คนเห็นชั่วเป็นดี ใจหยาบบาปช้า ใส่ร้ายผู้คนที่ทำแต่ความดี แต่ยังได้ดี

 
jojojo
วันที่  10 ก.พ. 2555
หมายเลข  20523
อ่าน  6,487

เกี่ยวมั้ยครับ ที่ปัจจุบัน คนเห็นชั่วเป็นดี ใจหยาบบาปช้า ใส่ร้ายผู้คนที่ทำแต่ความดีแต่ยังได้ดี ดั่งเช่นในสังคมไทยปัจจุบัน เกี่ยวกับสัตว์นรกมาเกิดเยอะหรือป่าว ทำไมจึงเกิดยุคปัจจุบันนี้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 10 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นผลของกุศลกรรม แต่เกิดมาแล้ว ก็มีความแตกต่างกัน มีความประพฤติเป็นไปที่แตกต่างกัน ตามการสะสม เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน ไม่มีคนชั่ว ไม่มีคนดี เป็นต้น มีแต่ธรรมเท่านั้นจริงๆ แต่ที่เรียกว่าเป็นคนชั่ว ก็เพราะเหตุว่า ธรรมฝ่ายชั่ว ธรรมฝ่ายไม่ดี คือ อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ถูกอกุศลครอบงำ จึงมีความประพฤติเป็นไปตามกำลังของอกุศล จึงเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า เป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดี ในทางตรงกันข้าม บุคคลผู้ที่มีกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป มีเมตตา ต่อผู้อื่น มีการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ไม่ว่าร้าย ผู้อื่น พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน บุคคลประเภทนี้เป็นคนดี เพราะมีกุศลธรรม เกิดขึ้นเป็นไป คนดี กับ คนชั่ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมามีในสมัยนี้ แต่ มีทุกยุคทุกสมัย

ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ตามสมควร เรื่องกรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด กรรมในอดีตชาติที่ผ่านๆ มา แต่ละบุคคลก็ได้กระทำมาอย่างมากมาย มีทั้งดีและไม่ดี กรรมดี กับ กรรมชั่ว เป็นคนละส่วนกัน

ข้อที่น่าพิจารณา คือ บุคคลผู้ที่ทำกรรมชั่วประการต่างๆ กรรมชั่วยังไม่ให้ผล แต่เขายังมีความสุข มีทรัพย์สินเงินทอง มียศถาบรรดาศักดิ์ เป็นต้น นั่นเป็นเพราะกรรมดีที่เขาเคยได้กระทำมาแล้ว ให้ผล เมื่อกรรมชั่วให้ผลเมื่อไหร่ เมื่อนั้น เขาย่อมจะรู้ได้ว่า ทำกรรมชั่ว ได้รับผลชั่วจริงๆ , ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ทำกรรมดีประการต่างๆ กรรมดียังไม่ให้ผล เขาจึงประสบกับความทุกข์ยาก ได้รับความเดือดร้อนประการต่างๆ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะกรรมชั่วที่เขาเคยได้กระทำมาแล้ว ถึงคราวที่จะให้ผล แต่เมื่อกรรมดีให้ผลเมื่อไหร่ เมื่อนั้น เขาย่อมจะรู้ได้ว่า ทำกรรมดี ได้รับผลดีจริงๆ

การกระทำกรรมดี และ กรรมชั่ว นั้น เป็นการสร้างเหตุใหม่ เมื่อกรรมถึงคราวที่จะให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้น (เหตุ ย่อมสมควรแก่ผล) ถ้าเป็นผลของกรรมดี ย่อมทำให้ได้รับในสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ถ้าเป็นผลของกรรมชั่ว ย่อมทำให้ได้รับในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เป็นไปไม่ได้ ที่เหตุดี แล้วจะให้ผลไม่ดี หรือ เหตุไม่ดีแล้ว จะให้ผลเป็นดี แต่เหตุย่อมสมควรแก่ผล เหตุดี ผลก็ย่อมดี เหตุไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี

และที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่น แต่สำหรับเรา ในภพนี้ชาตินี้ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา ได้กระทำกิจที่ควรกระทำสำหรับตนเองแล้วหรือยัง นั่นก็คือ เป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาและน้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ในชีวิตประจำวัน สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 10 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง แสดงเรื่องสภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก และ รูป ดังนั้น ความชั่วก็เป็นเพียง จิตและเจตสิกที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น ที่เป็นอกุศลจิต ความดีก็ คือ จิต เจตสิกที่ดีเกิดขึ้น เป็นกุศลจิต ไม่มีใครที่ดี หรือ ใครชั่ว แต่เป็นเพียงสภาพธรรม ที่เกิดขึ้นและดับไป ซึ่ง เมื่อมีการทำกรรมดี และ กรรมชั่วแล้ว ก็ต้องมีผลของกรรมที่ได้ ทำกรรมดี และ กรรมชั่ว กรรมดี ย่อมให้ผลที่ดี เห็นสิ่งที่ดี ได้ยินสิ่งที่ดี ได้กลิ่นที่ดี ได้ลิ้ม รสที่ดี ได้รู้กระทบสัมผัสที่ดี เป็นต้น และเมื่อทำกรรมชั่ว เมื่อกรรมชั่วให้ผล ทำให้ได้เห็น สิ่งที่ไม่ดี ได้ยินสิ่งที่ไม่ดี ได้กลิ่นที่ไม่ดี ลิ้มรสที่ไม่ดี รู้กระทบสัมผัสที่ไม่ดี เป็นต้น

ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินเสียงที่ไม่ดี มีการว่าร้าย ใส่ร้าย เป็นต้น ก็เพราะผลของ อกุศลกรรม ผลของกรรมชั่วให้ผล ครับ จึงไม่สามารถโทษใครได้เลย เพราะกรรมที่ทำไว้เอง ครับ ส่วนผู้ที่ว่ากล่าว กล่าวร้าย ก็ทำเหตุใหม่ คือ ทำอกุศลกรรม แต่ กรรม นั้น มีกาล เวลาในการให้ผล ไม่ใช่ว่า ทำกรรมนั้นจะให้ผลทันที

เปรียบเหมือน การปลูกมะม่วง เพียง เพาะเมล็ดลงดิน รดน้ำทุกวัน ๑ เดือน ไม่ใช่ว่าผลมะม่วงจะออกมาใน ๑ เดือน แต่มีกาลเวลา คือ ๓ ปี แม้จะอยาก หรือ พยายามเท่าไหร่ รดน้ำให้มากเท่าจำนวน ๓ ปี ผลมะม่วงก็ไม่มีทางออกในระยะเวลา ๑ เดือนได้เลยครับ กรรมชั่วที่ทำ มีการว่าร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะว่าใครก็ตาม แต่กรรมชั่วนั้น ยังไม่ให้ผล แต่ที่เราเห็นว่า คนที่ทำบาป กับได้รับสิ่งที่ดีๆ ก็เพราะว่า กรรมดีในอดีตชาติมาให้ผลในขณะต่อจากนั้นได้ครับ ซึ่งเราก็จะไม่ปนกันว่า กรรมชั่วจะให้ผลดี หรือ กรรมดีจะให้ผลไม่ดีไม่ได้เลย เหตุต้องตรงกับผล คือ กรรมดี ให้ผลที่ดี กรรมชั่วให้ผลที่ชั่วครับ แต่ต้องมีระยะกาลเวลาของกรรม ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 10 ก.พ. 2555

ในพระไตรปิฎก แสดงเรื่องนี้ ถึง การที่พระรูปหนึ่งถูกใส่ร้าย ท่านชื่อ พระโกณฑธาน เถระ ในอดีตชาติ ท่านกล่าวคำส่อเสียด ให้ภิกษุสองรูปแตกกัน มาในชาติปัจจุบัน ด้วย เศษของการกล่าววาจาส่อเสียด ทำให้ เมื่อท่านบวชเป็นพระ เพื่อดับกิเลส ก็ มี เงาผู้หญิงติดตามท่านข้างหลัง แต่ท่านไม่เห็น ภิกษุรูปอื่นก็ล้อ และ ว่าท่าน อันเป็นเพราะ ผลของอกุศลกรรมที่ทำมาครับ แม้ท่านเป็นคนดี แต่ท่านก็ไม่พ้นจากวิบากกรรม แต่ ท่านก็ทนไม่ไหว ที่ถูกว่า ล้อ จากพระภิกษุรุปอื่น ที่มีผู้หญิงติดตามท่าน ท่านจึงว่า กล่าว กลับไป เรื่องถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เหตุที่เธอเป็นอย่างนี้ เพราะกรรมไม่ดีของเธอเอง ควรหรือ ที่เธอจะทำเหตุใหม่ที่ไม่ดี ที่จะต้องได้รับผลอีก

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

" เธออย่าได้กล่าวคำหยาบกะใครๆ , ชนเหล่าอื่นถูกเธอว่าแล้ว จะพึงตอบเธอ, เพราะการกล่าวแข่งขันกันให้เกิดทุกข์ อาชญาตอบพึงถูกต้องเธอ, ผิเธออาจยังตนไม่ให้หวั่นไหวได้ ดังกังสดาล (ระฆัง) ที่ถูกกำจัดแล้วไซร้ เธอนั่นย่อมบรรลุพระนิพพาน, การกล่าวแข่งขันกัน ย่อมไม่มีแก่เธอ."


และเป็นธรรมดาเหลือเกินที่คนไม่ดี หรือ ความไม่ดี เจริญและมีมากในปัจจุบัน มากกว่าในพุทธกาล เพราะพระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ครับว่า เมื่อมนุษย์มีอายุขัย ต่ำ กว่า ๑๐๐ ปี จะมีกิเลสมาก นั่นเองครับ และ พระพุทธเจ้าได้พุทธพยากรณ์ไว้แล้ว ครับว่า ต่อไปในอนาคต อธรรม คือ ความชั่วจะมีกำลัง เพราะ สัตว์โลกมากไปด้วย กิเลสนั่นเองครับ

ดังนั้น ความชั่ว ก็เป็นความชั่วของผู้อื่น ไม่ได้เกี่ยวกับเรา ใครไม่ดี ว่าร้ายเรา หรือ ใครก็ตาม ก็เป็นอกุศลของเขา ไม่เกี่ยวกับใจของเรา แต่เราสามารถดี อนุเคราะห์เขาได้ แต่ไม่เสพคุ้น เช่น การให้สิ่งต่างๆ มีเมตตา ช่วยเหลือบุคคลนั้นครับ ที่สำคัญที่สุด กิจ หรือ หน้าที่ของเราที่ควรทำ คือ การอบรมปัญญาและการเจริญกุศลทุกประการครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 10 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"สัตว์โลกมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ุ

ทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมนั้นไม่ช้าก็เร็ว"

"กรรมยุติธรรมเสมอ"

"เหตุดีผลก็ย่อมดี"

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.ผเดิม, อ.คำปั่น และทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanakase
วันที่ 11 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 11 ก.พ. 2555

แม้แต่พระพุทธเจ้า ที่เป็นบุคคลที่เลิศที่สุดในโลก ยังถูกนางจิญจมาณวิกาใส่ร้ายเลย

นางจิญจมาณวิกา ทำกรรมหนัก ถูกแผ่นดินสูบ ตายไป ตกนรก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pat_jesty
วันที่ 11 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 13 ก.พ. 2555

คนเห็นชั่วเป็นดี ... ผู้ศึกษาพระธรรมย่อมแยกแยะออก ไม่เห็นว่าอกุศลเป็นกุศล
ใจหยาบบาปช้า ... ผู้มีปัญญาย่อมไม่ใช่ผู้ใจบาปหยาบช้า
ใส่ร้ายผู้คนที่ทำแต่ความดี แต่ยังได้ดี ... ผู้ศึกษาพระธรรมย่อมไม่เชื่อว่าผู้ใส่ร้ายผู้ที่ทำแต่ความดีแต่ยังได้ดีเพราะผลของกรรมนั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 14 ก.พ. 2555

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 2

แม้คนผู้ทำบุญ ย่อมเห็นบาปว่าดี

ตลอดกาลที่บาปยังไม่เผล็ดผล

แต่เมื่อใดบาปเผล็ดผล

เมื่อนั้นเขาย่อมเห็นบาปว่าชั่ว

ฝ่ายคนทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว

ตลอดกาลที่กรรมดียังไม่เผล็ดผล

แต่เมื่อใดกรรมดีเผล็ดผล

เมื่อนั้นเขาย่อมเห็นกรรมดีว่าดี

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ภพฺพาคมโน
วันที่ 16 ก.พ. 2555

คนที่ทำชั่วแต่ได้ดี ยังลอยหน้าลอยตาในสังคม
เป็นเพราะในอดีตเขาสร้างกุศลกรรมไว้มากค่ะ อกุศลวิบากจึงส่งผลช้า
เปรียบเหมือนเรือขนาดใหญ่ ต้องขุดเจาะเรือนาน จึงทำให้เรือล่มได้

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ