กินเหล้าบนสวรรค์ บาปไหม ครับ

 
อิ่ม
วันที่  15 ก.พ. 2555
หมายเลข  20556
อ่าน  4,635

เห็นบนสวรรค์ มีผลไม้ที่มีเหล้าข้างใน กินแล้วเมาไป ๒๕ วันสวรรค์ แล้วถ้าเราไปเกิดบนสวรรค์ แล้วไม่รู้กินเข้าไป โดยคิดว่าไม่ใช่เหล้า เพราะบนสวรรค์ไม่น่าจะมีสิ่งมึนเมา แล้วทีนี้ เราจะบาปไหม แล้วผู้ปกครองสวรรค์ เขาจะลงโทษเราเปล่า


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับบนสวรรค์ มีการดื่มน้ำเมา ของมึนเมาครับ ดังเช่น เมื่อครั้งที่ยักษ์และอสูร ดื่มของมึนเมา เพื่อทำการเฉลิมฉลอง และต้อนรับ การมาของเทพบุตร มี ท้าวสักกะ องค์ปัจจุบันที่มาบังเกิดบนสวรรค์ใหม่ๆ อสูรและยักษ์ที่เป็นเทวดาเหล่านั้น ก็ดื่มของ มึนเมา เพื่อเฉลิมฉลองกัน ท้าวสักกะที่อุบัติมาเป็นเทวดาใหม่ๆ เห็นเทวดาเหล่านั้น ดื่มของมึนเมากัน เห็นว่าเราไม่ควรอยู่ร่วมกับเหล่าคนพาล เพราะทำอกุศล มีการดื่ม น้ำเมา เป็นต้น จึงรอเวลาที่เหล่าเทวดา ที่เป็นยักษ์และอสูร เมาและหลับ ก็จับ เหวี่ยง เหล่าอสูรที่เป็นเทวดาเหล่านั้น ลงไปที่มหาสมุทร คือ โยนให้พ้นจาก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไป ทำให้เหล่าอสูร มีท้าวเวปจิตติจอมอสูรเกิดความโกรธแค้น จึงมีการรบกันบ่อยๆ ระหว่างเทวดาชั้นดาวดึงส์ที่มีท้าวสักกะ เป็นหัวหน้า กับ เหล่าอสูรซึ่งก็เป็นเทวดา เหมือนกัน ก็มารบกับท้าวสักกะ คือ พระอินทร์เป็นประจำครับ ดังนั้นบนสวรรค์ เทวดา มีการดื่มของมึนเมา ดังข้อความในพระไตรปิฎก ครับ

[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 367

ในกาลนั้น พวกอสูรอยู่ในภพดาวดึงส์ อสูรเหล่านั้น คิดว่า " เทพบุตรใหม่ๆ เกิดแล้ว" จึงเตรียม (เลี้ยง) น้ำทิพย์. ท้าวสักกะได้ทรงนัดหมายแก่บริษัทของพระองค์ เพื่อประสงค์มิให้ใครๆ ดื่ม. พวกอสูรดื่มน้ำทิพย์เมาทั่วกันแล้ว. ท้าวสักกะทรงดำริว่า " เราจะต้องการอะไร? ด้วยความเป็นราชาอันทั่วไปด้วยเจ้าพวกนี้ " ทรงนัดหมายแก่บริษัทของพระองค์แล้ว ให้ช่วยกันจับอสูรเหล่านั้นที่เท้าทั้งสองให้เหวี่ยงลงไปในมหาสมุทร. อสูรเหล่านั้นมีศีรษะปักดิ่งตกลงไปในสมุทรแล้ว, ขณะนั้น อสูรวิมานได้เกิดที่พื้นภายใต้แห่งเขาสิเนรุ ด้วยอานุภาพแห่งบุญของพวกเขา. ต้นไม้ชื่อจิตตปาลิ (ไม้แคฝอย) ก็เกิดแล้ว.


ซึ่ง พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง แสดงว่ามีแต่ธรรม ที่เป็นจิต เจตสิกและรูปและขณะที่เป็นอกุศล มีการดื่มสุรา ของมึนเมา เป็นต้น ก็เป็นจิตที่ไม่ดี เป็นบาปเกิดขึ้นในขณะนั้น ดังนั้น ไม่ว่าใคร บุคคลใด ที่มีเจตนาดื่มน้ำเมา ต้องมีเจตนาตั้งใจดื่มนะครับ ขณะนั้น เป็นอกุศลจิตแล้ว เพราะอกุศลไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ ไม่ว่าเกิดกับใคร เวลาใด ครับ ซึ่งขณะที่คิดจะดื่ม กำลังดื่มและดื่มแล้ว ก็ครบกรรมบถในศีล ข้อ ๕ เป็นบาป เป็นอกุศลกรรมในขณะนั้น คือ ขณะที่ดื่มสุรา ของมึนเมาครับ

ดังนั้น ไม่ว่าใคร เมื่อมีเจตนาดื่มของมึนเมา ก็เป็นบาปทั้งนั้น แม้แต่เหล่าเทวดา ก็เป็นบาปเช่นกัน เมื่อมีเจตนาดื่มของมึนเมา เพราะเทวดา ก็คือ เหล่าสัตว์ ภพภูมิหนึ่ง ซึ่งโดยมากก็คือ ยังเป็นปุถุชน ยังหนาด้วยกิเลส จึงมีเหตุปัจจัยให้ทำบาป มีการล่วงศีลข้อ ๕ ได้ครับ เป็นธรรมดา

ส่วนผู้ที่ไม่รู้ว่าเป็นสุรา ดื่มเข้าไป ไม่ได้มีเจตนาดื่ม ไม่เป็นบาปครับ เพราะบาปไม่บาป สำคัญที่เจตนา เป็นสำคัญครับ แต่ถ้ามีเจตนาดื่ม รู้ว่าเป็นสุรา อย่างนี้บาปครับเมื่อดื่มสุรานั้นด้วยการรู้และตั้งใจ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผิน
วันที่ 15 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 15 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ใคร คือ บุคคลผู้งดเว้นจากการดื่มสุรา ได้อย่างเด็ดขาด

นั่นก็คือ พระโสดาบัน ตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล นั่นก็หมายความว่า ยังละกิเลสอะไรๆ ไม่ได้เลย เมื่อมีเหตุปัจจัยอกุศล ก็ย่อมเกิดขึ้นแม้แต่การดื่มสุรา ไม่พ้นไปจากอกุศลจิตที่มีความต้องการที่จะดื่ม จะเป็นมนุษย์ดื่มหรือเทวดาดื่ม ก็ไม่ดีทั้งนั้น ขณะที่อกุศลจิตเกิด จะบอกว่าดี ไม่ได้ อกุศลจิตเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี แม้จะเล็กน้อยเพียงใด ก็ไม่ดี เพราะถ้าสะสมมากขึ้นๆ ก็อาจจะเป็นเหตุให้ล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ ได้

และที่น่าจะพิจารณา คือ การดื่มสุรา ผิดศีล แต่ไม่เป็นอกุศลกรรมบถ เพราะไม่ได้เป็นการกระทำที่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนหรือประทุษร้ายผู้อื่น แต่ก็สามารถเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมประการต่างๆ ได้ เช่น เมาสุราแล้ว ฆ่าผู้อื่น เป็นต้น ผู้ที่หวังความเจริญในชีวิต ก็พึงงดเว้นจากการดื่มสรุา ซึ่งเป็นอบายมุขประการหนึ่งอันเป็นเหตุแห่งความเสื่อม กล่าวคือ เสื่อมจากทรัพย์ เสื่อมจากความเจริญประการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ เสื่อมจากกุศลธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
icenakub
วันที่ 15 ก.พ. 2555

เป็นความรู้ใหม่อีกแล้ว ขอบพระคุณครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaturong
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 16 ก.พ. 2555

เรียนถาม

บนสวรรค์ก็ยังมีการวิวาทกันอีก บนสวรรค์ก็ยังมีวัตถุกาม กล่าวเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 16 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ 7 ครับ

ถูกต้องครับ ยังมีการทะเลาะวิวาทกัน เพราะยังมีกิเลส และบนสวรรค์ก็ยังมีวัตถุกาม คือ มีรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่เป็นทิพย์ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ภพฺพาคมโน
วันที่ 16 ก.พ. 2555

อนุโมทนาค่ะพี่เต้ย

เพิ่งรู้ว่าบนสวรรค์ก็มี น้ำทิพย์ ที่กินแล้วเมาได้เหมือนกัน เทวดาก็มีการวิวาทกันเหมือนมนุษย์แหละค่ะคุณวิริยะ

เพราะถ้ายังไม่ได้เป็นอริยบุคคลย่อมมีกิเลสกันทั้งนั้นดังที่พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท้าวสักกะว่า พวกเทวดา อสูรนาค คนธรรพ์ มีความริษยาและความตระหนี่ เป็นเครื่องผูกพันใจไว้

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วิริยะ
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pat_jesty
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 16 ก.พ. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
govit2553
วันที่ 21 ก.พ. 2555

อ้าว ไหน บอกว่า อิ่มทิพย์ คือแค่นึกๆ เอา ก็อิ่มเลย ยังมีการรับประทาน ดื่ม กิน เป็นคำๆ อยู่หรือ ยังต้องเคี้ยว ต้องกลืน กันอยู่หรือ บนสวรรค์

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
paderm
วันที่ 21 ก.พ. 2555

ยังมีการทาน ดื่มอยู่ครับ ในสวรรค์

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ