเลส ... การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียดเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้และแจ่มแจ้ง
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กระผมก็เคยคิดเหมือนกับท่านผู้ตั้งหัวข้อ
แล้วก็เห็นด้วยกับที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายอธิบาย แต่เมื่อประมวลดูแล้ว กิจสำคัญที่ควรทำตอนนี้ก็คือ แก้ไข ปรับปรุง จัดการ กับความคิดจิตใจ ทัศนะ (ทิฏฐิ) ของตัวเองก่อน เป็นประเสริฐที่สุด ส่วนการกระทำ ความคิด ของคนอื่น ก็ปล่อยเขาไปก่อน เว้นไว้แต่ส่วนไหนที่เราพอจะทำอะไรได้ ก็ทำไป ไม่ใช่วางเฉย ไม่รับผิดชอบ อะไรที่ทำไม่ได้ ก็อย่าไปกังวลกับมัน ใช้เวลาไปกับการแก้ไข ปรับปรุง จัดการกับความคิด จิตใจ ทิฏฐิ ของตัวเอง อันเป็นงานหลักต่อไป จนกว่าจะถึงความพ้นทุกข์ พระพุทธศาสนาไม่ใช่ของเราคนเดียวหรอกครับ ความจริงแล้ว พระพุทธศาสนาไม่ใช่ของเราด้วยซ้ำไป
เรียน ท่านผู้เสนอ ความเห็น ครับ
ที่ ท่าน ว่า "พระธรรมพระพุทธเจ้า ไม่ควรตั้งเป็นศาสนาพุทธ ดีไหมครับ"? นี้ นั้น ผมเห็นว่า สมควรอยู่แล้ว ที่ เป็นศาสนาพุทธ ผม ไม่เห็นด้วย กับ ความคิดของท่าน ที่ เสนอ ขึ้นมา ครับ ศาสนาพุทธ เป็นชื่อ ที่ตั้งไว้ดีแล้ว เป็นพระธรรมคำตรัสของพระพุทธองค์ จริง, ทั้ง ปรมัตถสัจจะ และ สมมติสัจจะ เป็นศาสนาของโลก ใคร อยากฟังอยากอ่าน แล้ว เอาไปปฏิบัติ ก็ เอาไป ใคร ไม่อยาก ก็ ไม่ต้องเอาไป ความเห็น ที่ ท่าน เสนอนี้ สามารถ ก่อ ให้เกิด ความวุ่นวาย อันเกิดจากการต่างความเห็น สืบเนื่องจาก ที่ ท่านเสนอความเห็น, ก่อ ให้เกิดความแตกแยก เข้าขั้น ว่า ท่านเป็นบุคคลผู้มีกรรมเป็นเครื่องกั้นการบรรลุอริยสัจจธรรม เลย ทีเดียว และ มี ทุคติ (ไปไม่ดี) ครับ
ศาสนาทุกศาสนาเป็นศาสนาของโลก ไม่ควรยุ่งเกี่ยวเปลี่ยนชื่อเลย จะ ดี ที่สุด
ขออธิษฐานจิต ให้ คนทั้งโลก ผู้เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขๆ เถิด อย่ามีทุกข์กายทุกข์ใจเลย
ขอ สรรพสัตว์ทั่วจักรวาล เป็นสุขๆ เถิด อย่ามีทุกข์กายทุกข์ใจเลย สวัสดี ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ