อัตตา หรือ อนัตตา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเป็นไปในความเห็นถูก เกิดปัญญา และ ละคลายกิเลสประการต่างๆ ดังนั้น หนทางที่ถูกต้องในการศึกษาธรรม คือ เป็นไปเพื่อ ละกิเลส และความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ มีปัญญา เป็นต้น ซึ่ง กิเลสก็มี มากมาย มีความเห็นผิด และ ความไม่รู้ เป็นต้น
ความเห็นผิด คือ เห็นว่ามีสัตว์ บุคคล มีตัวตน มีเรา มีสิ่งต่างๆ นั่นคือ ความเห็นผิด ที่เป็น อัตตา คือ สำคัญว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคลจริง และ ความไม่รู้ คือ ไม่รู้ว่าเป็นแต่ เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ส่วนความเห็นถูก คือ เห็นตามความเป็นจริงว่า มีแต่เพียงสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ เป็นต้น ดังนั้น อัตตา คือ ความยึดถือ ด้วยควาเมห็นผิด ว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล เป็นกิเลส เป็นสิ่งที่ไม่ดี อนัตตา คือ เป็นแต่ เพียงธรรม ไม่ใช่เรา การเข้าถึงความเป็นอนัตตา จึงต้องเป็นปัญญา ที่เห็นถูกตามความเป็นจริง ที่รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ บุคคล ไม่มีอัตตา ครับ
ดังนั้นจึงสามารถกลับมาโยงที่คำถามได้ว่า ศึกษาธรรม เพื่อนำ อัตตา ไปสู่ อนัตตาใช่หรือไม่ครับ
ซึ่ง ไม่มีใครนำจากอัตตา ความเข้าใจที่มีเรา มีสัตว์ บุคคล ไปสู่อนัตตา ความเข้าใจว่ามีแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ที่เป็นความเห็นถูก แต่สิ่งที่นำไป นำพาไปด้วยดี คือ สัมมามรรค ที่เป็นปัญญา มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ย่อมนำไปสู่จากควาเมห็นผิดที่เป็นความเข้าใจที่คิดว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคล เป็นอัตตา ย่อมนำพาไปสู่ความเห็นถูก คือความเป็นอนัตตา ดังนั้น จึงเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี มี สติและปัญญาที่เกิดขึ้นเป็นไป นำพาไปสู่ความเป็นอนัตตา ตามความเป็นจริง โดยไม่มีเราที่นำพาไป ครับ
การศึกษาธรรมที่ถูกต้อง ย่อมนำพาไปสู่ความเห็นถูก คือ จากอัตตา จากความเข้าใจผิด เมื่อปัญญาเกิดขึ้นจากการศึกษาธรรม ย่อมนำไปสู่ความเห็นถูก คือ ความเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เมื่อปัญญาเกิดขึ้นครับ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง จึงมีอุปการะมากในการนำพาไปสู่ ความเห็นถูก มีความเข้าใจว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล คือ เป็นอนัตตา เพราะเมื่อปัญญาเจริญขึ้นจากการฟัง ไม่ใช่การไปนั่ง ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา นี่คือ การค่อยๆ เข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม อันทำให้เข้าใจถึงความเป็นอนัตตาจริงๆ ครับ
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ... พากันไปไหน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นไปเพื่อละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล และ กิเลสประการต่างๆ ที่จะสอนให้ไม่รู้หรือสอนให้ไปทำอะไรด้วยความเห็นผิด ด้วยความเป็นตัวตนจดจ้องต้องการ ที่จะรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด นั่นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง และทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริงด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะเข้าใจ แต่ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่สะสมเหตุที่ดีมาที่จะได้ฟัง พร้อมทั้งมีความเพียร มีความอดทนและจริงใจที่จะศึกษา เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสจนกระทั่งดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น คือ การอบรมเจริญปัญญา อันเป็นหนทางที่พระสัมมาสัมพุทธรรมและพระอริยสาวกทั้งหลายดำเนินมาแล้ว
ถ้าเริ่มต้นด้วยความเข้าใจผิด ด้วยความเป็นตัวตนแล้ว มีแต่จะทำให้เพิ่มพูนความเห็นผิดและความไม่รู้มากยิ่งขึ้น ยากที่จะพ้นไปได้ ทางที่ดีที่สุด คือ เริ่มฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาตั้งแต่ในขณะนี้ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
แล้วความคิดที่ว่า
ความเห็นเราถูก ความเห็นอื่นผิด มันเห็นด้วยความเป็นอัตตาหรือไม่ ครับ
เรียนความเห็นที่ 3 ครับ
ก่อนอื่น ก็ต้องเข้าใจคำว่า อัตตาให้ถูกต้องว่า คือ อย่างไรครับ
ความเป็นอัตตา คือ ความเห็นว่ามีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีเรา มีสิ่งต่างๆ จริง ที่เรียกว่าอัตตานุทิฏฐิ อันเป็นความเห็นผิดครับ ส่วนขณะที่คิดว่าความเห็นของเราถูก ความเห็นอื่นผิด ขณะนั้น ไม่ได้มีความเห็นผิด ว่ามีเรา มีสัตว์ บุคคลจริงๆ คือ ไม่เกิดความเห็นขึ้นมาในใจว่า มีเรา มีสิ่งต่างๆ จริง ครับ จึงไม่ใช่ความเห็นผิด ที่เป็น ความเป็นอัตตาครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
การศึกษาธรรมะ จุดประสงค์เพื่อละความไม่รู้ ละความเห็นผิด ละอกุศลที่ไม่ดีทั้งหลาย ถ้าศึกษาธรรมะถูกทาง ก็จะทำให้ละคลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ละคลายความเป็นตัวตน จนในที่สุดหมดกิเลสพ้นทุกข์ ค่ะ