อาถรรพ์พุ่มพวง
ก่อนอื่น ผมเชื่อว่า สมาชิกทุกท่านในเว็บไซต์บ้านธัมมะคงจะรู้จักคุณ พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นอย่างดีนะครับ หลายกระแสนั้นบอกว่า ... คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ยังไม่ไปเกิด วิญญาณของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับแฟนเพลง และคนที่รักในผลงานของเธอ ซึ่งเรื่อง ที่ไม่คาดฝันหลายเรื่องก็เกิดขึ้น เช่น เมื่อปีที่แล้วมีการฉายภาพยนตร์เรื่อง "พุ่มพวง" จน ในรายการคนอวดผี บอกว่าระหว่างการถ่ายทำมักมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งต่อตัวนักแสดงและทีมงานที่ถ่ายทำ เช่น ถ้ามีใครทักคุณเปาวลี (นักแสดงที่แสดงเป็น พุ่มพวง) ว่า "ดูสิสวยจังเลย สวยเหมือนแม่ผึ้งเลย สวยเหมือนพุ่มพวงเลย" ... ไฟดับทันที หรือแม้แต่ที่วัดทับกระดาน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีคนเข้าไปในวัด และไปทำ ลบหลู่/ไม่ดีกับตรงบริเวณที่เก็บอัฐิคุณพุ่มพวง บางคน ... มีอันเป็นไปแทบจะเรียกได้ว่า อยู่ในวัดเลยก็มี สำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดมีคำอธิบายอย่างไรในทางพระพุทธศาสนา บ้างครับ แล้วแบบนี้แสดงว่า ถ้าวิญญาณที่มีความอาฆาต ผูกพัน จะยังไม่ไปเกิดจริงใช่ มั้ยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เราจะต้องมั่นคงในเรื่องของกรรมและผลของกรรม สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครทำใครได้ นอกจากกรรมที่บุคคลนั้นทำมา จะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีก็ เพราะกรรมของบุคคลนั้นเอง ไม่มีใครบันดาลได้ครับ แม้แต่ตัวอย่างที่ผู้ถามยกมานั้น การที่ไฟดับ ไม่ได้ตัดสินว่า มีวิญญาณ เพียงเพราะไฟดับ แม้บางที่เรากำลังพูดเรื่อง อะไรอยู่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไฟดับไปได้ เป็นธรรมดา แม้จะกล่าวถึงคนที่มีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ไฟก็ดับได้เป็นธรรมดาอีกเช่นกัน ซึ่งตามความเป็นจริง เมื่อจุติจิตเกิด คือ เมื่อตายแล้ว จะต้องเกิดทันที ไม่มีวิญญาณมาล่องลอยไม่ไปเกิด อันนี้ไม่ถูกต้อง
ส่วนการที่บุคคลจะตาย หรือ ไม่ตาย ก็เพราะกรรมให้ผล คือ จุติจิตเกิด ก็ถึงเวลาตาย ไม่มีใครทำให้ตายได้ นอกจากกรรมของบุคคลนั้นเองที่ถึงเวลาที่จะต้องตาย เหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่วิบากจิตที่เป็นจุติจิตเคลื่อนจากควาเมป็นบุคคลนั้นเกิดขึ้น ก็ต้องตายเป็นธรรมดา จึงไม่เกี่ยวกับการลบหลู่ หรือ ไม่ลบหลู่ หรือ มีใครมาบันดาลให้ตายหรือไม่ตาย ถ้าไม่ถึงเวลาที่จะต้องตาย จุติจิตไม่เกิด ใครจะพยายามอย่างไร ให้บุคคลนั้นตายก็เป็นไปไม่ได้เลยครับ ดังนั้น สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน จะได้รับ สิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี ก็เพราะกรรมของตนเอง ไม่ใครบันดาล และแม้แต่การตายก็เป็นวิบาก เป็นผลของกรรมที่เป็นจุติจิต ก็ไม่มีใครทำให้ได้เลย นอกจากกรรมถึงพร้อมก็เกิดขึ้นครับ เมื่อมั่นคงในเรื่องของกรรมแล้ว ก็หวั่นไหวในเหตุการณ์เหล่านี้ ครับ จึงไม่มีวิญญาณ ที่ล่องลอยผูกอาฆาต มีแต่จิต เจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไป เป็นอกุศลจิตในขณะนั้นที่พยาบาทของแต่ละคน ซึ่งบุคคลเหล่านั้นก็เกิดแล้ว จึงไม่มีวิญญาณล่องลอยผูก อาฆาต ครับ
ขออนุโมทนา
ในทางพุทธศาสนาเถรวาท ตายแล้วเกิดใหม่ทันทีค่ะ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก, เปรต, อสุรกาย, สัตว์เดรัจฉาน, มนุษย์, เทวดา และพรหม ไม่มีวิญญาณล่องลอย หาที่เกิดใหม่ดังที่เข้าใจกัน
เมื่อจุติจิตเกิดขึ้นแล้ว ปฏิสนธิจิตจะเกิดต่อทันที จุติจิตเป็นอนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัย ให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น "ผี" ในโวหารของชาวโลก ในทางพุทธศาสนาอาจหมายถึงบุคคลที่ตายแล้ว เกิดใหม่เป็นเปรต อสุรกาย หรือเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาเท่านั้น
ตราบใดที่ยังมีกิเลส ตายแล้วต้องเกิดทันที ที่บอกว่ายังไม่ได้ไปเกิด นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ตายแล้วเกิดใหม่แน่นอน แต่จะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่กรรมใดให้ผล ถ้าอกุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ ถ้ากุศลกรรมให้ผลก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิเป็นมนุษย์ หรือ เทวดา ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แต่ละคนที่เกิดมาล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายแม้แต่คนเดียว ตายทุกคน แต่แตกกันตรงที่ว่า ผู้ที่ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ถึงความความเป็นพระอรหันต์ เมื่อปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก ไม่มีเหตุที่จะทำให้จิต เจตสิก และ รูป เกิดขึ้นเป็นไปอีกเลย
ส่วนผู้ที่ยังมีกิเลส ก็ยังต้องเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปุถุชนซึ่งเป็นผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส คติ (ที่จะไปเกิด) นั้นไม่แน่นอน แต่ที่แน่ๆ ตายแล้วเกิดทันที จะเกิดเป็นอะไร ในภพภูมิไหน ไม่มีใครสามารถทราบได้ บุคคลผู้ตายไปแล้ว ย่อมเป็นไปตามกรรมของตนเอง และเมื่อยังเป็นผู้ที่มีกิเลสอยู่ ก็ยากที่จะพ้นไปจากขณะที่เป็นอกุศล ซึ่งเป็นไปตามการสะสมของผู้นั้น เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้นจริงๆ ครับ
..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...