ความแตกต่างของ สัมมาวาจาเจตสิกกับ สัมมาวาจาอริยมัคในอริยมัค
เรียนทานวิทยากร ที่นับถือ
เนื่องจากในโสภณเจตสิก มีสัมมาวาจาเจตสิก สัมมาอาชีวะ เจตสิกและสัมมากัมมันตเจตสิก และในอริยมรรคที่มีองค์ ๘ ก็มี สัมมาวาจาอริยมรรค สัมมาอาชีวอริยมรรค สัมมากัมมันตอริยมรรค
จึงขอเรียนถามว่า องค์ธรรมเหล่านี้
๑. เป็นองค์ธรรม เดียวกันหรือไม่
๒. หากใช่ เวลาใด เรียกว่าเจตสิก เวลาใด เรียกอริยมรรค
๓. หากไม่ใช่ องค์ธรรมเหล่านี้ มีความหมายอย่างไร ทำงาน ในวิถีจิตใด หรือทำงานในจิตประเภทใด และ ทำงานอย่างไรเช่นการปหานกิเลสเป็นต้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิรตีเจตสิก เป็นเจตสิกที่เกิดขึ้นทำกิจวิรัติทุจริต คือ โสภณเจตสิก ๓ ดวง หรือเจตสิกฝ่ายดี ๓ ดวง คือ ...
๑. สัมมาวาจาเจตสิก เป็นเจตสิกที่เกิดขึ้นทำกิจวิรัติวจีทุจริต ๔ คือ มุสาวาท ปิสุณวาจา ผรุสวาท สัมผัปปลาปวาจา ขณะใดที่ไม่ล่วงวจีทุจริต ขณะนั้นสัมมาวาจาเจตสิกเกิดขึ้นวิรัติวจีทุจริตประเภทนั้นๆ
๒. สัมมากัมมันตเจตสิก เป็นเจตสิกที่เกิดขึ้น วิรัติกายทุจริต ๓ คือ ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร ขณะใดที่เว้นกายทุจริต ๓ ขณะนั้นสัมมากัมมันตเจตสิกเกิดขึ้นทำกิจวิรัติกายทุจริตนั้นๆ
๓. สัมมาอาชีวเจตสิก เป็นเจตสิกที่เกิดขึ้น วิรัติกายทุจริต ๓ และ วจีทุจริต ๔ ซึ่งเป็นมิจฉาชีพ ขณะใดที่ละเว้นมิจฉาชีพ ขณะนั้นสัมมาอาชีวเจตสิกเกิดขึ้นทำกิจวิรัติมิจฉาชีพนั้นๆ
วิรตีเจตสิกทั้ง ๓ ดวงนี้ เกิดได้กับจิตเพียง ๑๖ ดวงเท่านั้น คือ เกิดได้กับมหากุศลจิต ๘ ดวง และโลกุตตรจิต ๘ ดวง วิรตีที่เกิดกับมหากุศลจิตจะเกิดได้ทีละดวง ซึ่งเป็นไปในกุศลขั้นศีล
และจากคำถามที่ว่า
เนื่องจากในโสภณเจตสิกมีสัมมาวาจาเจตสิก สัมมาอาชีวเจตสิกและสัมมากัมมันตเจตสิก และในอริยมรรคที่มีองค์ ๘ ก็มี สัมมาวาจาอริยมรรค สัมมาอาชีวอริยมรรค สัมมากัมมันตอริยมรรค จึงขอเรียนถามว่า องค์ธรรมเหล่านี้
๑. เป็นองค์ธรรมเดียวกันหรือไม่
โสภณเจตสิก ที่เป็นวิรตีเจตสิก ทั้ง ๓ ดวง ที่ในโสภณเจตสิก กับ โสภณเจตสิกทั้ง ๓ ดวงในอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่เป็น มี สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ เป็นเจตสิกประเภทเดียวกัน ธรรมเดียวกันทั้ง ๓ ประเภทครับ
๒. หากใช่ เวลาใดเรียกว่าเจตสิก เวลาใดเรียกอริยมรรค
เวลาเรากล่าว ก็หมายความว่า ขณะที่อริยมรรคมีองค์ ๘ เกิดขึ้น พร้อมกัน ๘ องค์ มีทั้ง สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจาและสัมมาอาชีวะเกิดพร้อมกัน ขณะนั้น องค์ ๘ นั้น เกิดทำกิจละกิเลส ขณะที่ละกิเลสที่เป็นมรรคจิต มีมรรคมีองค์ ๘ เกิดขึ้นพร้อมกัน มีวิรตีเจตสิก ทั้ง ๓ เกิดพร้อมกัน ซึ่ง หากกล่าถึงองค์ธรรม คือ ตัวปรมัตถธรรมของ สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะและสัมมาวาจา ก็คือ เป็นเจตสิกฝ่ายดี ๓ ดวง คือ สัมมาอาชีวเจตสิก สัมมากัมมันตเจตสิก สัมมาวาจาเจตสิกครับ ดังนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นปรมัตถธรรม อย่างเช่น สัมมาทิฏฐิ องค์ธรรม หรือ ตัวสภาพธรรมที่มีจริง ก็คือ ปัญญา หรือ อโมหเจตสิก ที่เป็นโสภณเจตสิก สัมมาสังกัปปะ คือ วิตกเจตสิก สัมมาวายามะ คือ วิริยเจตสิก สัมมาสติ คือ สติเจตสิก และ สัมมาสมาธิ คือ เอกัคคตาเจตสิก
ดังนั้น สัมมาอาชีวะ สัมมาวาจาและสัมมากัมมันตะ ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นเจตสิก ที่เป็นโสภณเจตสิก ๓ ดวง ตามที่กล่าวมาครับ ดังนั้น หากเราจะกล่าวว่า มีองค์ธรรม อะไร ก็กล่าวว่า สัมมาวาจาในมรรคมีองค์ ๘ คือ สัมมาวาจาเจตสิก เป็นต้น ซึ่งก็คือ สภาพธรรมเดียวกันนั่นเองครับ เพียงแต่ว่า วิรตีเจตสิกนั้นมีหลายระดับ แต่ขณะที่วิรตีเจตสิกทั้ง ๓ ดวงจะเกิดพร้อมกัน คือ ขณะที่มรรคมีองค์ ๘ เกิดขึ้น หรือ โลกุตตรกุศลจิต แต่โดยทั่วไปแล้วกุศลทั่วไปที่เป็นขั้นศีล วิรตีเจตสิกจะเกิดขึ้นทีละดวง ไม่เกิดพร้อมกัน
๓. หากไม่ใช่ องค์ธรรมเหล่านี้ มีความหมายอย่างไร ทำงาน ในวิถีจิตใด หรือทำงานในจิตประเภทใด และทำงานอย่างไรเช่นการปหานกิเลสเป็นต้น
ตามที่กล่าวแล้วครับว่าเป็นสภาพธรรมอย่างเดียวกัน ซึ่งวิรตีเจตสิก คือ เจตสิกที่งดเว้นจากบาป ทำกิจหน้าที่งดเว้นจากบาป ทำงานในจิตที่เป็น มหากุศลจิต และโลกุตตรจิตและทำกิจหน้าที่งดเว้นจากบาป ในขณะที่เป็นกุศลขั้นศีล ส่วนในขณะที่เกิดในอริยมรรคมีองค์ ๘ ขณะนั้นเกิดพร้อม ๓ ดวง ทำกิจประหารกิเลส เช่น ขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้นเป็นต้น ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ว่าจะกล่าวถึงอะไร ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงเลย รวมถึงวิรตีเจตสิก ๓ ประเภท ด้วย ก็เป็นธรรมที่มีจริง คือ สัมมาวาจาเจตสิก เป็นเจตสิกที่ดีงามที่วิรัติงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ สัมมากัมมันตเจตสิก เป็นเจตสิกที่ดีงามที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์และประพฤติผิดในกาม และ สัมมาอาชีวเจตสิก เป็นเจตสิกที่ดีงามที่งดเว้นจากวจีทุจริตและกายทุจริต ที่เกี่ยวเนื่องด้วยอาชีพ
ธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นไปได้ ไม่ว่าจะเกิดกับมหากุศล หรือ เกิดร่วมกับมัคคจิต สภาพธรรมเหล่านี้ก็ไม่เปลี่ยน เป็นเจตสิกแต่ละประเภทๆ เพียงแต่ว่าถ้าเกิดร่วมกับกับมหากุศลจิต เกิดเพียงวิรตีหนึ่งเท่านั้นจะไม่เกิดพร้อมกัน เนื่องจากอารมณ์ต่างกัน แต่ถ้าเกิดร่วมกับมัคคจิต (และผลจิต) ต้องเกิดพร้อมกันทั้ง ๓ เจตสิก ทำกิจดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น และรู้อารมณ์เดียวกัน คือ พระนิพพาน นอกจากนั้นแล้วก็จะต้องเกิดร่วมกับองค์มรรคอื่นๆ อีก ๕ องค์ด้วย คือ สัมมาทิฏฐิ (ปัญญาเจตสิก) สัมมาสังกัปปะ (วิตักกเจตสิก) สัมมาวายามะ (วิริยเจตสิก) สัมมาสติ (สติเจตสิก) สัมมาสมาธิ (เอกัคคตาเจตสิก) รวมเป็นองค์มรรคทั้ง ๘ องค์ที่ประชุมพร้อมกันในขณะที่มัคคจิตและผลจิตเกิดขึ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมครับ
เวลาสติปัฏฐานเกิด ประกอบด้วยมรรค กี่องค์
เพราะฟังจาก mp3 การบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ กล่าวว่าปกติเวลาสติปัฏฐานเกิดจะเป็นมรรคมีองค์ ๕ แสดงว่าปกติสติปัฏฐานเกิด โดยทั่วไปจะไม่มีวิรตีเจตสิกเกิดร่วมด้วยใช่มั้ยครับ (คือมีเฉพาะ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาวายามะ) แต่ถ้าวีรตีเจตสิกจะเกิดร่วมด้วยก็จะต้องเกิดทีละดวงเป็นมรรคมีองค์ ๖ เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ครับ
กราบขอบพระคุณครับ
เรียนความเห็นที่ 5 ครับ
ขณะที่สติปัฏฐานเกิด มีมรรคมีองค์ ๕ หรือ องค์ ๖ ก็ได้ครับ คือ ประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ เป็นมรรคมีองค์ ๕ เช่น ขณะที่ สติเกิดระลึกลักษณะที่กำลังเห็นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้น เป็นสติปัฏฐาน เป็น มรรคมีองค์ ๕ ไม่เป็นองค์ ๖ เพราะไมได้วิรัติงดเว้นจากบาป เช่น งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากอาชีพทุจริต งดเว้นจากวาจาที่ไม่ดี ดังนั้น โดยทั่วไป สติปัฏฐานเกิด ก็เป็น มรรคมีองค์ ๕ ไม่มีวิรตีเจตสิก ถูกต้องแล้วครับ ตามที่ผู้ถามกล่าวมา
แต่ถ้ามีวิรตีเจตสกิเกิดร่วมด้วยในขณะที่สติปัฏฐานเกิด ก็เป็นมรรคมีองค์ ๖ ซึ่ง วิรตีเจตสิก มี ๓ ประเภท เมื่อสติปัฏฐานเกิด จะต้องเกิดทีละประเภท ไม่เกิดพร้อมกัน ๓ ดวง ครับ จะเกิดพร้อมกัน ๓ ดวง ก็ต่อเมื่อเป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ คือ ขณะที่เป็นมรรคจิต หรือ ผลจิตเกิดขึ้นครับ แต่ถ้าเป็นสติปัฏฐานที่เป็นโลกียะ ที่ระลึกลักษณะสภาพธรรม ที่ไม่ใช่ มรรคจิต วิรตีเจตสิก ดวงใดดวงหนึ่งเกิดขึ้น ใน ๓ ดวง ไม่เกิดพร้อมกัน เกิดทีละดวงพร้อมกับมรรคมีองค์ ๕ เป็น มรรคมีองค์ ๖ ครับ ซึ่งผู้ถามมีความเข้าใจถูกต้องแล้ว ครับ
ขออนุโมทนา
ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ผเดิมที่กรุณาให้ความกระจ่างครับ
ขออนุโมทนาครับ
เรียนท่านวิทยากร ตามที่อ้างนี้ วิรตีเจตสิกทั้ง ๓ ดวงนี้ เกิดได้กับจิตเพียง ๑๖ ดวงเท่านั้น คือ เกิดได้กับมหากุศลจิต ๘ ดวง และโลกุตตรจิต ๘ ดวง โลกุตตรจิต ๘ ดวงที่ว่านี้ คือจิตกลุ่มไหนคะ เป็นโสดาปัตติมัคคจิต ก็น่าจะมี ๕ ดวง กรุณาอธิบายรายละเอียด
ขออนุโมทนาทั้งอ. ผเดิม และ อ. คำปั่นค่ะ และ อ. ช่วยขยายความว่าในกระบวนการวิถีจิตในกามวิถี และอัปปนาวิถี ที่วิรตีเจตสิกทั้งสามทำงานนี้ ทำงานอย่างไร เท่าที่อ่านที่ อ. คำปั่นเขียน พอเข้าใจว่าถ้าทำงานในมหากุศลจิตเจตสิกทั้งสามจะทำงานที่ละเจตสิก แต่เวลาทำงานในโลกุตตรจิตจะทำงานพร้อมกันทั้งอริยมรรคองค์ ๘ คำถาม คือ
๑. ในมหากุศลจิต ๘ เมื่อทำงานกับวิรตีเจตสิกทั้งสาม ทำงานไม่สมบูรณ์ เพราะอะไรถึงต้องไปทำงานในโลกุตตรจิต
๒. เมื่อวิรตีเจตสิกมาทำงานในโลกุตตรจิตนั้น ขณะนั้น จิต ในโลกุตตรนั้น อยู่ในฌานระดับใดแล้ว เช่นปฐมฌาน
๓. ในข้อ ๒ แล้ววิตกเจตสิก วิจารเจตสิก และเจตสิกกลุ่มเดียวกับวิตักกะ เขามาทำงานในระดับโลกุตตรจิตขั้นนี้ด้วยหรือ เพราะเห็นอ. คำปั่น เขียนกำกับว่า สัมมาทิฏฐิ (ปัญญาเจตสิก) สัมมาสังกัปปะ (วิตักกเจตสิก) สัมมาวายามะ (วิริยเจตสิก) สัมมาสติ (สติเจตสิก) สัมมาสมาธิ (เอกัคคตาเจตสิก) รวมเป็นองค์มรรคทั้ง ๘ องค์ที่ประชุมพร้อมกันในขณะ
เรียนความเห็นที่ 9 ครับ
๑. ในมหากุศลจิต ๘ เมื่อทำงานกับวิรตีเจตสิกทั้งสาม ทำงานไม่สมบูรณ์ เพราะอะไรถึงต้องไปทำงานในโลกุตตรจิต
ในมหากุศล ๘ ดวง ที่เป็นโลกียจิต วีรตีเจตสิก ทั้ง ๓ ดวง ไม่เกิดพร้อมกัน เหตุผลก็คือว่า วิรตีเจตสิก คือ เจตสิกที่ทำหน้าที่งดเว้นจากบาป หากเป้นโลกียะ ก็จะเป็นกุศลในขั้นศีล คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็น สัมมากัมมันตะ งดเว้นจากวาจาที่ไม่ดี เป็น สัมมาวาจา งดเว้นจากกาย วาจาที่ไม่ดี ที่เนื่องกับอาชีพ เป็น สัมมาอาชีวะ
ดังนั้น ขณะที่งดเว้นจาก การฆ่าสัตว์ ที่เป็นกุศลขั้นศีล ในมหากุศล ๘ ดวง ขณะนั้น มีวิรตีเจตสิก ที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ที่เป็นสัมมากัมมันตะเท่านั้น ขณะนั้น จะงดเว้นจากการพูดเท็จ วาจาที่ไม่ดีก็ไม่ได้ เพราะกำลังงดเว้นจากการฆ่าสัตว์อยู่ และจะงดเว้นจากกาย วาจาที่ไม่ดี ที่เนื่องด้วยอาชีพ ในขณะที่กำลังงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็ไม่ได้
ดังนั้น ในมหากุศลจิต ๘ ดวง ที่เป็นกุศลขั้นศีล ขณะที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ที่เป็นสัมมากัมมันตะ ก็จะมีการงดเว้นจากการพูดไม่ดี คือ มีสัมมาวาจาเกิดพร้อมกันไม่ได้ และขณะที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ที่เป็นสัมมากัมมันตะ ขณะนั้นจะงดเว้นจากการกาย วาจาที่ไม่ดีอันเนื่องจากอาชีพก็ไม่ได้ครับ และ ขณะที่งดเว้นจากวาจาที่ไม่ดี ก็มี สัมมาวาจาเกิดขึ้น วิรตีเจตสิกอื่นๆ ก็ไม่เกิดพร้อมกันเช่นกัน โดยนัยเดียวกัน ในขณะที่เป็นกุศลขั้นศีลครับ ส่วนในโลกุตตรจิต ต้องมีมรรคมีองค์ ๘ ถึงจะดับกิเลสได้ ดังนั้น วิรตีทั้งสามจึงเกิดพร้อมกัน ขณะนั้น ทำหน้าที่ละกิเลส ที่เป็นมรรคจิตเป็นสำคัญครับ
๒. เมื่อวิรตีเจตสิกมาทำงานในโลกุตตรจิตนั้น ขณะนั้น จิต ในโลกุตตรนั้น อยู่ในฌานระดับใดแล้ว เช่นปฐมฌาน
เทียบเท่าปฐมฌาน เป็นอย่างน้อยครับ
๓. ในข้อ ๒ แล้ววิตักกเจตสิก วิจารเจตสิก และเจตสิกกลุ่มเดียวกับวิตักกะ เขามาทำงานในระดับโลกุตตรจิตขั้นนี้ด้วยหรือ เพราะเห็นอ. คำปั่น เขียนกำกับว่า สัมมาทิฏฐิ (ปัญญาเจตสิก) สัมมาสังกัปปะ (วิตักกเจตสิก) สัมมาวายามะ (วิริยเจตสิก) สัมมาสติ (สติเจตสิก) สัมมาสมาธิ (เอกัคคตาเจตสิก) รวมเป็นองค์มรรคทั้ง ๘ องค์ที่ประชุมพร้อมกันในขณะ
เจตสิกอื่นๆ ทั้ง วิตก วิจาร และเจตสิกฝ่ายดี ก็เกิดขึ้นด้วย ประชุมรวมกัน ทำหน้าที่ละ ประหารกิเลสในขณะนั้น ที่เป็นมรรคจิตเกิดขึ้น อันเป็นการประชุมรวมกันของมรรคมีองค์ ๘ แต่เมื่อกล่าวโดยความจริงแล้ว มีเจตสิก มากกว่า ๘ มาทำหน้าที่ในขณะนั้นด้วยครับ
ขออนุโมทนา
เรียนความเห็นที่ 8 ครับ
วิรตีเจตสิก ๓ ดวง ที่เกิดพร้อมกัน กับ โลกุตตรจิต ๘ ดวง คือ
โสตาปัตติมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง
โสตาปัตติผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง
สกทาคามิมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง
สกทาคามิผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง
อนาคามิมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง
อนาคามิผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง
อรหัตตมัคคจิต (กุศล) ๑ ดวง
อรหัตตผลจิต (วิบาก) ๑ ดวง
ซึ่ง ทั้ง ๘ ดวงนี้ จะต้องมี อริยมรรคมีองค์ ๘ ไม่ใช่มีองค์ ๕ เพราะเป็น จิตระดับโลกุตตร ครับ เมื่อจะต้องมีองค์ ๘ เสมอ จึงมี วิรตีเจตสิก ทั้ง ๓ เกิดพร้อมกันในขณะนั้น ทั้ง จิต ๘ ดวง ที่เป็นโลกุตตรจิต ๘ ดวงครับ
ขออนุโมทนา
ในชีวิตปกติทุกๆ วัน สัมมาวาจา คือเว้นวจีทุจริต ๔
๑. เว้นพูดเท็จ
๒. เว้นพูดส่อเสียด
๓. เว้นพูดคำหยาบ
๔. เว้นพูดเพ้อเจ้อ
ขอร่วมสนทนาด้วยครับ
ถ้าว่าโดย อารัมมณปัจจัย วิรตีเจตสิกในมหากุสลจิต ๘ มีวิรมิตัพพวัตถุ เป็นอารมณ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันระหว่างสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ดังนั้นจึงไม่สามารถเกิดร่วมกันได้ เพราะอาศัยอารมณ์ที่แตกต่างกัน
แต่ วิรตีเจตสิกในโลกุตตรจิต ๘ สามารถเกิดร่วมกันได้ เพราะอาศัยอารมณ์เดียวกันคือ พระนิพพาน อันประหนึ่งเป็นเครื่องรับรองว่า จิตของพระอริยบุคคลนั้นผู้ได้เข้าถึงแล้วซึ่งพระนิพพานด้วยคุณชาติอันประเสริฐ ๘ ประการอันได้แก่อริยมรรค จะไม่กระทำทุจริตอันเป็นเหตุนำไปสู่อบายอีกต่อไป