สัมมาสติ มิจฉาสติ

 
ปุ้ม
วันที่  12 ก.พ. 2555
หมายเลข  20534
อ่าน  3,584

เวลาคนดีทำดีก็มีสติ เวลาคนชั่วทำชั่วก็มีสติ คนดีมีสติและมีปัญญาจึงทำดี คนชั่วทำชั่วเพราะไม่มีปัญญาแต่ก็มีสติรู้ตัวว่าทำอะไร

จากคำกล่าวข้างบน มีสิ่งใดผิดหรือไม่ครับ

ขอกราบเรียนถามขอรับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โดยมาก คนไทย นำภาษาบาลีมาใช้ โดยไม่ตรงกับความหมายของภาษาบาลี และไม่ตรงกับความหมายของพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ อย่างเช่น คำว่า สติ

สติ ในภาษาไทย ก็เข้าใจกันว่า ทำอะไร ก็รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เดินก็รู้ว่าเดินอยู่ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ขณะนั้น มี สติ ความหมายสตินี้ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับ

สติ ที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ สติ เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี เป็นเจตสิก เกิดกับจิตที่ดีเท่านั้น ไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย ดังนั้นขณะใดที่เป็นอกุศลขณะนั้น ไม่มีสติ ขณะใดที่เป็นกุศล ไม่ว่าระดับใด ขณะนั้นมีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วยครับ สติทำหน้าที่ระลึก และกั้นกระแสกิเลสที่เกิดขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้นในขณะที่สติเกิดครับ เพราะฉะนั้น ขณะที่เป็นอกุศลจิต ขณะที่ทำชั่ว จะมีสติไม่ได้เลยครับ

ดังนั้น คำว่า เวลาคนดีทำดีก็มีสติ เวลาคนชั่วทำชั่วก็มีสติ ขณะที่ทำความดี เป็นกุศลจิต ไม่ว่าจะเกิดกับใคร คนดี หรือ คนชั่ว ขณะนั้นต้องมีสติเกิดร่วมด้วย ในขณะที่เป็นความดี ทำความดี ครับ และขณะที่เป็นอกุศลจิต ความชั่วเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดกับใคร คนดี หรือ คนชั่วก็ตาม ไม่มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วยในขณะนั้นครับ

และจากคำกล่าวที่ว่า คนดีมีสติและมีปัญญาจึงทำดี คนชั่วทำชั่วเพราะไม่มีปัญญาแต่ก็มีสติรู้ตัวว่าทำอะไร

คนดี หรือ คนชั่ว ก็เป็นเพียง จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น ทำหน้าที่เกิดกุศลจิต หรืออกุศลจิตครับ ดังนั้น ความดีเกิดขึ้นและเจริญขึ้นได้ เพราะอาศัยสภาพธรรมที่เป็นหลัก คือ ปัญญา เพราะมีความเห็นถูก ย่อมทำให้มีการเจริญกุศลมากขึ้น ขณะที่กุศลเพิ่มขึ้น สติเกิดกับกุศล สติก็เจริญขึ้นด้วย เพราะกุศลเกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ นั่นเองครับ เพราะมีปัญญา ความเห็นถูก เป็นพื้นฐาน ทำให้กุศลประการต่างๆ เจริญ เพราะปัญญาเป็นหัวหน้าของกุศลธรรมครับ

ส่วน คำที่ว่า คนชั่วทำชั่วเพราะไม่มีปัญญาแต่ก็มีสติรู้ตัวว่าทำอะไร

คนทำชั่ว คือ ขณะที่อกุศลจิตเกิด เพราะขณะนั้น มีสภาพธรรมที่ไม่ดี คือ เจตสิกที่ไม่ดี มีกิเลสเกิดขึ้น และไม่มีปัญญาด้วย เพราะขณะที่ทำความชั่ว อกุศลจิตเกิดขึ้น มีโมหเจตสิกเกิดขึ้น คือ ความไม่รู้และไม่มีปัญญาในขณะนั้นครับ แต่คนชั่ว ขณะที่ทำชั่ว เป็นอกุศล จะกล่าวว่ามีสติไม่ได้ เพราะสติที่ถูกต้อง ไม่ได้หมายถึงว่า กำลังรู้ตัวว่าทำอะไรครับ แต่สติ คือ สภาพธรรมที่เกิดกับจิตที่ดี เป็นเจตสิกที่ดีที่เกิดกับกุศลจิตเท่านั้น ไม่เกิดกับอกุศลจิต เพราะฉะนั้น คนชั่วที่ทำชั่วอยู่ คือ เกิดอกุศลจิตอยู่ จึงไม่มีสติเกิดร่วมด้วย ไม่มีสติเลยในขณะนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นอกุศล หรือ ความชั่ว จะน้อย หรือ มากก็ตาม ก็ไม่มีสติครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปุ้ม
วันที่ 12 ก.พ. 2555

ขอขอบคุณครับ ขออุนุโมทนาขอรับ

สติเกิดได้กับเจตสิกที่ดี กับจิตที่ดี เป็นเคลื่องกั้นกระแส เป็นเครื่องระลึกของใจ เพื่อปัญญาและปัญญาเพื่อสติที่ยิ่งขึ้น สาธุๆ ๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 12 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สติ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่งาม เป็นสภาพธรรมที่ระลึกเป็นไปในกุศลธรรม สติจะไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิต เลย กุศลกับอกุศล เป็นธรรมคนละประเภทกัน ไม่เกิดร่วมกันอย่างเด็ดขาด

โดยปกติของปุถุชนแล้ว เป็นผู้ตกไปในฝักฝ่ายของอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นผู้มีโทษมาก เพราะกาย วาจา และใจ เป็นไปกับด้วยอกุศล เมื่อสะสมมากขึ้นๆ มีกำลังมากขึ้น ก็ทำให้ล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน เป็นความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรม ซึ่งเป็นธรรมฝ่ายดำ เป็นธรรมที่ไม่ดี เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ตามควรแก่อกุศลจิตประเภทนั้น โดยที่ไม่มีสติเลย ในขณะที่จิตเป็นอกุศล เพราะสติ ไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิต

ตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าจิตไม่ได้เป็นไปในทาน ไม่ได้เป็นไปในศีล ไม่ได้เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิตและการอบรมเจริญปัญญาแล้ว เป็นอกุศลทั้งนั้น (เมื่อไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบาก และ กิริยา) มีเพียงกุศลเกิดแทรกสลับกับอกุศล เท่านั้นจริงๆ ซึ่งขณะที่จิตเป็นกุศล ประกอบด้วยโสภณเจตสิกฝ่ายดีประการต่างๆ มี ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ สติ เป็นต้น [และที่ขาดไม่ได้เลย คือ สติ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ระลึกเป็นไปในกุศล] ย่อมเป็นการกั้นกระแสของอกุศล เนื่องจากว่าในขณะที่เป็นกุศล อกุศลก็เกิดไม่ได้ โดยไม่มีตัวตนที่ไปกั้น แต่เป็นธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ซึ่งจะต้องค่อยๆ เจริญกุศล เห็นประโยชน์ของความดีประการต่างๆ [ไม่เห็นว่า อกุศลดีกว่ากุศล] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละคลายกิเลส จนกระทั่งสามารถดับได้ในที่สุด ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้รู้น้อย
วันที่ 13 ก.พ. 2555

เพราะสติที่ถูกต้อง ไม่ได้หมายถึงว่า

กำลังรู้ตัวว่าทำอะไร

แต่สติ คือ สภาพธรรมที่เกิดกับจิตที่ดี เป็นเจตสิกที่ดีที่เกิดกับกุศลจิตเท่านั้น ไม่เกิดกับอกุศลจิต

ขอน้อมจิตอนุโมทนาในกุศลจิต ด้วยเศียรเกล้าครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 13 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wanipa
วันที่ 14 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ภพฺพาคมโน
วันที่ 16 ก.พ. 2555

สติ เป็นโสภณเจตสิก ซึ่งเกิดกับกุศลจิตเท่านั้น ดังนั้นเวลาคนทำชั่วอยู่ เช่น มือปืนระลึกได้ว่าจะต้องไปยิงใคร บ้านอยู่ไหน ไม่ใช่สติที่ประกอบในจิตที่ดีงาม แต่เป็นอัญญสมานาเจตสิก ที่เป็นเจตสิกฝ่ายกลางๆ ที่สามารถเข้าประกอบกับจิตได้ทั้งกลุ่มกุศลจิตและอกุศลจิต เช่น สัญญาเจตสิก

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
asp
วันที่ 11 พ.ย. 2555

ลักษณะของมิจฉาสติ มีไหม ถ้ามีก็ไม่ควรใช้คำนี้เพราะสติเป็นโสภณธรรมแต่คำว่ามิจฉาเป็นคำที่เข้าข่ายอกุศลมันปนกันในขณะเดียวสับสน ทำไมใช้คำนี้และมีลักษณะอย่างไรหรือ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
asp
วันที่ 11 พ.ย. 2555

เจอคำตอบในเว็บนี้แล้ว

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ