เทวดาช่วยได้?

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่น เข้าใจความหมายของคำว่า พร ก่อนครับ ว่าคืออะไร

คำว่า พร ตามที่ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้อธิบายไว้เป็นอย่างดี คือ

พร ก็หมายความถึงสี่งที่ ประเสริฐ หรือ ดี ใช่ไหมคะ วร หรือ พร ถูกไหมคะ ภาษาบาลี เพราะฉะนั้น ก็คงจะเป็นสี่งที่ทุกท่านปราถนา เพราะว่าเป็นสี่งที่ประเสริฐ เป็นสี่งที่ดี โดยมากมักจะปรารถนา ผล เวลาที่ขอพรคนอื่น ผิดกับท่านวิสาขา วิคารมารตา ขอพรจากพระผู้มีพระภาคเจ้า คือ ขอโอกาส ซึ่งจะได้ทำกุศล ซึ่งเป็นเหตุที่จะให้ได้พรนั้น ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะนำพรมาให้ได้ แต่ต้องเป็นกุศลกรรมของตนเอง

ส่วน เทวดา เป็นภพภูมิหนึ่งของเหล่าสัตว์ที่เกิดด้วยผลของกุศลกรรมที่ประณีต ซึ่งก็มีจริง

ส่วนคำถามที่ว่า มีการขอพร ขอให้เทวดาช่วย และช่วยได้

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจเบื้องต้นเลยครับว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน การจะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย คือ เห็นดีหรือไม่ดี ได้ยินดีหรือไม่ดี ได้กลิ่นที่ดีหรือไม่ดี ลิ้มรสที่ดีหรือไม่ดี กระทบสัมผัสที่ดีหรือไม่ดี ไม่มีใครบันดาลได้ให้ใคร แม้พระพุทธเจ้าเอง ก็ไม่สามารถบันดาลให้ใครได้รับกรรมดีหรือไม่ดี เพราะขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคนครับ เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน เทวดา จึงไม่สามารถบันดาลให้ใครเป็นอย่างไร ได้รับสิ่งที่ดี หรือไม่ดีได้ครับ

ดังนั้นไม่ว่าใครจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัสเป็นสุข เป็นทุกข์ ... อย่างไรก็ตาม ถ้าคนนั้นไม่มีกรรม ที่ได้กระทำไว้แล้วเป็นเหตุเป็นปัจจัย สภาพธรรมเหล่านั้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นกับคนนั้นได้.

บางตัวอย่างที่มีเทวดามาช่วย เช่น ในสังขพราหมณ์ ที่พระโพธิสัตว์เป็นพราหมณ์ชื่อสังขะ ท่านจะออกเดินทางเพื่อไปค้าขาย ก่อนออกเดินทาง พบพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงนวดเท้า ถวายร่มและรองเท้าให้พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ก็ไปท่าเรือ ขึ้นเรือ ปรากฏว่า เรือแตกกลางมหาสมุทร เทวดาที่รักษามหาสมุทร เห็นก็ช่วย พระโพธิสัตว์ถามว่า ทำไมท่านที่เป็นเทวดา ถึงมาช่วยเราไว้ในมหาสมุทร ซึ่งเทวดาก็ตอบว่าเพราะผลของบุญของท่านเองนั่นแหละที่ท่านถวายรองเท้าและร่มกับพระปัจเจก ผลของบุญนั้นเองที่รักษาท่าน โดยมีเรา คือ เทวดามาช่วย ซึ่งพระโพธิสัตว์ไม่ได้ขออธิษฐาน ขอพรใช่ไหมครับ แต่เทวดาก็มาช่วย หากท่านไม่มีกรรมของท่านเอง คือบุญ ใครก็ไม่สามารถช่วยได้ แม้จะขอ อ้อนวอนอย่างไรก็ตามทีครับ

ดังนั้น การได้รับสิ่งที่ดี ไม่ใช่เพราะการขอพร อธิษฐาน แต่การได้รับสิ่งที่ดีเกิดจากการกระทำเหตุที่ดีคือ กุศลกรรม หรือ บุญประการต่างๆ นั่นเอง ซึ่งการทำบุญ ก็ชื่อว่าเป็นพรอันประเสริฐแล้ว เพราะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีครับ โดยไม่ต้องขอเลย เพราะได้ทำเหตุที่จะได้สิ่งนั้นแล้วแม้จะไม่ได้ขอก็ต้องได้ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมครับ

ดังนั้น ในยุคปัจจุบัน สำคัญว่าขอเทวดาได้ เพราะเขาได้จริง แต่เขาลืมไปว่าเพราะกรรมของเขาเองที่ทำให้ได้สิ่งนั้น ไม่ใช่มีเทวดาที่จะมาทำให้ท่านได้จริงเสมอไปครับ และอีกตัวอย่างหนึ่งในพระไตรปิฎก ที่มีการสำคัญผิดว่า ขอเทวดา และก็ได้เพราะเทวดาได้ คือ เจ้าโปริสารท ซึ่งเป็นโจรอยู่ในป่า วันหนึ่ง หนีคนที่ตามจับ ถูกตอไม้ ตะเคียนแทงทะลุหลังเท้า แอบไปพักที่ต้นไทร และท่านก็ ขอ บน บวงสรวงกับ รุกขเทวดาว่า หากท่าน (เทวดา) ทำให้แผลที่เท้าหายภายใน ๗ วัน จะเอาเลือดในลำคอของกษัตริย์ ๑๐๑ พระองค์ในชมพูทวีปมาบูชาท่าน (เทวดา) ซึ่งเพราะการที่ ไม่ได้อาหาร เลย พักตัวอยู่ที้ต้นไม้นั้น ๗ วัน ก็หายจากโรค แต่ไม่ใช่อานุภาพของเทวดานะครับ ก็เพราะกรรมของโจรโปริสารทเองที่หายได้ แต่ โจรโปริสารท สำคัญผิดว่า หายเพราะอานุภาพของเทวดา เจ้าโปริสารท จึงไปจับพระราชามา ๑๐๑ พระองค์ มาทั้งหมด รุกขเทวดาเห็นก็คิดว่า เขาจะจับพระราชาและฆ่ามาเพื่อเรา ซึ่งเราไม่ต้องการชีวิตของพระราชาเหล่านี้ และเราไม่ได้รักษาเขาเลย ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่ว่า

[เล่มที่ 62] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 664

รุกขเทวดาเห็นการกระทำของเธอคิดว่า เจ้าโปริสาทจักทำพลีกรรมแก่เรา ความผาสุกแม้สักหน่อยหนึ่งในแผลของเขา เรามิได้กระทำให้ บัดนี้ความผาสุกของเขานั้น จักทำความพินาศใหญ่ให้แก่พระราชาเหล่านั้น

จากตัวอย่างนี้ ก็ไม่ต่างกับคนยุคปัจจุบัน ที่เข้าใจผิดคิดว่า เมื่อขอพร อธิษฐาน บนบานกับเทวดา แล้วได้สิ่งนั้นมา ก็เพราะอำนาจของเทวดา เพราะได้มาตามนั้นทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง การได้มาซึ่งสิ่งใด จะดี หรือ ไม่ดีก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมของบุคคลนั้นเองครับ ไม่มีใครทำให้ได้เลยครับ

ดังนั้น เทวดาจะมาช่วย หรือ ไม่มาช่วยก็แล้วแต่กรรมของบุคคลนั้นเองครับ

ดังนั้น แทนที่จะไปอธิษฐาน ขอพร ก็ให้พรกับตัวเอง คือ การทำความดี ทำกุศลทุกๆ ประการ แม้ไม่ต้องขอพร ก็นำมาซึ่งพร คือ สิ่งที่ประเสริฐในอนาคต เมื่อกรรมดีนั้นให้ผล ครับ โดยไม่ต้องขอ อธิษฐานเลย

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

เทวดาเขาช่วย ครับ แต่ส่วนใหญ่เขาจะช่วยบอกว่า "ทำดีนะ แล้วผลของความดีจะคุ้มครองท่านเอง"

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของคำสอนย่อมเป็นเครื่องเตือนที่ดี เพื่อให้ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจถูก เห็นถูก มีความประพฤติที่ดีงามทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ จนกระทั่งสูงสุด เพื่อความเป็นผู้หมดจดจากกิเลส สิ่งที่ควรรู้ควรศึกษาที่สุด คือ พระธรรม จะเห็นได้ว่าตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ การเวียนว่ายตายเกิด ย่อมมีอยู่ตราบนั้น ไม่เป็นสุคติภูมิก็เป็นทุคติภูมิ ตามกรรม และการเกิดในภพหนึ่งชาติหนึ่งนั้น ไม่ยั่งยืนเลย สั้นมาก เป็นที่พักชั่วคราว พักแล้วก็ต้องเดินทางต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท พร้อมทั้งประพฤติธรรม คือ กุศลประการต่างๆ เพราะภูมิมนุษย์เป็นภูมิที่เอื้ออำนวยให้สามารถเจริญกุศลได้ทุกๆ ประการ ทั้งในเรื่องของการให้ทาน รักษาศีล การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น การอ่อนน้อมถ่อมตน การฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เป็นต้น เพราะถ้าเทียบกันระหว่างกุศลกับอกุศลแล้ว กุศลย่อมดีกว่าอกุศล, กุศล นำมาซึ่งความแช่มชื่นแห่งจิต ไม่นำมาซึ่งความเดือดร้อน เป็นที่พึ่งได้จริงๆ ที่ได้รับสิ่งที่ดี น่าใคร่น่าพอใจในชีวิตประจำวัน ก็เป็นเพราะได้กระทำเหตุที่ดี คือ กุศลกรรมไว้ นั่นเอง กุศล ความดีประการต่างๆ เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องรักษาไม่ให้ตกไปในฝ่ายต่ำ และรักษาให้ได้รับผลที่ดีน่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

เทวดามีอยู่จริงค่ะ แต่ท่านจะมาช่วยมนุษย์หรือเปล่าดิฉันไม่รู้

แต่คิดว่าถ้าจะช่วยคงมาช่วยมนุษย์ที่คุณธรรมสูงจริงๆ

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตนเอง ถ้าไม่มีกรรมดีอยู่ก่อน ก็คงไม่มีใครมาช่วยท่านได้

ขออนุโมทนาคำตอบตามที่ได้แนะนำครับ

เหมือนหนึ่งว่า ความดีที่ทำ มีค่ายิ่งกว่าพรใดๆ ที่มี

อาจารย์ Paderm เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายครับ ด้วยความเคารพ

เห็นสนทนา มีทั้ง "คะ" "ครับ"

ขึ้นอยู่กับบุญของคนนั้นด้วย ที่เทวดาจะช่วยหรือไม่ แต่ที่สำคัญ ปัญญา และ กุศลของตนเองที่ทำไว้ เป็นที่พี่ง เป็นมิตรแท้ ยิ่งกว่าที่พึ่งอย่างอื่น ค่ะ

ขออนุโมทนาคำตอบตามที่ได้แนะนำครับ

เหมือนหนึ่งว่า ความดีที่ทำ มีค่ายิ่งกว่าพรใดๆ ที่มี

อาจารย์ Paderm เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายครับ ด้วยความเคารพ

เห็นสนทนา มีทั้ง "คะ" "ครับ"

อาจารย์ Paderm เป็นผู้ชาย ครับ แต่ที่มีปรากฏคำว่า "่คะ" นั้น เป็นเพราะได้ยกคำกล่าวของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มา นั่นเอง ครับ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"เหตุดีผลก็ย่อมดี"

"สัตว์โลกมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ุ "

"ทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรนั้นไม่ช้าก็เร็ว"

ปัญญา และ กุศลของตนเองที่ทำไว้ เป็นที่พี่ง เป็นมิตรแท้ ยิ่งกว่าที่พึ่งอย่างอื่น ครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านค่ะ