พระขีณาสพ ผู้มีปัญญา
ปัญญาเมื่อเกิดกับจิต ก็ทำให้ไม่มีความกลัวอันตรายมีความตายเป็นต้นเลยทีเดียว ... เช่นข้อความในคัมภีย์สมันตปาสาทิกา ตอนหนึ่งว่า
ส่วนพระขีณาสพทั้งหลาย ย่อมไม่เห็นสัตว์ตายเลย เพราะท่านเห็นดีแล้ว โดยความเป็นของว่างจากสัตว์. เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า " อันตรายมีความกลัวเป็นต้นนั่นแม้ทั้งหมด หาได้มีแก่พระขีณาสพเหล่านั้นไม่. "
ปัญญาประเสริฐยิ่งหนอๆ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระขีณาสพ คือ ผู้ที่สิ้นอาสะกิเลสทั้งปวง นั่นคือเป็นพระอรหันต์นั่นเอง พระอรหันต์ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ดับโทสะ ที่เป็นเหตุให้เกิดความกลัวแล้วด้วย และดับความเห็นผิด ว่ามีสัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะฉะนั้น ความกลัว ย่อมไม่เกิดกับพระอรหันต์ทั้งหลาย เลย เพราะความกลัวจะเกิดขึ้นได้ เพราะอาศัยเหตุปัจจัย คือ กิเลสที่เป็น โทสะที่ยังมีอยู่ และ ประจวบกับอารมณ์ที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความกลัว ส่วน ผู้ที่ไม่มีกิเลส จึงหมดความกลัว และเพราะไม่ยึดถือว่ามีสัตว์ บุคคล จึงไม่เกิดความกลัว ในสิ่งต่างๆ ด้วยครับ ผู้ที่ไม่กลัวแม้ในเสียงอันดัง ไม่น่าปรารถนา มีดังนี้
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 123
บทว่า เยภุยฺเยน แปลว่า โดยมาก.
บทว่า ภย สนฺตาส สเวค
ทุกบท เป็นชื่อของความสะดุ้งแห่งจิตเหมือนกัน แท้จริง สัตว์และคน ได้ยินเสียงของราชสีห์ ส่วนมากกลัว ส่วนน้อยไม่กลัว ถามว่า ก็สัตว์และคนส่วนน้อยเหล่านั้นคือใคร? ตอบว่า คือ ราชสีห์ที่เสมอกัน ช้างอาชาไนย ม้าอาชาไนย โคอุสภอาชาไนย บุรุษอาชาไนย พระขีณาสพ
ขออนุญาตเรียนถามว่า ช้าง ม้า โค บุรุษ อาชาไนย ไม่สะดุ้งกลัว เนื่องจาก ไม่กลัวเสียงดังกล่าว หรือไม่กลัวอันตราย เช่น คนไม่กลัวเสียงนก
แต่พระขีณาสพ ไม่สะดุ้งกลัว เนื่องจาก รู้จักเสียง และ เข้าใจความตาย ใช่หรือไม่ครั
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
เรียน ความเห็นที่ 3 ครับ
จากข้อความในพระไตรปิฎกแสดงถึงว่า เสียงราชสีห์ที่เปล่งเสียงดัง สัตว์โดยมากได้ยินย่อมกลัวโดยส่วนมาก แต่สัตว์เหล่านี้ คือ โคอาชาไนย ช้างอาชาไนย ม้าอาชาไนย ถือตนด้วยความเป็นเรา ที่สำคัญตนมาก จึงไม่กลัว ส่วน พระอรหันต์ (พระขีณาสพ) ไม่กลัว เพราะ ละสักกายทิฏฐิได้แล้วครับ รู้ว่าเสียงเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เสียงสิงโต นี่คือ ตามอรรถกถาที่ได้อธิบายไว้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันต์ เป็นผู้ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นแล้ว ไม่มีมีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย โลภะ ไม่มี โทสะ ไม่มี โมหะ ไม่มี และกิเลสประการอื่นๆ ก็ไม่มี ไม่ว่าจะประสบกับอารมณ์ใดๆ ก็ตาม จิตของท่านไม่เป็นไปกับด้วยอกุศลเลย ไม่มีความติดข้องยินดีพอใจ และ ไม่มีความโกรธขุ่นเคืองใจ ซึ่งรวมไปถึงไม่มีความตกใจกลัว ด้วย, พระอรหันต์ ท่านเป็นผู้คงที่ คือไม่หวั่นไหวในอารมณ์ทั้งปวง ทั้งอารมณ์ที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ ท่านจะไม่หวั่นไปด้วยอำนาจแห่งโลภะความติดข้องยินดีพอใจ และ ไม่มีความหวั่นไหวไปด้วยอำนาจแห่งความโกรธขุ่นเคืองใจ ไม่มีความกลัวใดๆ เลย เพราะดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นแล้ว นั่นเอง ครับ.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเิติมได้ที่นี่ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...