คำว่า ปกติ - ผิดปกติ หมายความแค่ไหน

 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่  13 ม.ค. 2555
หมายเลข  20352
อ่าน  1,387

ท่านอาจารย์สุจินต์กล่าวเสมอว่า "การปฏิบัติธรรมมิใช่ว่าจะต้องไปทำอะไรให้ผิดไปจากปกติ"

คำว่า ปกติ หรือ ผิดไปจากปกติ หมายความแค่ไหน

คนประเภทหนึ่ง ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ เสพของมึนเมาเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็คงให้ทำไปตามปกติ อย่าให้ผิดไปจากปกติ

คนประเภทหนึ่ง ใส่บาตร ถือศีล สวดมนต์ ฟังเทศน์เป็นปกติ ก็คงให้ทำไปตามปกติ อย่าให้ผิดไปจากปกติเช่นกัน

คนประเภทแรก ถ้าจะให้เขาเลิกทำในสิ่งที่เขาทำอยู่ตามปกติ จะมิกลายเป็นขัดกับคำที่ว่า "ไม่ต้องไปทำอะไรให้ผิดไปจากปกติ" ไปดอกหรือ

คำว่า ปกติ หรือ ผิดไปจากปกติ หมายความแค่ไหนครับ

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นผู้มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน คำว่า ปกติ และ ผิดปกติ ในที่นี้ มุ่งหมายถึง ข้อปฏิบัติที่เป็น การเจริญสติปัฏฐานสำหรับคฤหัสถ์ ก็มีชีวิตปรกติในชีวิตประจำวันที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เพศพระภิกษุ ไม่ได้หลีกเร้น หรือ กระทำตัวให้เหมือนเพศบรรพชิตที่ออกจากเรือน สละทุกอย่างแล้ว ดังนั้น คำว่า เป็นผู้ปรกติเจริญสติปัฏฐาน ก็คือ สติและปัญญาสามารถ เกิดได้แม้ขณะที่ดำเนินชีวิตประจำวันของคฤหัสถ์ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นผู้มีปรกติ เจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน คือ ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งก็มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น การฏิบัติธรรม หรือ การเจริญสติปัฏฐาน ที่เป็นปกติ ก็คือ ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นปกติในขณะนี้ที่มีธรรมเป็นปกติ แต่การปฏิบัติธรรม มิ ใช่ว่าจะต้องทำอะไรให้ผิดไปจากปกติ คือ ไปพยายามปฏิบัติให้รู้ธรรม ที่เป็นปกติในชีวิตประจำวัน คือ ทำผิดปกติ คือ ไปเข้าห้องกรรมฐาน ไปพยายามเดินจงกรม นั่งสมาธิ ซึ่ง เป็นสิ่งที่ผิดปกติของคฤหัสถ์ที่กระทำในชีวิตประจำวัน เพราะว่า ธรรมไม่ได้รู้และมีที่ห้องกรรมฐาน หรือจะรู้ธรรมด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม แต่ เป็นผู้รู้ธรรมที่มีปกติ ด้วยการศึกษา ฟังพระธรรมในเรื่องสภาพธรรม เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สติปัฏฐานก็เกิดระลึก ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังมีปกติ และก็เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานแล้วในขณะนั้น โดยไม่ต้องไปทำอะไรผิดปกติ คือ ไปปฏิบัติที่ไม่ใช่หนทางรู้ธรรมที่มีในขณะนี้ นั่นชื่อว่า ผิดปกติในขณะนั้นครับ เพราะผิดปกติด้วยความเห็นผิด และด้วยข้อปฏิบัติที่ผิดครับ แต่ถ้ามีปัญญา ย่อมเป็นปกติ เพราะเข้าใจว่าธรรมมีปกติในชีวิตประจำวัน และสติ ปัญญาที่เป็นสติปัฏฐานก็สามารถเกิดเป็นปกติได้ในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เซจาน้อย
วันที่ 14 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 14 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การที่ปัญญา ความรู้ความเข้าใจจะเจริญขึ้นนั้น จนกระทั่งสามารถระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ไปทำอะไรที่ผิดปกติ ไม่มีตัวตนที่ไปทำอะไรที่ผิดปกติ เพราะการรู้สภาพธรรมที่มีจริงนั้น ก็รู้ได้ในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดปกติ สิ่งที่มีจริงที่จะรู้ได้ ก็รู้ได้ในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกมีมากน้อยแค่ไหน จากการได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน ถ้าไปทำอะไรที่ผิดปกติ นั่นเป็นเครื่องกั้นที่จะให้ปัญญาเจริญขึ้นแล้ว เนื่องจากว่า สิ่งที่ทำให้ผิดปกติ คือ ความเห็นผิด และ ความไม่รู้ ขณะนั้นปัญญาเกิดไม่ได้เลย มีแต่จะสะสมความเห็นผิดและความไม่รู้มากยิ่งขึ้น ครับ

..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 15 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 15 ม.ค. 2555

ปกติของฆราวาสวิสัย หรือ ปกติของบรรพชิต

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
captpok
วันที่ 23 ม.ค. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ