คิดอย่างไรกับการมีคู่ครอง
เพื่อนของเราเขาบอกว่าผู้หญิงโสดที่ไม่ได้แต่งงาน ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ผู้ชาย (เค้าอ้างว่าในศาสนาพุทธสอนมาอย่างนี้) จริงหรือไม่คะ แล้วบางคนก็บอกว่าการมีคู่ครองดีและมีความสุข แต่ในบางคนก็บอกว่าการมีคู่ครองเป็นทุกข์ ในทางพุทธศานามีการสอนหรือ ความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การได้เกิดเป็นผู้ชาย เพราะกุศลที่มีกำลัง ให้ผล ทำให้เกิดเป็นผู้ชาย ส่วนการเกิด เป็นผู้หญิงก็เพราะผลของกุศลเช่นกัน แต่เป็นกุศลที่มีกำลังอ่อน ดังนั้นไม่ได้หมายความว่า หากจะได้เกิดเป็นผู้ชายในชาติหน้า เพราะการไม่ได้แต่งานในชาตินี้ เพราะ การไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้เป็นการทำกุศลกรรมอะไรเลยครับ เพราะการได้เกิดเป็นมนุษย์ และเป็นผู้ชาย ต้องเป็นผลมากจากการกระทำกุศลกรรมและกรรมนั้นมีกำลัง ซึ่งตัวอย่าง ในพระไตรปิฎก ก็แสดงไว้ครับว่า มีผู้ปรารถนาเกิดเป็นผู้ชาย ก็เพราะเขาได้ทำกุศลกรรม บ่อยๆ เนืองๆ และตั้งจิตปรารถนาน้อมไปที่จะเป็นผู้ชาย ดังนั้นสิ่งที่จะสำเร็จและเป็นไปตามนั้นก็ด้วยกรรม คือ กุศลกรรมที่ทำไว้นั่นเองครับ เหตุจึงตรงกับผล จึงไม่ได้เกี่ยวกับการไม่ได้แต่งงานในชาตินี้ จะทำให้เกิดเป็นผู้ชาย ครับ ไม่ได้แต่งงานชาตินี้ อาจจะต้องไปอบาย ไปเกิดในนรกก็ได้ ไม่มีทางได้เกิดเป็นมนุษย์เพราะสัตว์โลกโดยมาก เมื่อตาย จากความเป็นมนุษย์ย่อมเกิดในอบายภูมิ มี นรก สัตว์เดรัจฉานโดยมาก ผู้ที่เกิดในสุคติภูมิ เกิดในมนุษย์มีน้อย ครับ
ส่วนคำถามที่ว่า
บางคนก็บอกว่าการมีคู่ครองดีและมีความสุข แต่ในบางคนก็บอกว่าการมีคู่ครองเป็นทุกข์ ในทางพุทธศานามีการสอน หรือ ความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจว่า ความสุข คืออะไร และความสุขเกิดได้เพราะอะไร ความทุกข์คืออะไรและความทุกข์เกิดได้เพราะอะไร
ความสุข คือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อได้เห็นสิ่งที่ดี ได้ยินที่ดี ได้กลิ่นที่ดี ลิ้มรสที่ดี รู้กระทบสัมผัสที่ดี ก็ทำให้เกิดความพอใจ เกิดความสุข ดังนั้น การมีคู่ครอง ก็คือ การได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัสในสิ่งนั้น ที่สมมติว่าเป็นแฟนเรา อันทำให้ เกิดความสุข เกิดได้ เพราะมีการเห็น การได้ยิน เป็นต้น แต่สุขในที่นี้ ก็เป็นความสุข พร้อมๆ กับความติดข้องที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นสุขนี้ ไม่ใช่สุขจริงและเป็นสุขที่ไม่แน่นอน เพราะเกิดขึ้นและดับไป ไม่เหลือเลย แต่สัตว์โลกผู้ไม่มีปัญญา ย่อมยินดีในความสุขที่เกิดขึ้น จึงติดข้องในความสุขนั้น ดังนั้น ความสุขที่เจือด้วยกิเลส มีความติดข้อง เป็น อกุศล จะกล่าวว่าดีไม่ได้เลย เพราะนำมาซึ่งความมทุกข์ เมื่อไม่ได้สิ่งนั้น สมปรารถนา หรือ ต้องพลัดพราก หรือ สิ่งนั้นมีความแปรปรวนเป็นธรรมดาไป ก็เป็นทุกข์ เสียใจ
ดังนั้น ความทุกข์ คือ ความรู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ เพราะมีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้กระทบสัมผัส การคิดนึก คือ เพราะมีสภาพธรรมจึง มีทุกข์ มีทุกข์ใจได้ เพราะมีกิเลส คือ เมื่อมีความติดข้องจากสิ่งใดก็แล้วแต่ ที่สมมติ บัญญัติ ว่าเป็นคู่ครอง ก็ทำให้เกิดความทุกข์ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะปัญญาที่สะสมมาน้อย และสะสมกิเลส มีความติดข้องมามาก ก็ทำให้เกิดความทุกข์มากมายเพราะสิ่งเหล่านี้ครับ
ดังนั้น จะมีทุกข์ได้ ก็เพราะ กิเลส ส่วนสิ่งแวดล้อมภายนอกก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทุกข์ได้มากขึ้น เพราะเมื่ออาศัย ความสนิท ชิดใกล้ เกี่ยวพัน กิเลสของปุถุชนที่สะสมมามาก ก็ทำให้ติดข้องมากขึ้น ก็ทำให้ต้องทุกข์มากขึ้น เพราะอะไร เพราะกิเลส
ดังนั้น ความทุกข์ใจ มีได้เพราะกิเลสเป็นสำคัญครับ จะไม่มีทุกข์เพราะไม่ใช่ไม่มีคู่ครอง แต่ เพราะไม่มีกิเลส และมีปัญญา ปัญญาจึงเป็นสภาพธรรมที่ดับทุกข์เพราะรู้ตามความเป็นจริง ครับ ดังนั้น คู่ครองไม่ได้ทำให้ทุกข์ กิเลสที่เกิดขึ้น มีอยู่ต่างหากที่ทำให้ทุกข์ แม้อยู่คนเดียว แต่ปราศจากปัญญา มากไปด้วยกิเลส ย่อมมีทุกข์มากกว่าคนที่มีปัญญา แต่มีคู่ครอง เพราะในควาเมป็นจริง คู่ครอง คนรัก ก็คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น ... และก็คิดนึก สมมติว่านี่คือคู่ครองของเรา แท้ที่จริงเป็นแต่เพียธรรม ดังนั้น จะมีคู่ครอง หรือ ไม่มีก็ตาม หากปราศจากปัญญาแล้ว และมีกิเลสมากก็ทุกข์กันทั้งนั้น และมีทุกข์มากด้วย แต่หากมีปัญญาแล้ว อยู่ที่ไหน กับใคร ก็เข้าใจความจริง ย่อมทุกข์น้อย เพราะมรู้ตามควาเมป็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ชีวิตประจำวัน มีการรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ ทุกข์ หรือ สุข ไม่ได้อยู่ที่คนรอบข้าง คู่ครอง อยู่ที่ปัญญาเป็นสำคัญครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่ได้สำคัญอยู่ที่การมีคู่ครอง หรือ การไม่มีคู่ครอง แต่สำคัญอยู่ที่ได้กระทำตนให้คุ้มค่ากับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรือยัง ชีวิตของแต่ละบุคคลเป็นไปตามการสะสม ไม่เหมือนกัน และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การสะสมความดีพร้อมทั้งอบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน เพราะกุศลธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งในชีวิตได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่อย่างอื่น การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวไกล ชีวิตในสังสารวัฏฏ์ยังไม่จบลงเพียงแค่ชาตินี้ ยังต้องมีการเกิดอีกต่อไป
ในชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีโอกาส ที่จะเจริญกุศลได้ทุกอย่าง จึงไม่ควรที่จะประมาทในชีวิต เพราะในที่สุดแล้ว ก็จะต้องละจากโลกนี้ไป ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นเวลาที่มีค่าที่จะได้สะสมความดี และ อบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ