ผู้มีธรรมสมบูรณ์....

 
dets25226
วันที่  22 ม.ค. 2555
หมายเลข  20417
อ่าน  1,387

จะไม่ทุกข์เลย จะไม่เดือดร้อนใจเลยหนอ

หากไม่มีธรรมแม้ข้อเดียว ก็จะมีทุกข์ได้ เพราะเหตุนั้นได้โดยไม่ต้องสงสัยเลย

การได้ศึกษาธรรม แล้วมีปัญญา ได้ประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นอุดมมงคลยิ่งนัก...

สาธุๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 22 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การจะไม่มีทุกข์เลย โดยนัยสูงสุด คือ ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ คือ ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมทีทุกข์ คือ ไม่เที่ยง เกิดขึ้นและดับไป การไม่มีทุกข์จริงๆ คือ ไม่มีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิกและรูปครับ ซึ่งการจะไม่มีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก และรูป จะต้องดับเหตุ คือ กิเลสที่มีอยู่ มีความไม่รู้และโลภะจนหมดสิ้น ก็จะไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมอะไรอีกนั่นคือ ปรินิพพาน แต่การจะดับเหตุแห่งทุกข์ที่เป็นกิเลส ต้อง อาศัยสภาพธรรมฝ่ายดีหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงอย่างเดียว แต่อาศัยสภาพธรรมฝ่ายดีที่เป็นประธาน เป็นหัวหน้า คือ ปัญญา เพราะมีปัญญา ย่อมทำให้ไม่ทุกข์ในขณะนั้น และ เพราะมีปัญญา ย่อมทำให้เจตสิกดีๆ ประการต่างๆ มีศรัทธา สติ เป็นต้นเกิดขึ้น และ เจริญขึ้นตามไปด้วย และเพราะอาศัยปัญญาเป็นหัวหน้า จนปัญญาสูงสุด ย่อมถึงการ ดับกิเลส ไม่เกิดขึ้นอีก จึงไม่ต้องทุกข์ใจอีกเลย ดังเช่น พระอรหันต์ทั้งหลาย และไม่ต้องมีการเกิดอีกเลย ก็ไม่ต้องทุกข์กาย และทุกข์ใจ เป็นการดับทุกข์ ไม่มีทุกข์ที่แท้จริง ครับ

ดังนั้น อาศัยปัญญาที่เป็นประธาน และ เจตสิกที่ดีประการอื่นๆ เกิดร่วมด้วย ทำให้ ไม่ทุกข์ในขณะที่ปัญญาเกิด และไม่ทุกข์อีกเลย เมื่อปัญญาสูงสุด ถึงการดับกิเลส และ ไม่มีการเกิดขึ้นอีกของสภาพธรรม ปัญญา สัมมาทิฏฐิ จึงเป็นสภาพธรรมที่มีอุปการะมาก ครับ เพราะทำให้ไม่มีทุกข์อย่างแท้จริง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 22 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง และทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง พระองค์ทรงแสดงให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังมีอวิชชา ยังมีตัณหา ก็ยังต้องเกิด เมื่อเกิดมาแล้ว ก็มีทุกข์เรื่อยไป จนกระทั่งตาย เพราะชีวิตก็เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมแต่ละชนิดที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วสืบต่อกันไปเรื่อยๆ ทุกขณะ ถึงแม้ว่าจะมีความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ความสุขนั้นก็ไม่เที่ยง แม้แต่ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง ความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์คือรู้สึกเฉยๆ ก็ไม่เที่ยง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนไม่เที่ยงทั้งสิ้น ไม่มีอะไรในชีวิตที่จะเป็นสุขอย่างมั่นคงแท้จริง ไม่มีอะไรที่เป็นเรา ไม่มีอะไรที่เป็นของของเรา มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป เท่านั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม สูงสุด ก็เพื่อให้สัตว์โลกถึงการดับทุกข์อย่างแท้จริง การดับทุกข์ที่แท้จริงนั้น ต้องดับกิเลสทั้งปวงซึ่งก็คือดับเหตุที่จะทำให้มีการเกิดในภพใหม่ต่อไป เพราะเหตุว่า เมื่อไม่มีการเกิด ก็ไม่ต้องประสบกับทุกข์ประการต่างๆ ไม่ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ จึงเป็นสุขอย่างแท้จริง แต่การจะไปถึงสิ่งที่สูงสุดได้นั้น ต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งจะต้องเริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ซึ่งไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียว แต่ต้องอบรมเจริญเป็นระยะเวลาที่ยาวนานทีเดียว ที่สำคัญคือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วยความจริงใจ ด้วย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
dets25226
วันที่ 22 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kusalwong
วันที่ 22 ม.ค. 2555

การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ต้องเป็นผู้ตรงและละเอียด

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 22 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 23 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ