นาค มีจริงหรือไม่ ป่าหิมพานต์ล่ะ เช่นนั้นการบวชนาคมีเพื่ออะไร
ถ้านาคมีจริง ก็แปลว่าต้องมีครุฑ คนธรรพ์ กินรี อัปสร สัตว์ทั้งหลาย ฤ]ษี เหล็กไหล
อีกหลายสิ่งมากมายมีอยู่จริงหรือไม่ เชื่อได้อย่างไร
ไม่ได้ท้าทาย หากต้องการคลายความสงสัยอันโง่งมของตนเอง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งมีชีวิตมีมากมาย ที่เราไม่รู้ เพราะไม่ได้เห็นด้วยตา ที่มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายก็เพราะ ความหลากหลายและความวิจิตรของกรรมที่ทำมา ครับ ทำให้มีการเกิดมาเป็นสัตว์ประเภทต่างๆ แตกต่างกันอย่างวิจิตร เพราะมีการกระทำกรรมที่วิจิตร เช่น การกระทำกุศล หรือ อกุศลกรรมของแต่ละคน ที่จะเป็นเหตุให้เกิดเป็นสัตว์ประเภทต่างๆ การกระทำกุศล และ อกุศลกรรมนั้น ก็มีกำลังแตกต่างกันไป ทำด้วย กุศลที่มีกำลังมาก กำลังน้อย แม้เป็นการกระทำกรรมแบบเดียวกัน มีการกระทำอกุศลกรรม ที่มีกำลังมาก กำลังน้อย ตามระดับของกิเลส แม้เป็นการฆ่าสัตว์ เหมือนกัน แต่การกระทำบาป ก็มีกำลังแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกันเลย จึงทำให้เมื่อ กรรม คือ อกุศลกรรมให้ผล ทำให้เกิดเป็นสัตว์ต่างๆ อย่างวิจิตร หลากหลายมากมาย
อย่างพญานาค นาค ก็คือ งูใหญ่นั่นเอง เป็นสัตว์เดรัจฉาน พญานาค เป็นอเหตุกสัตว์ คือ เกิดหรือปฏิสนธิไม่ประกอบด้วยเหตุที่ดีคือ อโลภะะ อโทสะ อโมหะเลย ครับ ดังนั้นจึงเป็นสัตว์ ประเภทที่เป็นอบายภูมิครับ อันเป็นผลของอกุศลกรรมที่ทำมาให้ผล ทำให้เกิดเป็น พญานาค เป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วน ป่าหิมพานต์ และสัตว์อื่นๆ ก็มีได้ ตามความวิจิตรของกรรมของแต่ละคนที่ทำไม่เหมือนกัน อีกเช่นกัน ครับ
ส่วน การบวชนาค เป็นประเพณีนิยม ที่จะทำก่อนบวชพระ อันสืบเนื่องมาจากเรื่องราวในอดีต สมัยพุทธกาล พญานาค มีศรัทธา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต้องการที่จะบวช จึงปลอมตัวเป็นมนุษย์ แต่พระพุทธเจ้าทรงทราบ จึงไม่อนุญาตให้บวช เพราะความที่ตนเอง เป็นสัตว์เดรัจฉาน อย่างไรก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ เพียงแต่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เท่านั้น เพราะเหตุการณ์นี้ จึงทำให้มีการทำพิธีบวชนาค ก่อนที่จะบวชเป็นพระ ครับ
ที่สำคัญ ประเด็นของการศึกษาธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงหยิบยกส่วนใดส่วนหนึ่งที่ตนเองมองไม่เห็น จึงจะทำให้ยอมรับ หรือ ปฏิเสธในคำสอนนั้น แต่จะต้องศึกษาพระธรรม คำสอนส่วนอื่นด้วย ว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดง สัจจะ ความจริงที่เป็นสาระว่าอย่างไร ก็จะทำให้สามารถเชื่อมโยง สิ่งนั้น กับการแสดง ภพภูมิต่างๆ มี สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น เพื่อให้เห็นว่า กรรมมี ผลของกรรมมี และมีสัตว์ประเภทต่างๆ ตามความแตกต่างของกรรมที่ทำ และการเกิดเป็นสัตว์อบายภูมิ ที่หลากหลาย เพราะการกระทำอกุศลกรรมที่ทำไว้ ทรงแสดงอบายภูมิ เพื่อให้เห็นโทษของการทำบาป ทำอกุศลกรรมนั่นเองครับ ดังนั้นเราจะต้องศึกษาพระธรรมส่วนอื่นๆ ด้วย หากเราจับเพียงหางช้าง โดยที่หลับตาอยู่ ก็อาจสำคัญว่า ช้าง คือ เป็นงู เพราะไม่ได้ดูภาพรวมและศึกษาลักษณะของช้างอย่างละเอียดนั่นเองครับ
ดังนั้น ต้องศึกษาพระธรรมคำสอนนั้นจริงๆ อย่างละเอียด ลึกซึ้ง ก็จะได้สาระจากพระธรรม และจะได้คำตอบเองในสิ่งที่ถามและสงสัย แม้ในสิ่งที่มองไม่เห็นครับ
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาได้ที่นี่ครับ เริ่มจากตรงนี้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเ้จ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ควรที่จะศึกษาให้เข้าใจ จากที่ไม่รู้ ก็จะค่อยๆ รู้ขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จากการไัด้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่พ้นไปจากขณะนี้เลย ธรรม ก็คือ ขณะนี้จริงๆ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่น ก็หันมาฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ในยุคนี้สมัยนี้ เป็นกาลสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระสมณโคดม ซึ่งในขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่พระธรรมคำสอนของพระองค์ยังดำรงอยู่ บุคคลผู้ที่เข้าใจธรรมและแสดงธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดง ก็ยังมีอยู่ จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะได้ฟังได้ศึกษาให้เข้าใจ [ควรที่จะได้ศึกษา ก่อนที่พระธรรมจะอันตรธาน]
ซึ่งเป็นการยากอย่างยิ่ง ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้เกิดในช่วงที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ เมื่อได้ในสิ่งที่ได้โดยยากอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เพราะหนทางนี้ เป็นหนทางที่ละทั้งหมด ได้แก่ ละกิเลส และละความไม่รู้ จนหมดสิ้น ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
"... ที่สำคัญ ประเด็นของการศึกษาธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงหยิบยกส่วนใดส่วนหนึ่งที่ตนเองมองไม่เห็น จึงจะทำให้ยอมรับ หรือ ปฏิเสธในคำสอนนั้น แต่จะต้องศึกษาพระธรรม คำสอนส่วนอื่นด้วย ว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดง สัจจะ ความจริงที่เป็นสาระว่าอย่างไร ก็จะทำให้สามารถเชื่อมโยง สิ่งนั้น กับการแสดง ภพภูมิต่างๆ มี สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ...
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ