อายุยืน - อายุสั้น คนดีตายง่าย ... คนเลวตายยาก
การที่มนุษย์เราจะมีอายุยืนหรือสั้น เป็นผลมาจากสาเหตุใดครับ กรรมหรือบุญ มีเหตุปัจจัยอะไรมาเกี่ยวข้องอย่างอื่นบ้างหรือไม่ครับ แล้วจากหัวข้อเลยที่ว่า "คนดีมักจะตายง่าย ส่วนคนเลวนั้นตายยาก" มีเหตุปัจจัยมาอย่างไรบ้างครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ย่อมเป็นไปตามกรรม แม้แต่การจะมีอายุยืน หรือ อายุสั้น ก็จะต้องเป็นไปตามกรรมอีกเช่นกัน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า การที่สัตว์ มีอายุยืน หรือ อายุสั้น ก็เพราะ กรรมเป็นสำคัญ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สัตว์จะมีอายุยืนก็เพราะกรรม คือ กุศลกรรม เป็นปัจจัย จึงทำให้มีอายุยืน และ สัตว์จะมีอายุสั้น ก็เพราะอกุศลกรรม เป็นปัจจัยให้ผลครับ
ซึ่งสัตว์จะมีอายุยืน ก็เพราะ ผลของกรรมดี คือ การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต เมื่อกรรมนี้ให้ผลในชาตินั้น ก็ทำให้เป็นผู้มีอายุยืน ส่วนการมีอายุสั้น ก็เพราะการทำอกุศลกรรม คือ กรรมที่ไม่ดีให้ผล เพราะทำปาณาติบาต คือ การฆ่าสัตว์ เมื่อกรรม คือ การฆ่าสัตว์ให้ผล ย่อมทำให้เป้นผู้มีอายุสั้น เพราะอกุศลกรรม ตัดรอนครับ ดังนั้น สัตว์จะอายุยืน หรือ อายุสั้น เพราะกรรม เป็นสำคัญครับ ตามที่กล่าวมาครับ
ส่วนคำว่า คนดีมักจะตายง่าย ส่วนคนเลวนั้นตายยาก มีเหตุปัจจัยอย่างไร ในความเป็นจริง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนั้น เพราะทุกอย่าง สำคัญที่กรรมเป็นสำคัญ จะเป็นคนดี หรือ คนไม่ดี คนยากจน คนร่ำรวย ล้วนแล้วแต่ไม่พ้นจากความตาย แต่จะตายเร็ว ตายช้า หรือ ตายง่าย ตายยาก ก็ขึ้นอยู่กับกับกรรมของแต่ละคน ไม่ใช่ว่า คนดีทุกคนจะต้องตายง่าย อายุสั้น แล้วแต่กรรมที่จะให้ผล ครับ และ คนเลว หรือ คนพาล จะตายยาก อายุยืน ก็แล้วแต่กรรมอีกเช่นกัน เพราะเราไม่ได้มองเห็นทุกคนในโลก จึงจะรู้ว่าใครตายเร็ว ตายช้า และ เป็นคนดี คนไม่ดี และที่สำคัญที่สุด การจะรู้ว่าใครเป็นคนดี หรือ ไม่ใช่คนดี ก็ต้องเป็นเรื่องของปัญญา หากไม่มีปัญญา ก็ไม่รู้เลยว่า ใครดี หรือ ไม่ดี เพราะไม่ใช่ปัญญา และก็ไม่รู้เหตุอีกว่า ตายเร็ว ตายช้า เพราะ อะไรครับ เพราะฉะนั้น คนดี หรือ คนเลว ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น แต่ไม่จำเป็นเลยว่า คนดีจะตายง่าย หรือ คนเลวตายยาก เพราะเป็นไปตามกรรมของแต่ละคนครับ
ชีวิตที่เหลือน้อย ที่จะใกล้ไปสู่ความตายทุกขณะ ควรที่จะอบรมเจริญกุศล อบรมปัญญา ตามกำลังปัญญาเท่าที่ทำได้ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย บ่งบอกให้รู้ล่วงหน้า มีอยู่ ๕ อย่าง คือ
ชีวิต จะเป็นอยู่ต่อไปอีกนานเท่าใด, จะตายเมื่อใด, จะตายที่ไหน, จะตายด้วยโรคอะไร และ ตายแล้วจะไปเกิด ณ ที่ใด ไม่สามารถจะรู้ได้เลย อย่างไรๆ แล้ว ทุกคนก็จะต้องตาย จะต้องตายเหมือนอย่างคนอื่นๆ ที่ตายไปแล้ว นั่นแล จะเร็วหรือช้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความตาย เป็นความจริงที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น เมื่อถึงคราวตาย ใครๆ ก็ช่วยไม่ได้ ใครๆ ก็ต้านทานไว้ไม่ได้
บุคคลผู้ที่ยังไม่ได้ดับกิเลสจนหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อจุติจิตเกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้แล้วดับไป ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันที มีการเกิดอีกอย่างไม่ต้องสงสัย จากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง และการที่จะไปเกิดเป็นอะไรนั้น ย่อมเป็นไปตามกรรม ถ้าเป็นกรรมดี ย่อมให้ผลทำให้ไปเกิดในสุคติภูมิ ถ้าเป็นกรรมชั่วย่อมให้ผลทำให้ไปเกิดในอบายภูมิ ได้รับความทุกข์ทรมาน เต็มไปด้วยความเดือดร้อนอยู่เนืองๆ หมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม สำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์ นั้น เป็นผลของกุศลกรรม เป็นผลของกรรมที่ดีงาม เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว การที่จะมีอายุสั้นหรือมีอายุยาวนานแค่ไหน ไม่มีบุคคลผู้ใดสามารถรู้ล่วงหน้าได้ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น อายุสั้น เพราะอกุศลกรรม คือ การฆ่าสัตว์ในอดีต เข้าไปตัดรอน อายุยืน เพราะผลของกุศลกรรม คือ การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ และประการที่สำคัญ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้มีอายุยืนนาน แต่เป็นผู้ที่ประมาท มีชีวิตอยู่ด้วยความมัวเมา ไม่เจริญกุศล ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญาแล้ว ย่อมเป็นชีวิตที่ไร้ค่า ไม่เป็นไปเพื่อประโยขน์ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เห็นว่าชีวิตสั้นมาก ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ พร้อมทั้งได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สั่งสมความเข้าใจถูก เห็นถูกขึ้นไปตามลำดับด้วยแล้ว แม้จะมีชีวิตที่สั้น ก็เป็นชีวิตที่ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีค่า "การที่จะวัดว่าใครเป็นคนดี หรือ คนไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่การมีอายุยืน (ตายช้า) หรือ มีอายุสั้น (ตายเร็ว) แต่อยู่ที่ว่า ผู้นั้นได้สะสมอะไร ซึ่งก็มีอยู่ ๒ อย่าง คือ กุศลธรรม กับ อกุศลธรรม" ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ย่อมเป็นไปตามกรรม"
"การที่จะวัดว่าใครเป็นคนดี หรือ คนไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ การมีอายุยืน (ตายช้า) หรือ มีอายุสั้น (ตายเร็ว) แต่อยู่ที่ว่าผู้นั้นได้สะสมอะไร ซึ่งก็มีอยู่ ๒ อย่าง คือ กุศลธรรม กับ อกุศลธรรม" ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นด้วยครับ
บทว่า สาธูปิ หุตฺวาน ความว่า เพราะขึ้นชื่อว่า ความเป็นปุถุชน ย่อมเป็นผู้มีความไม่มั่นคง เหมือนหม้อน้ำที่ตั้งอยู่บนหลังม้า และเหมือนตอไม้ที่ฝังลงในกองแกลบฉะนั้น คนบางพวกตอนต้นเป็นคนดี อยู่ต่อมาตอนปลายเป็นคนไม่ดี … ดังนั้นการตัดสินว่าใครและตนเองเป็นคนดีหรือชั่ว จึงไม่แน่นอน การดูอกุศลของคนอื่นไม่เป็นประโยชน์ ตราบใดที่เป็นปุถุชน โอกาสที่เป็นคนไม่ดีมีมากจึงไม่ควรประมาทและเจริญกุศลและสะสมปัญญาเพื่อเป็นคนดี
คนดีมักจะตายง่าย ส่วนคนเลวนั้นตายยาก ... เมื่อได้ยินว่าใครทำอะไรไม่ดี. โกรธ ไม่ชอบ หรือไม่พอใจ อยากแช่งหรือให้ตายไวๆ ๆ ... แต่ถ้าเป็นคนดี รักชอบผูกพันไม่อยากให้จากโลกนี้ไปด้วยจิตที่เป็นอกุศล ... ทั้งที่เขาเหล่านั้นจะมีอายุสั้นหรือยาวตามเหตุที่ได้ทำไว้ ... เช่น การฆ่าสัตว์
ทุกคนเกิดมาหนีไม่พ้นความเจ็บและความตาย การที่คนจะมีอายุยืน หรือ อายุสั้น ตายง่าย หรือ ตายยาก ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง เช่น กรรม ปโยคะและการดำเนินชีวิตที่เป็นไปกับความประมาท หรือ ไม่ประมาท ประกอบด้วยกุศลกรรม เนืองๆ บ่อยๆ หรือ ประกอบด้วยอกุศลกรรม บ่อยๆ เนืองๆ ค่ะ
ตายช้าหรือตายเร็ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเป็นคีคนชั่วค่ะ แต่เกิดจากกรรมของคนๆ นั้นเอง
ที่ถามว่าคนดีตายง่าย คนชั่วตายยาก เป็นเพราะอะไร คนดีตายง่าย มีสาเหตุจากมีอุปฆาตกรรมมาตัดรอน ทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นเพราะชาติก่อนทำปาณาติบาตไว้มาก ชาตินี้จึงอายุสั้น
กรรมในปัจจุบัน (ปโยควิบัติ เช่น ประมาท) ก็มีผลเหมือนกัน แต่มีผลน้อยกว่าอุปฆาตกรรม เพราะถ้าไม่มีอุปฆาตกรรม ความประมาทก็ไม่เป็นเหตุให้พิการหรือเสียชีวิตได้
คนชั่วตายยาก เป็นเพราะชาติก่อนเขาสะสมกุศลกรรมไว้มาก อกุศลวิบากจึงส่งผลช้า เปรียบเหมือนเรือลำใหญ่ที่ต้องขุดเจาะกันนาน จนกว่าเรือจะล่ม นอกจากนี้ ก็ยังมีสาเหตุจากสมบัติ ๔ ของเขาด้วย ตัวอย่างเช่น
- คติสมบัติ เช่น คนชั่วเกิดในประเทศที่บูชากามเป็นสรณะ ยกย่องผู้มีเงินมีอำนาจ กฎหมาย จึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้
- อุปธิสมบัติ คือ มีร่างกายแข็งแรง
- กาลสมบัติ เกิดในสมัยกลียุค คนในสังคมเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
- ปโยคสมบัติ เช่น พยายามใช้เส้นสายติดสินบนตำรวจ ศาล หรือนักการเมือง จึงรอดพ้นเงื้อมมือของกฎหมายได้