การจะได้บวชนั้น ต้องถึงพร้อมทั้งบุญและทรัพย์ เช่นนั้นหรือ?

 
อยากรู้จึงถาม
วันที่  28 ก.พ. 2555
หมายเลข  20644
อ่าน  2,982

การจะได้มีสิทธิ์บวชเป็นสงฆ์ตามวัดใหญ่ๆ ดังๆ นอกจากบุญกุศลที่สั่งสมมาทั้งชาติกาลก่อน และ ชาติปัจจุบัน ยังต้องมีส่วนของการใช้ทรัพย์ดำเนินการด้วยหรือ

คนธรรมดาๆ ที่อยากบวชวัดดังๆ ใหญ่โต สามารถทำได้หรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 28 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การจะบวชได้ ต้องไม่มีผิดข้อห้าม ตามที่พระวินัยได้บัญญัติไว้ เช่น ไม่ให้บวชเพราะ เป็นบัณเฑาะก์ คือ กะเทย เป็นบุคคลที่มี ๒ เพศ คนฆ่าพระอรหันต์, คนผู้ข่มขืนภิกษุณี คนลักเพศ, ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ทั้งที่ยังเป็นภิกษุอยู่ สึกแล้วมาบวชใหม่ก็ห้าม) ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว เป็นต้น บุคคลเหล่านี้ไม่สามารถที่จะบวชได้ ไม่มีสิทธิ์ในการที่จะได้บวช ไม่ว่าวัดไหน อย่างไร

ดังนั้น ผู้ที่จะได้บวช ก็อยู่กับบุญที่ทำมาด้วย คือ ไม่เป็นคนผิดปกติ เป็นต้น แต่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์ว่า ถ้ามีทรัพย์มาก ทรัพย์น้อย จึงจะได้บวช ดังนั้นการบวช จึงไม่ได้เลือกที่วัด ว่าจะบวชวัดนั้น วัดนี้ ครับ แต่อยู่ที่จุดประสงค์ของการบวชของผู้ที่จะบวช และความจริงใจที่จะบวชเพื่อสละ ละคลายกิเลส จนหมดสิ้น ครับ ซึ่งในสมัยพุทธกาล ไม่ได้ใช้ทรัพย์เพื่อที่จะบวชในวัดใหญ่ๆ สะดวก ที่ไหน วัดใด ก็บวชที่นั่น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
อยากรู้จึงถาม
วันที่ 28 ก.พ. 2555

แล้วเราหรือพระผู้บวชให้จะทราบได้อย่างไรว่าคนที่ท่านเหล่านั้นบวชให้จะผิดข้อห้ามต่างๆ ที่กำหนดไว้ เช่น

เป็นบัณเฑาะก์ คือ กะเทย เป็นบุคคลที่มี ๒ เพศ คนฆ่าพระอรหันต์, คนผู้ข่มขืนภิกษุณี คนลักเพศ, ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ทั้งที่ยังเป็นภิกษุอยู่ สึกแล้วมาบวชใหม่ก็ห้าม)

ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว เพราะเพียงข้อแรกข้อเดียวก็ดูออกได้ยากมากในสังคมปัจจุบันนี้ บางครั้งบางที พูดแบบง่ายๆ ตรงๆ ก็คือ มีทั้งคนที่แต่งกายเป็นชาย รูปร่างเป็นชายแต่สามารถมีจิตรักใคร่ชอบพอกับเพศชายด้วยกัน เช่นนี้จะดูออกได้อย่างไร หากคนเหล่านี้ได้มีโอกาสบวชจะไม่เป็นการผิดพระวินัยหรือ พระผู้บวชให้หรือวัดที่คนเหล่านี้บวช ไม่บาปแย่หรือ แล้วคนที่เป็นแบบนี้ ไม่มีสิทธิ์จะบวชเลยหรือทั้งๆ ที่เขาเหล่านี้อาจเป็นคนดีมากๆ ก็ได้ เพียงแค่มีจิตใจที่รักใคร่ชอบพอในเพศชาย

แล้วเหตุใดจึงห้ามคนที่เป็นบัณเฑาะก์บวช

อีกข้อหนึ่งคือ พระสงฆ์บางรูป (ลองไปเดินดูที่ศาล) และหลายๆ ที่ หน้าตาดุดัน รอยสักเต็มตัว ผิวคล้ำ เรียกว่าน่ากลัวมากกว่าน่ากราบไหว้ด้วยซ้ำ บ้างว่าหนีคดีจึงบวช เช่นนี้เหตุใดจึงบวชได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
อยากรู้จึงถาม
วันที่ 28 ก.พ. 2555

แต่เคยทราบ เคยไปมาแล้วอย่างน้อยสองงานบวชของเพื่อน ณ วัดดัง ใหญ่โต ทราบมาว่าต้องมีเส้นสายและจ่ายพอสมควรถึงจะได้บวชวัดนั้นๆ (เรื่องนี้ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่แน่ใจนัก เพราะไม่ได้ถามอย่างละเอียด จะถามรายละเอียดและมาโพสต์เพิ่มเติมภายหลัง)

ที่จะถามคือ หากบ้านเราอยู่แถววัดดังนั้นๆ สมมติว่าอยากจะบวชขึ้นมา เราสามารถเดินไปแจ้งความประสงค์ที่วัดได้เลย และสามารถนัดวัน เวลา ที่จะทำพิธีกันได้เลยหรือ

เข้าใจดีว่าการจะจัดงานหรือพิธีอะไรขึ้นมาก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายบ้าง แต่สงสัยว่าการจะได้บวชวัดดี วัดดังนี้ ต้องมีเส้นสายหรือค่าใช้จ่ายพิเศษเช่นนั้นหรือ

คนธรรมดาลูกตาสี ยายสา ลุงมา ป้ามี ที่มีจิตใฝ่รู้ ใฝ่ธรรม สามารถทำได้หรือบวชได้หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 28 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ 2 และ 3 ครับ

บัณเฑาะก์ เป็นอภัพพสัตว์ คือ บุคคลที่ไม่สามารถรรลุธรรมได้ จึงไม่ให้บวช ซึ่งการจะรู้ได้ ก็มีการสอบถาม เป็นต้น ส่วนการจะบวชในวัดดังๆ หากเป็นวัดที่ดี ย่อมไม่มีค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินทอง เพราะพระไม่ควรยุ่งกับเงินทอง ครับ ดังนั้น วัดที่ดี ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวัดที่ดัง วัดใดที่พระภิกษุประพฤติตามพระธรรมวินัย มีการไม่รับเงินทอง ควรบวชวัดนั้น แม้จะไม่ดัง แต่เป็นวัดที่ดี เพราะคนดีอยู่ในวัด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
อยากรู้จึงถาม
วันที่ 28 ก.พ. 2555

"บัณเฑาะก์ เป็นอภัพพสัตว์ คือ บุคคลที่ไม่สามารถรรลุธรรมได้ จึงไม่ให้บวช"

ขอคำอธิบายว่าเพราะเหตุใด หรือเพียงแค่เกิดมามีจิตใจวิปริตมีใจที่ไม่ตรงกับร่างกายก็กลายเป็นคนที่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้

แต่เรื่องวัดดัง ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ ถึงจะได้มีโอกาสบวช ขอเวลาสอบถามก่อนจะนำมาโพสต์ให้ทราบ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
อยากรู้จึงถาม
วันที่ 28 ก.พ. 2555

"ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์" คือสิ่งใด ขอคำอธิบายเพิ่มเติม

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 28 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ 5 ครับ

บัณเฑาะก์ เป็นผู้ที่ไม่มีเพศชายและหญิง เป็นคนที่เกิดมาพิการ จึงไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 28 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ 6 ครับ

ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ หมายถึง ภิกษุหันไปนับถือลัทธินอกศาสนาพุทธ ไปนับถือศาสนาอื่น เลิกนับถือ เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ในศาสนาพุทธ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 28 ก.พ. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อกล่าวถึงการบวช ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด ก็ตาม เริ่มตั้งแต่สมัยพุทธกาล จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ล้วนมีความมุ่งหมายเป็นอย่างเดียวกัน คือ ขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ จนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล แสดงให้เห็นถึงอัธยาศัยของบุคคลผู้ที่จะบวชจริงๆ ว่า การอยู่ครองเรือน เป็นการหลั่งไหลของอกุศลประการต่างๆ มากมาย จึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง ทิ้งวงศาคณาญาติ ทรัพย์สมบัติทั้งปวง มุ่งสู่ความเป็นบรรพชิต พร้อมที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสในเพศที่สูงยิ่งกว่าคฤหัสถ์ ผลสูงสุด ของการบวช คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ตามลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบัน ถึง พระอรหันต์ และบางท่านก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก่อนที่จะบวช (ซึ่งก็ต้องบวชในวันนั้น) ก็มี เช่น ท่านพระยสะกุลบุตร ภัททชิกุมาร เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม

ถ้าบวชแล้ว ไม่ได้น้อมไปในการศึกษาพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ไม่ได้ขัดเกลากิเลสของตนเองเลย ย่อมไม่ได้ประโยชน์จากการบวช นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังเพิ่มโทษให้กับตนเองอีก ซึ่งมีตัวอย่างพระภิกษุมากมายที่บวชแล้ว แต่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ อันเป็นผลจากการไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนั่นเอง ทางที่ดีที่สุด คือ ควรที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจก่อน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 28 ก.พ. 2555

ในสมัยนี้ ผู้ที่จะบวช ควรที่จะรู้ว่า วัตถุประสงค์ที่จะบวชนั้นเพื่ออะไร อย่างในสมัยพุทธกาล นั้น ผู้ที่จะบวชเพราะเห็นโทษของการครองเรือน จึงละอาคารบ้านเรือน ละ ความติดในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ เป็นผู้รู้อัธยาศัยของตนเองว่า บวชเพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นเลย สำหรับผู้มีอัธยาศัยที่จะบวชในเพศบรรพชิต การบวชก็บวชที่วัดไหนก็ได้อย่างที่อ. paderm กล่าวไว้ ไม่จำเป็นต้องวัดดังหรืออะไร ทั้งนั้น เราไม่ควรสงสัยเรื่องวัดดัง ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ ถึงจะได้มีโอกาสบวช เพราะ นั่นไม่ใช่คำสอน ไม่ใช่สิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ คิดไป ตามเรื่องไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เราควรจะเป็นผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ก่อน และเมื่อมีโอกาสได้เกื้อกูลผู้อื่นให้ประพฤติปฏิบัติตามได้ ถูกต้องได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดี

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และอ.ผเดิม ด้วยค่ะ...

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 29 ก.พ. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ