กลัวเป็นโรคหัวใจ

 
fangfangfang
วันที่  10 ก.ย. 2549
หมายเลข  2052
อ่าน  4,899

สวัสดีค่ะพระอาจารย์ คำถามที่หนูจะถามในวันนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องธรรมะสักเท่าไร แต่หนูไม่รู้จะไปถามใครจริงๆ ค่ะ คือ เรื่องนี้มันค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้นมาค่ะ ทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ หนูจะต้องไปทำงานน่ะค่ะผู้คนก็สูบบุหรี่จัดแต่หนูก็ไม่ได้คิดอะไร จากวันเป็นเดือน แล้วก็หลายเดือน รู้สึกแน่นหน้าอก บางครั้งก็เจ็บตรงหัวใจ หนูมานั่งคิดนอนคิดว่ามันเป็นสัญญาณอันตรายจากโรคของบุหรี่หรือเปล่า มันไม่สบายเลยค่ะ หัวใจมันจะเต้นแรงอยู่ตลอดเวลา หนูกลัวจะเป็นหนักเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี จึงอยากถามอาจารย์ว่าทำอย่างไรจะทำให้ปอดสะอาดดังเดิมหรือมีวิธีกินผักผลไม้หรืออาหารล้างพิษจากสิ่งเหล่านี้ไหมค่ะ ส่วนงานที่ทำอยู่คงไม่นานค่ะว่าจะลาออกแล้ว อีกไม่กี่สัปดาห์ค่ะ เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก ประเด็นคือไม่ว่าหนูจะเป็นหรือไม่เป็นก็ตาม หนูขอทราบวิธีการล้างพิษร่างกาย (ปอด) เพื่อขจัดเอาสารทาร์จากควันบุหรี่ออกค่ะ ขอให้พระอาจารย์ช่วยหนูด้วยค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างมาก ขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
namarupa
วันที่ 10 ก.ย. 2549
หนูควรจะรีบไปปรึกษาคุณหมอและตรวจร่างกายด่วนจะดีที่สุดค่ะไม่ต้องรอไว้นานนะคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
fangfangfang
วันที่ 11 ก.ย. 2549

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pong
วันที่ 11 ก.ย. 2549

สวัสดีครับ

ผมเคยเป็นโรคขั้วไฟฟ้าหัวใจลัดวงจรเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนเป็นใหม่ อาการคืออยู่ดีๆ หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นมาเอง จำได้ว่าตอนเป็นครั้งแรก เป็นหลังจากออกกำลังกายตอนเช้าและกลับเข้าบ้านมาตัดแต่งกิ่งไม้ หลังจากสักพักหัวใจก็เต้นเร็วเป็นเวลานาน รู้สึกตกใจว่าทำไมไม่หายใจสั่น เริ่มวิตกกังวล ไปหาหมอเฉพาะทางก็ตรวจไม่พบ ตกดึกประมาณเที่ยงคืน - ตีหนึ่ง ก็ต้องขับรถไปหามอฉุกเฉิน ไปถึงหัวใจก็ไม่เต้นแรงเหมือนตอนอยู่บ้าน เป็นที่น่าหนักใจมากจนมารักษาที่ ร.พ.กรุงเทพ ใช้เครื่องเกาะติดที่หน้าอกตลอด 24 ช.ม.แล้วแกะออกมาเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ วินิฉัยว่าเป็นโรคขั้วไฟฟ้าหัวใจลัดวงจร มีประจุไฟฟ้าจากขั้วหัวใจเข้ามาห้องที่ 1 แล้วไปห้องที่ 4 เลย ทำให้เต้นเร็วกว่าคนปกติ ไม่มีสาเหตุเกิดได้อย่างไร วิธีรักษาต้องสอดสายลวดที่หน้าขาเส้นเลือดดำใหญ่ไปถึงหัวใจ แล้วเข้าห้องไฟฟ้าเพื่อจี้ไม่ให้ไฟที่ลัดวงจรที่หัวใจลัดวงจรอีก ใช้เวลา 3 - 4 ช.ม. ค่าใช้จ่าย 130,000.-บาท ไม่รับรองความปลอดภัยด้วย จึงไม่ได้ทำเลยเปลี่ยนไปโรงพยาบาลจุฬาฯ หมอวินิฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวล (แผนกจิตเวช) ให้ยามากินกินแล้วง่วงนอนหลับบ่อย ดีมาก อาการดีขึ้นเรื่อยๆ และตัวเองก็หาทางรักษาทางจิตด้วย โดยการสวดมนต์ เพื่อบรรเทาอาการวิตกกังวลต่างๆ และมีเหตุปัจจัยได้มาพบที่มูลนิธิ ฯ ได้ศึกษาธรรมอยู่สัก 2 อาทิตย์ อาการสงบขึ้นมาก แวะมาที่มูลนิธิฯ ได้พบพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มูลนิธิฯ จำไม่ได้ว่าเป็นใคร ผมบอกพี่เขาว่า อาการผมดีขึ้นเพราะผมทำใจได้แล้วไม่กังวล ได้ศึกษาธรรมแล้วอาการดีขึ้น แต่พี่เขาตอบว่า ไม่ใช่เพราะทำใจได้หรือศึกษาธรรม แต่เป็นเพราะกรรมหมดเหตุปัจจัยหมดก็อาการดีขึ้นหรือหาย แต่ถ้ากรรมมีมาอีกหรือเหตุปัจจัยมีมาอีกก็เป็นอีก ผมฟังแล้วก็งงๆ อยู่ แต่ก็ไม่ว่าอะไร ก็กลับบ้าน หลังจากนั้นมาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ อาการใจสั่นก็มาอีกเป็นเยอะด้วย ผมก็งงเอ. ยา เราก็กินแล้ว สวดมนต์ก็สวด เข้าใจสภาพธรรมบ้างเหมือนกัน ไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลใจอะไร ทำไมอาการใจสั่นกลับมากอีก จึงได้นึกถึงคำที่พี่เขาว่าถ้าเหตุปัจจัยมันพร้อมมันก็มา คงจะจริง คงจะเกิดจากผลกรรมให้ผลเมื่อมีเหตุปัจจัยครบ เพราะฉะนั้น อย่าไปกำหนดอะไรในชีวิตของเรามากในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงานเรื่องสุขภาพ มันเป็นเหตุบัจจัยของมัน ทำให้ดีก็แล้วกัน ทำให้เต็มที่ด้วยใจจริง จะได้รับผลดีหรือไม่ดีก็ไม่ควรหยุด เพราะสิ่งที่ทำ ที่คิดเป็นสิ่งที่ดีจึงต้องทำต้องคิด ต้องทำลองคิดดูนะครับ ประสบการ์ณของผมอาจจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ทุกวันนี้ก็ระมัดระวังความคิดมาก พยายามเข้าใจสิ่งที่เกิดกับตัวเรา ว่ามันก็มาจากผลกรรม เมื่อได้รับก็เข้าใจ ยอมรับ อย่างมีสติ ไม่ก่อให้เกิดกรรมใหม่ขึ้นมาอีก กรรมที่ให้ผลกับตัวเราก็จะหมดไปทีละเรื่องๆ คิดในทางที่ดีเข้าไว้ ได้รับผลกรรมก็ดีจะได้หมดหมดเสียที แต่คิดว่ามันคงไม่หมดง่ายๆ หรอก ทำมาเยอะมากๆ ไม่รู้ต่อกี่ชาติแล้ว เมื่อตอนนี้รู้ธรรมบ้างแล้วก็ระมัดระวังการกระทำ ความคิดต่างๆ ติดตามศึกษาธรรมจากมูลนิธิฯ บ่อยๆ เพื่อกันลืมตัว เผลอตัว ฟังแต่ละท่านที่เข้ามาในกระดานสนทนาบ่อยๆ มากๆ ก็จะได้สติปัญญาเพิ่มขึ้นมาทีละนิดๆ เอง ขอเอาใจช่วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
narong.p
วันที่ 11 ก.ย. 2549

จากอาการที่หนูบอกว่า แน่นหน้าอกและเจ็บตรงหัวใจ ก็ไม่น่าที่จะเกี่ยวกับปอด และไม่ได้บอกด้วยว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้มานานเท่าใด ก่อนอื่น เมื่อเกิดความสงสัยขึ้นก็ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจและเอ็กซเรย์บริเวณทรวงอก แพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้จากฟิล์มโดยตรง ซึ่งจะถูกต้องกว่าการคาดเดา แต่อย่างไรก็ตาม เห็นควรที่จะเปลี่ยนงานใหม่ เพื่อสุขภาพ ได้ผลเป็นประการใด แจ้งข่าวความคืบหน้าให้สหายธรรมรับทราบกันด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
fangfangfang
วันที่ 12 ก.ย. 2549

ขอบคุณท่านทุกคนที่ช่วยกันตอบมาค่ะ ความคิดเห็นที่ 5 ของคุณ pong น่าคิดเหมือนกันค่ะ ความจริงก่อนที่ดิฉันจะหัวใจเต้นแรง ดิฉันกินยาโรคประสาทค่ะ แต่ดิฉันหายแล้วค่ ะดิฉันหายยังไงรู้มั้ยคะ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ ดิฉันไปรักษากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปรักษากับเจ้าพ่อ...... (คนทรงเจ้า) ค่ะ ดิฉันให้ท่านดูดเอาพิษออก เป็นยังไงรู้มั้ยคะ...ดิฉันหายค่ะ หายค่ะจริงๆ เป็นโรคประสาทมาหลายปีกินยาหมอแต่ไม่หาย ดิฉันกินยามาหลายปี แต่หัวใจมันก็เต้นแรงแบบนี้แหละค่ะ หลังจากท่านดูดเอาพิษออก ท่านก็สงสัยถามว่าทำไมหัวใจถึงเต้นแรง ท่านบอกว่าโรคทางจิตหรือโดนของท่านรักษาได้แต่ถ้าโดนทางเคมีนั่นก็คือยาทางการแพทย์ ท่านรักษาไม่ได้เพราะยาเหล่านี้มันเป็นยาทางวิทยาศาสตร์มันสะสมในร่างกาย แล้วอีกอย่างข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นมาทางยาหรือทางเคมีด้วย หมายถึง ข้าพเจ้าไม่สามารถรักษาด้วยยา ท่านบอกว่าน่าจะเป็นยาตัวนี้แหละที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเพราะข้าพเจ้ากินมาหลายปีแต่ไม่หาย แต่มาหายเอากับเจ้าพ่อนี่แหละค่ะ (หมายถึงโรคประสาทค่ะ) หลังจากนั้นดิฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติปกติจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ปกติไม่สามารถมาพิมพ์อธิบายได้อย่างนี้หรอกค่ะ ผลเสียจากการเป็นในครั้งนี้คือ อาการแน่นหน้าอกและหัวใจเต้นแรงค่ะ สาเหตุมาจากยาหรือว่าบุหรี่หรือเปล่า นี่แหละค่ะคือปัญห เรื่องบุหรี่นี่ไปทำงานที่นั่นประมาณ 35 วันค่ะ 35 วันนี่เป็นสาเหตุของหัวใจเต้นแรงได้หรือเปล่าคะ หรือว่าจะเป็นการกินยาโรคประสาทมาเป็นเวลา 5 ปี ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรคะ กับเรื่องราวที่ข้าพเจ้าเล่ามา รายละเอียดยาของข้าพเจ้า ราคาเม็ดละ 200 ค่ะ แต่อย่าตกใจไปค่ะพ่อเป็นข้าราชการเบิกได้พออายุ 20 ก็ใช้บัตรทอง ต้องกินวันละ 1 เม็ดค่ะ ยามันคงแรงไปหรือเปล่าคะ เรื่องนี้ก็มีกรณีที่เกี่ยวกันเหมือนกัน ตาของข้าพเจ้าเป็นโรคอัมพฤก ท่านตายมาเจ็ดปีท่านเป็นมะเร็งตายเพราะกินยาโรคอัมพฤก 20 ปีค่ะ พอแค่นี้ก่อนค่ะเดี๋ยวท่านผู้อ่านจะเบื่อเสียก่อน ท่านผู้อ่านคิดว่ายังไงโปรดพิจารณาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
medulla
วันที่ 12 ก.ย. 2549

สวัสดีค่ะ เราขอแนะนำให้คุณไปตรวจเพื่อให้รู้ว่าเป็นโรคหัวใจชนิดไหน ก่อนนะคะ ถ้าสมมติว่าคุณไม่ได้เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แต่เป็นประเภทหัวใจขาดเลือด ให้คุณรับประทานอาหารที่มีวิตามินอีสูง เพราะวิตามินอีจะช่วยลดคอเรสเตอรอล และช่วยนำพาออกซิ-เจนและเลือดไปเลี้ยงหัวใจ แนะนำให้ไปร้านขายยา หาซื้อวิตามินแคปซูลมากินกระปุกไม่เกิน 200 บาท แฟนเราก็กินค่ะ เพราะเป็นโรคหัวใจขาดเลือด (เนื่องจากเลือดไม่ไปเลี้ยงเพราะไขมันอุดตันในเส้นเลือด) จนกล้ามเนื้อหัวใจเริ่มตาย โชคดีที่รู้ทันเสียก่อน คุณหมอแนะนำให้ทาน วิตามินอี และเสริมด้วย Co.Q10 (สารตัวนี้ที่อเมริกา ใช้รักษาโรคหัวใจ เพราะว่ามีผลต่อการเยียวยากล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง)

แล้วกินพวกอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลน้อยๆ พวกอาหารชีวจิต เพื่อที่เส้นเลือดจะได้ไม่อุดตัน เลือดจะได้ไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจจะได้ไม่ขาดเลือด เมื่อหัวใจไม่ขาดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจจะได้ไม่ตาย ถ้ามันเริ่มตาย จะเจ็บหน้าอกมาก เหมือนคนมากระทุ้งจนแน่น เป็นอาการที่น่ารำคาญและทรมานมากค่ะ

ที่สำคัญให้นอนตะแคงขวานะคะ เลือดจะได้ไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น และจะได้ไม่ต้องกดทับหัวใจเวลานอน ไม่งั้นจะตื่นมาเจ็บ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ