องคุลิมาลฆ่าคนมากมาย ทำไมไม่ตกนรก

 
นาย
วันที่  24 ม.ค. 2555
หมายเลข  20435
อ่าน  30,117

อดีตชาติองคุลิมาล เป็นพระราชา ชอบกินเนื้อคน จนโดนปลดออกเป็นโจรก็เที่ยวฆ่าคนมากมายเพื่อกินเนื้อ แถมบุญกุศลทำให้มีแรงกายมากกว่ามนุษย์ทั่วไป เพื่อนยักษ์ยังช่วยบทสวดให้วิ่งเร็ว พอจบลงด้วย เพื่อนพระราชาอีกคนขอร้องให้หยุดกินเนื้อ จากนั้นพอตาย ก็มาเป็น องคุลีมาล มีความฉลาดมาก แข็งแรง เป็นบุตรอำมาตย์ ทำไมเมื่อสิ้นชาติที่เป็นโจรกินเนื้อคน ดันไม่ตกนรกก่อน แต่เกิดมาเป็นมนุษย์ องคุลีมาลในชาติพุทธภูมิ

แปลกจัง ฆ่าคน ถือเป็นบาปมาก ยิ่งฆ่ามากก็บาปมาก แต่ทำไมไม่ปิดบุญกุศล ที่เคยช่วยคลายหนาว ให้พระปัจเจกพระพุทธเจ้า


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากเรื่องที่ผู้กล่าวถึง อดีตชาตินานมาแล้ว ของท่านองคุลิมาลที่เกิดเป็น พระราชา ชอบกินเนื้อ นามว่า โปริสารท และท่านก็ฆ่าคน กินเนื้อมนุษย์ ผู้ถามก็สงสัยว่า ทำไม ไม่ตกนรก เพราะเกิดมา เป็นท่านพระองคุลิมาลในสมัยพระพุทธเจ้าอุบัติ ซึ่งในความเป็นจริง ชาดกที่กล่าวมานั้น ตอนที่ท่านองคุลิมาล เป็นพระยาโปริสารท ฆ่ามนุษย์ กินเนื้อมนุษย์นั้น ในความเป็นจริง ไม่ใช่ เป็นชาติที่แล้ว ที่ต่อจาก การเกิดเป็นท่านพระองคุลิมาลทันทีนะครับ เพราะแสดงระยะเวลาอยู่ในช่วงที่ว่างพระศาสนา ซึ่ง ก่อนจะถึง การจะมาเกิดในสมัยพุทธกาล เป็นท่านพระองคุลิมาลนั้น หลังจาก พระยาโปริสารท ที่เป็นอดีตชาติของท่านองคุลิมาล สิ้นชีวิตลง ก็ต้องเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน เพราะ เป็นระยะเวลาอีกนานมาก กว่าจะถึง สมัยพุทธกาล และจะได้เกิดเป็นท่านองคุลิมาลครับ เพราะฉะนั้น หลังจากชาติที่เป็นพระยาโปริสารท ท่านก็เกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน วนเวียนไป สุคติภูมิ และ ก็อาจไปทุคติภูมิ มี อบาย และตกนรกได้ เป็นธรรมดา เพราะยังไม่ใช่ พระโสดาบัน ก็ยังไม่พ้นจากการเกิดในอบาย เพราะฉะนั้น กรรมชั่วที่ทำไว้ในอดีต ก็สามารถให้ผลได้ในระหว่างที่เกิด หลังจากการสิ้นชีวิตของพระยาโปริสารทแล้วครับ ไม่ใช่ว่า พอสิ้นชีวิต จากพระยาโปริสารทแล้ว ชาติต่อไป จะเป็นท่านองคุลิมาลเลยครับ ดังนั้น ระหว่างชาติที่ท่านต้องเกิดอีกนับไม่ถ้วน ก่อนจะเป็นท่านพระองคุลิมาล จึงไป อบาย มีนรก เป็นต้นได้ เป็นธรรมดาครับ เมื่อ อกุศลกรรมให้ผล มีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น เพราะยังไม่ใช่พระโสดาบัน ที่จะพ้นจากการเกิดในอบายภูมินั่นเอง ส่วนการทำความดี ที่เคยทำไว้ เมื่อกรรมนั้นให้ผล ก็ทำให้เกิดในสุคติ ตามสมควรแก่กรรมครับ

เพราะฉะนั้น การเกิดใหม่ เปรียบเหมือนท่อนไม้ ที่โยนไปในอากาศ ไม่แน่เลยที่จะด้านหัว หรือ ด้าน หาง หรือ ตรงกลาง จะมากระทบพื้น เพราะ มีการกระทำทั้งที่เป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม ก็สามารถให้ผลได้ ทั้งสองอย่าง คติ (การเกิด) ของผู้ที่เป็นปุถุชนจึงไม่แน่นอน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 24 ม.ค. 2555

ขอเสริม ในชาติที่ท่านเป็นองคุลิมาล และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว คำถามอาจมีว่า ทำไมท่านฆ่าคนตั้งเยอะ ๙๙๙ คน แต่บรรลุพระอรหันต์ได้ และไม่ตกนรก

คำตอบ คือ เราจะต้องแยกระหว่างส่วนที่เป็นกุศล และ ส่วนที่เป็นอกุศลครับ

ท่านพระองคุลิมาล สะสมบุญปัญญามาในอดีตชาติ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ท่านได้ฟังธรรม ก็บรรลุธรรมได้ครับ ส่วนอกุศลที่ท่านสะสมมา ทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบัน ซึ่งจะต้องให้ผลในชาติต่อไป ก็ไม่สามารถให้ผลได้ อกุศลกรรมที่เคยทำไว้ จึงให้ผล เพียงชาตินี้ที่เป็นชาติสุดท้าย คือ โดนก้อนหิน ที่คนอื่นปามา กระทบท่าน นี่เป็นกรรม ที่ให้ผล แทนที่ท่านจะต้องตกนรก เพราะท่านจะไม่เกิดอีกนั่นเอง ส่วนการบรรลุธรรม ได้ เพราะเป็นการสะสมบุญ ปัญญามาในอดีตชาติครับ ไม่เกี่ยวกับ อกุศลกรรมที่ได้ทำ ครับ และ อกุศลกรรมที่ทำนั้น ไมได้เป็นกรรมหนักที่ห้าม มรรค ผล นิพพาน มีการทำ อนันตริยกรรมครับ กรรมที่ฆ่าคน ๙๙๙ คน จึงไม่เป็นเครื่องกั้นในการบรรลุธรรมครับ แต่หากพระพุทธเจ้าไม่ไปโปรด ท่านพระองคุลิมาลก็จะฆ่ามารดา และก็ทำอนันตริยกรรม ก็เป็นเครื่องกั้นในการบรรลุธรรมได้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตัวอย่างของผู้ที่จะเป็นพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในชาตินั้น กิเลสอกุศลที่ท่านได้สะสมมา (ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับกุศล) ช่างมีกำลังที่จะแสดงออกมาทางกาย ทางวาจาต่างๆ กัน อย่างเช่น ท่านพระองคุลิมาล ก่อนที่จะได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้กระทำอกุศลกรรม คือ ปาณาติบาต มากมายทีเดียว เป็นผู้ฆ่าคน มีมือเปื้อนเลือด แม้ท่านจะมีชื่อว่า "อหิง-สกะ ซึ่งแปลว่า ผู้ไม่เบียดเบียน" แต่ก็หาได้เป็นเหมือนอย่างชื่อ ไม่ คือ เป็นตรงกันข้ามกับชื่อเลย จึงแสดงให้เห็นว่า ถ้าโลกุตตรปัญญา (ปัญญาที่ทำกิจดับกิเลส) ยังไม่เกิด ยังไม่มีทางที่จะดับกิเลสอกุศลใดๆ ได้เลย ความประพฤติเป็นไปก็เป็นไปตามกิเลสอกุศลที่ได้สะสมมา แต่เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ได้ฟังพระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว โลกุตตรปัญญาเกิด จึงสามารถที่จะดับกิเลสได้ ซึ่งก่อนหน้านั้น พระอริยบุคคลเหล่านั้นก็ยังเต็มไปด้วยกิเลสอกุศลทุกประการ กิเลสที่มีมาก ต้องอาศัยปัญญาเท่านั้นถึงจะดับได้ ท่านพระองคุลิมาล ก็เป็นเช่นนั้น เพียงได้ฟังพระดำรัสที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ตอนที่ตนวิ่งไล่ตามพระองค์ ว่า "เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่า จงหยุดเถิด" พอได้ฟังเพียงเท่านี้ เพราะอุปนิสัยที่ดีที่ท่านได้สะสมมา ทำให้มีความประสงค์ที่จะทราบความมุ่งหมายที่พระองค์ตรัสเช่นนั้น จึงกราบทูลถามพระองค์ และได้คำอธิบายว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงหยุดฆ่าสัตว์ทั้งปวงแล้ว แต่ท่าน ยังไม่หยุดเลย ทำให้ท่านเกิดความเลื่อมใส ขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา และในที่สุด ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ได้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม ตามชื่อจริงๆ คือ อหิงสกะ เพราะเป็นผู้ไม่เบียดเบียนผู้อื่นแล้ว เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ กรรมทั้งหลายที่ได้กระทำมาแล้วในอดีตก่อนที่จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีโอกาสให้ผล กล่าวได้ว่า ไม่ต้องมีการกระทำกรรมและไม่ต้องมีการได้รับผลของกรรมอีกต่อไป พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงได้พระนามว่า "อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ" คือ เป็นสารถีฝึกบุคคลผู้สมควรฝึก อย่างที่ไม่มีใครยิ่งกว่า เพราะพระองค์ทรงแสดงพระธรรม สอนให้เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย ให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง จนละกิเลส อันเป็นเหตุแห่งความไม่ดี อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงได้

ท่านพระองคุลิมาล ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการฝึกด้วยพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ดังนั้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา จึงเป็นเครื่องฝึกที่ดี เพราะทำให้ผู้ที่ได้รับการฝึก มีความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง ในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง และสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 24 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 24 ม.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 25 ม.ค. 2555

ครุกรรม คือ กรรมหนักซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นลำดับแรกก่อนกรรมทั้งหลายไม่มีกรรมใดจะมีพลังมาขวางกั้นผลแห่งครุกรรมนี้ได้เลย ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล

การสำเร็จเป็นพระอรหันต์ถือว่าเป็นครุกรรมไหม ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 25 ม.ค. 2555

เรียน ความเห็นที่ 6 ครับ

ในพระไตรปิฎก แสดง ครุกรรม ที่เป็นกรรมหนัก ฝ่ายกุศล ไว้ครับว่า คือ ฌานสมาบัติขั้นต่างๆ ที่เป็น มหัคคตกรรม เมื่อกรรมนี้ไม่เสื่อม ย่อมบังเกิดในพรหมโลก ในชาติต่อไป ส่วนกรรมหนัก ครุกรรมฝ่าย อกุศล คือ อนันตริยกรรม ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
captpok
วันที่ 25 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 25 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
papon
วันที่ 13 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 1 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ