กัปพินาศถึงรูปพรหมอาภัสรา เมื่อไม่สิ้นอายุพรหม แล้วเป็นอย่างไรครับ

 
อินทวัชร
วันที่  26 ก.พ. 2555
หมายเลข  20633
อ่าน  5,386

กัปพินาศด้วยไฟ เป็นต้น ไหม้ถึงอาภัสสรพรหม แล้วพระพรหมยังไม่สิ้นอายุ จะไหม้ไฟด้วยหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามธรรมดาของโลกที่เป็นสังขารธรรม มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นและดับไป ไม่เที่ยงเลย แม้ การประชุมรวมกันของรูป ที่บัญญัติว่าเป็นจักรวาล ก็ไม่เที่ยง เพราะรูปไม่เที่ยง ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องมีความเสื่อมสลายสิ้นไป สิ้นสุดและก็เกิดขึ้นใหม่ ครับ แม้แต่ ความพินาศของจักรวาลทั้งหมด ที่เรียกว่า กัปพินาศ กัปทำลาย ซึ่งอายุของจักรวาลทั้งหมดก็มีวันแตกทำลายทั้งหมดเช่นกัน มีอายุ ๑ กัป ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานมาก นับประมาณไม่ได้ ซึ่ง กัปจะถูกทำลาย ด้วย ๓ ส่วน คือ ด้วย น้ำ ด้วยไฟ ด้วยลม

เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยไฟนั้น พรหมภูมิ ๔ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วย เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยน้ำ นั้น พรหมภูมิ ๖ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วย เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยลมนั้น พรหมภูมิทั้ง ๙ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปไม่มีเหลือเลย ซึ่งเมื่อถึงคราวที่กัปจะพินาศ ถูกทำลาย สัตว์โดยมากไปเกิดในพรหมโลก ซึ่งตามที่ผู้ถาม ถามว่า เมื่อกัปพินาศด้วยไฟ คือ ถึงชั้น อาภัสสรภูมิ ซึ่งพรหมในชั้นนั้นก็อบรมสมถภาวนาตั้งแต่ชั้นนั้นต่อ จึงไปบังเกิดในพรหมโลกชั้นสูงกว่า เพราะพรหมก็ยังมีความไม่เที่ยง และยังต้องเกิด ต้องตายเป็นธรรมดา

ดังนั้น เมื่อถึงคราวกัปพินาศ ก็ทำลายถึงพรหมชั้นนั้น ตามสมควรแก่การทำลายด้วย น้ำ ไฟ ลม เมื่อถึงคราวที่จุติจิตเกิดของพรหมในชั้นที่ถูกทำลาย พรหมเหล่านั้นก็ไปบังเกิดในพรหมชั้นที่สูงกว่าได้ครับ เปรียบเหมือนเมื่อถึงคราวกัปจะพินาศ ก็จะมีเทวดาทั้งหลาย ประกาศให้ทราบในโลกมนุษย์ว่ากัปจะพินาศแล้ว มนุษย์ทั้งหลาย จึงอบรมสมถภาวนาโดยส่วนมาก และก็เข้าถึงพรหมโลกโดยส่วนมาก เพื่อจะพ้นจากการถูกทำลาย พรหมชั้นต่างๆ ก็เช่นกัน ก็สามารถอบรมสมถภาวนา และถูกไฟเผาได้ และจุติจิตเกิด ก็ไปเกิดในพรหมชั้นสูงๆ เมื่อคราวกัปพินาศ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 26 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระสูตรที่ชื่อว่าปฐมโกสลสูตร ปรารภพระภิกษุ ๕๐๐ รูป ที่มีความประสงค์อยากสึกไปเป็นคฤหัสถ์ โดยทรงแสดงให้เห็นว่า แม้สิ่งที่เป็นที่เลิศ ยังไม่ควรแก่การติดข้องสำหรับอริยสาวกผู้ที่ได้สดับ ก็คงจะไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่เลิศ เพราะสิ่งเหล่านั้น ล้วนไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่ควรติดข้องยินดีพอในสิ่งที่เลิศ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่ควรแก่การติดข้อง หนึ่งในนั้น คือ ความเป็นพรหมบุคคลในพรหมโลกชั้นอาภัสสระ เมื่อคราวที่โลกพินาศ เพราะเหตุว่าความไม่เที่ยง ความแปรปรวนไปก็ย่อมมีแม้แก่อาภัสสรเทพทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายแม้ในพรหมโลกชั้นอาภัสสระนั้น

ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา พระภิกษุ ๕๐๐ รูป บรรเทาความอยากสึกได้แล้ว ใส่ใจในพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ต่อมาอบรมเจริญวิปัสสนา ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขึ้นชื่อว่าสังขารทั้งหลาย ที่ชื่อว่าเที่ยง ย่อมไม่มีเลย เพราะเหตุว่าเกิดแล้วต้องดับไป ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 26 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
อินทวัชร
วันที่ 27 ก.พ. 2555

ขอขอบพระคุณครับท่านวิทยากร และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 28 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 21 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ