2012 โลกจะแตกจริงหรือ?

 
kanchana.c
วันที่  11 ก.พ. 2555
หมายเลข  20529
อ่าน  1,474

หลังจากมีเหตุภัยพิบัติต่างๆ ทั่วโลก เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วมใหญ่ อากาศหนาวจัด ทำให้หลายคนกลัวว่าโลกจะแตกในปี 2012 อย่างที่เคยนำมาทำเป็นภาพยนตร์ เพิ่งได้ทราบที่มาว่า มาจากปฏิทินของชาวมายาที่แสดงมาถึงปี 2012 คนที่เชื่อและดู เหมือนอยากให้โลกแตก ก็หาเหตุผลมาสนับสนุนมากมาย เช่น ในปีนี้เกิดพายุสุริยะ ขั้วแม่เหล็กโลกเปลี่ยนทิศ และจะมีดาวเคราะห์ ชื่ออะไรก็จำไม่ได้ วิ่งมาชนโลก จะทำให้โลกแตกเหมือนกับที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธ์มาแล้ว (ไม่ทราบใครเป็นคนรู้ มีแต่อ้าง ทฤษฎีต่างๆ และรู้ไปก็ไม่เห็นว่ามีประโยชน์อะไร)

วันนี้ได้ไปร่วมฟังการสนทนาธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ท่าน อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า คนทั่วไปพูดถึงสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก อย่างคำว่า “โลก” ก็ไม่รู้ว่า มีความหมายว่าอย่างไร

โลก คือ สภาพธรรมที่แตกดับอยู่ทุกขณะ สภาพธรรมที่นี่ หมายถึง จิต เจตสิก รูป หรือขันธ์ ๕ ซึ่งเกิดดับอยู่ทุกขณะ และไม่กลับมาอีกเลย จึงว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล และถ้าไม่มีจิต เจตสิก เกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไรเกิดปรากฏ แต่เพราะมีสภาพธรรมเกิดขึ้น แล้วคิดนึก จึงมีสิ่งที่เรียกว่า โลก

ดังนั้น โลกจึงแตกดับอยู่ทุกขณะ ไม่ต้องรอ 2012 หรือขณะไหนๆ ทั้งสิ้น เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปอยู่แล้ว เมื่อมาศึกษาธรรมนานหลายปี จึงมีโอกาสได้ยินได้ฟังเรื่องราวของโลกที่แตกดับทุกขณะ แต่ยังไม่มีความเข้าใจพอที่จะรู้ว่า ทุกขณะที่เกิดขึ้นเป็น ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ และประจักษ์การเกิดดับของโลกทุกขณะอย่างที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้

ก็คงต้องสะสมความเข้าใจต่อไปด้วยการฟัง การพิจารณา ไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจที่สูงกว่าขั้นฟัง จนถึงขั้นประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนี้ตามความเป็นจริง จึงจะเข้าใจจริงๆ ว่า โลกแตกดับทุกขณะ ละคลายความยึดถือสิ่งที่เรียกว่าโลกทั้งหมดได้ เพราะรู้แน่แก่ใจว่า เป็นแต่เพียงความว่างเปล่า หาความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนไม่ได้เลย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 11 ก.พ. 2555

"... โลก คือ สภาพธรรมที่แตกดับอยู่ทุกขณะ สภาพธรรมที่นี่ หมายถึง จิต เจตสิก รูป หรือ ขันธ์ ๕ ซึ่งเกิดดับอยู่ทุกขณะ และ ไม่กลับมาอีกเลย จึงว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล และ ถ้าไม่มีจิต เจตสิก เกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไรเกิดปรากฏ แต่เพราะมีสภาพธรรมเกิดขึ้น แล้วคิดนึก จึงมีสิ่งที่เรียกว่า โลก ..."

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pat_jesty
วันที่ 11 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 12 ก.พ. 2555
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pamali
วันที่ 12 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
choonj
วันที่ 13 ก.พ. 2555

ขอแสดงความเห็นด้วยคน ...

การประจักษ์การแตกดับของสิ่งที่เกิดยังไม่ปรากฏ เมื่อไม่ประจักษ์ ใจก็ยังติดข้องและยังไม่ยอมรับว่าแท้จริงแล้ว ทุกสิ่งเกิดดับอยู่ตลอดเวลา โลกก็ยังไม่แตก ยังยืนอยู่บนโลกได้ ด้วยความรักตัวจึงโลกจะแตกจริงหรือ? ปฏิทินมายาสิ้นสุดลงเมื่อโลกแตกและถูกทำลาย ดวงอาทิตย์ก็จะขยันเป็นพิเศษปลอยรังสีต่างๆ ที่เรียกว่าพายุสุริยะ ทุกๆ สิบปี โดยความบังเอิญหรืออย่างไรปฏิทินมายาสิ้งสุดลงในปี 1012 และความบังเอิญอีกนั้นแหละขยันเป็นพิเศษของดวงอาทิตย์ ครบรอบสิบปีพอดีในปี 1012 ปีนี้จึงเป็นปีที่มีการทำนายว่าโลกจะแตก มีการเสริมเติมแต่งด้วยการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกและดาวเคราะห์ แท้จริงแล้วขั้วแม่เหล็กเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาทุกนาที และเปลี่ยนไม่รู้กี่ที่แล้วจากเหนือไปใต้จากใต้ไปเหนือ แต่ใช้เวลานานมากเป็นพันๆ ปีในการเปลียน ส่วนดาวเคราะห์ที่จะชนโลกนั้นก็มีผู้พูดเพียงคนเดียว โดยไม่มีผู้ยืนยันรับรอง ท่านสอนว่า ทุกสิ่งเกิดดับเมื่อใช้คำว่าทุกสิ่งก็หมายความว่าไม่มีอะไรเลยที่เกิดแล้วไม่ดับ และสิ่งที่เกิดดับนั้นแหละเป็นทุกข์ อริยสัจจ์สี่ เริ่มด้วย ทุกข์ ศึกษาธรรมเพื่อรู้ทุกข์ ปัญญาจะเกิดได้ก็ต้องรู้อริยสัจจ์สี่ เริ่มด้วยรู้ทุกข์ เมื่อรู้ทุกข์ก็เป็นปัญญา เมื่อมีปัญญาก็การแตกดับก็ปรากฏได้ ก็จะเห็นโลกแตกดับจริงหรือ ...ฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
akrapat
วันที่ 13 ก.พ. 2555

โลกแตกดับทุกขณะ แต่เราไม่รู้ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่วิตกกังวล ก็เพราะรักตัวกลัวตาย เพราะรักตัวเรา รักของๆ เรา ถ้าเห็นว่า ทุกอย่างล้วนไม่ใช่เราแล้ว จะกลัวอะไรล่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 13 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนาและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เซจาน้อย
วันที่ 14 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนาและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Boonyavee
วันที่ 14 ก.พ. 2555

ขอกราบนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นและ

ขอกราบอนุโมทนาคุณแม่แดงค่ะ

ขอร่วมสนทนานะค่ะ หากมองดูสังขารร่างกายของเรา ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งชรานั้น ยังไม่เที่ยง ก็คงไม่มีแม้อำนาจใดที่จะไปบังคับบัญชาให้รูปร่าง สังขารของเรา อยู่คงสภาพไม่ให้เปลี่ยนแปลงได้ฉันใด ก็ไม่มีอำนาจใดที่จะไปบังคับบัญชา ห้ามไม่ให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติใดๆ เกิดขึ้นได้ ฉันนั้น และหากภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นจริง เราก็ไม่สามารถที่จะทราบล่วงหน้าได้ว่า ตัวเรามีวิบากใดที่จะได้รับหรือไม่ได้รับผลจากภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นหรือไม่

ความกังวลหรือความกลัวที่เกิดขึ้น จะไม่มีประโยชน์อันใดเลย หากไม่มีปัญญาจากขั้นการฟังธรรมและพิจารณาให้เข้าใจ เพื่อเป็นปัจจัยให้สติได้ระลึกรู้ว่า นี้คือลักษณะของความกังวลหรือความกลัวที่เกิดขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสภาพธรรมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

ดิฉันเห็นว่าควรจะพิจารณาสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ดีกว่าอยู่ด้วยความกลัวโดยไม่รู้อะไรนั้น คงจะเป็นประโยชน์มากกว่า สำหรับดิฉันแม้ปัญญาจะน้อยนิด และระลึกได้ไม่ค่อยบ่อยแต่สิ่งที่ดิฉันรู้แน่ชัดแล้วว่า แม้โลกภายในกายของดิฉัน หรือโลกภายนอกที่คนต่างกังวลนั้นจะดับไป แต่อย่างน้อยการฟังธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ ก็จะเป็นเหมือนแสงไฟที่จุดประกายปัญญาให้ส่องสว่างในความมืดได้ แม้แสงนั้นอาจจะน้อยนิดแต่ก็ดีกว่าไม่พบแสงธรรมใดๆ เลยค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
khundong
วันที่ 17 ก.พ. 2555

ขอร่วมสนทนา ครับ

มีโลก จึงมีเรา มีเรา จึงมีโลก

ไม่มีเรา ก็ไม่มีโลก ไม่มีโลก ก็ไม่มีเรา

โลกของแต่ละคน อยู่ที่ทุกคนคิดปรุงแต่งเองทั้งสิ้น

ธรรมชาติ จะเป็นปรกติของ ธรรมชาติ จะไปบังคับบัญชาอะไรไม่ได้

ความจริงคืออะไร (ความจริง+ธรรมชาติ) = (สัจจะ+ธรรม) หรือเรียกว่า สัจจธรรม

พระองค์ค้นพบอะไรอันยิ่งใหญ่ ค้นพบสัจจธรรม (มี เกิด แก่ เจ็บ และตาย) ซึ่งไม่มีผู้ใดรอดจากความตายได้เลยแม้แต่คนเดียวในดาวเคราะห์แห่งนี้

เราหรือมนุษย์ที่อยู่บนโลกใบนี้ ต้อง ศึกษาอบรม ค้นหาความจริง รู้เรื่องสติ และ ปัญญาในทางธรรมให้เร็วที่สุดตั้งแต่เดี๋ยวนี้เป็นต้นไป เมื่อค้นพบความจริง ดวงตาจะเห็นธรรม (เห็นธรรมชาติ) ถูกต้องตามความเป็นจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
homenumber5
วันที่ 18 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ ที่ได้นำเรื่องในกระแสตวามวิตกเข้ามาในทางธรรม ตามที่ท่านอ สุจินต์ ว่า โลกแตกดับตลอดเวลา เป็นความจริงอย่างที่สุดตามพระไตรปิฎกใช่ไหมคะ ขอเรียนถามท่านวิทยากรและเพื่อนๆ ว่า

๑. ดิฉัน ทราบว่าพุทธทำนายบอกว่า พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้อยู่ได้ ๕๐๐๐ ปี ดังนั้นก็สงสัยว่าในเมื่อพระพุทธศาสนาอยู่ได้ถึง ๕๐๐๐ ปีแล้วทำไมโลกจึงจะแตกดับในปีที่ ๒๖๐๐ ปีหลังการตรัสรู้ จึงตีความว่าผู้ที่ยังมั่นคงในพระพุทธศาสนา โลกของชนเหล่านี้ก็ยังไม่แตก ก็อาจเป็นตรรก ที่ไม่ถูกต้องนัก จริงหรือไม่คะ อย่างไรก็ดี แม้แต่พระพุทธศาสนายังมีเวลา อายุ แล้วคนเรามีอายุไม่เกิน ๑๐๐ ปี ทำไมไม่รีบแสวงหาพระสัจจธรรมของพุทธองค์ หรือสิ่งอื่นๆ ที่ควรแสวงหา ก่อนโลกแตกด้วยเล่า

๒. อย่างที่ทราบ ปัจจุบันนี้มีเรื่องข่าวมาบ่อยๆ เรื่อง ภัยพิบัติต่างๆ ของโลกใบนี้ แล้วท่านวิทยากร และ ท่านพุทธศาสนิกชนมีความเห็นว่า ผู้รับฟังข่าวเหล่านี้ควรจะฟังอย่างไร เพราะ เยาวชนบางกลุ่มไม่เข้าใจ จิต เจตสิก รูป นิพพาน อะไรเลย จะสอนให้เขาเข้าใจอย่างไรดี

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
paderm
วันที่ 18 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ 14 ครับ

ข้อ ๑. โลกไม่ได้จะแตก ในระยะเวลาอันใกล้นี้ครับ อีกนานนับปีไม่ได้ และพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรย์ต้องอุบัติในโลกก่อนด้วยครับ

ข้อ ๒. เป็นเรื่องยากที่ผู้ที่ไม่สนใจพระธรรมจะสนใจ หากเขามีเหตุปัจจัย บุญของเขาในอดีต ย่อมซัดพาให้เขามาได้พบพระธรรมและสนใจพระธรรมเอง ครับ

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ