สอนธรรมเด็ก
พระธรรมเป็นเรื่องยาก แล้วเราจะสอนธรรมะให้เด็กเล็กๆ เข้าใจได้อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมไม่สาธารณะกับทุกคน แต่เราก็ไม่รู้ว่าใครสะสมอะไรมา อาจจะสะสมความ เข้าใจธรรมมาก็ได้ ซึ่งไม่มีใครรู้ได้เลย ดังนั้น หากได้มีโอกาส พูดคุยในสิ่งที่ถูกต้อง ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้นั้น ผู้ที่สะสมความเข้าใจถูกมา เพราะในความเป็นจริง ก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิกที่สะสม ดังนั้นการบัญญัติว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ก็ไม่พ้น จากการเกิดขึ้นของจิต เจตสิกที่สะสมมาทั้งฝ่ายดีที่เป็นกุศลธรรม มีปัญญา เป็นต้น และสะสมทั้งฝ่ายไม่ดี มีอกุศลธรรม มีความไม่รู้ เป็นต้น ดังนั้น แม้ว่าเป็นเด็ก เด็กก็คือ การสะสมของจิต เจตสิก ซึ่งเด็กก็อาจสะสมธรรมฝ่ายดี มีความเข้าใจพระธรรมก็ได้ เพราะพระธรรม ไม่ได้จำกัดเพศและวัย ผู้ใดสะสมปัญญามาก็สามารถสะสมอบรมได้ เพียงแต่ว่า การอธิบายพระธรรมให้เด็กเข้าใจนั้น ไม่จำเป็นจะต้องไปวัด เพราะ การแสดงธรรม สามารถแสดงและพุดคุยให้เข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ครับ วิธีการที่ สมควร สำหรับเด็ก ก็คือ การพูดคุยกันในชีวิตประจำวันที่เป็นปกติ และก็มีการสอดแทรกธรรมเล็กๆ น้อยๆ เช่น พูดถึงเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน ว่าคนนี้ทำความดี คนนี้ทำความชั่ว เมื่อทำเหตุก็ต้องได้รับผลของกรรมที่ดี หรือ ไม่ดี เพียงแต่ว่า ที่บางคน ทำชั่วแต่ยังได้ดี เพราะผลของกุศลกรรม ให้ผลอยู่ แต่ ผลของอกุศลกรรมยังไม่ให้ผล เป็นต้น ซึ่งเราก็สามารถยกตัวอย่างในชีวิตประจำวัน เหตุการณ์ต่างๆ และก็สอดแทรก ข้อคิดธรรมได้ ให้เด็กได้คิด และไตร่ตรองในเหตุผลของพระธรรม ซึ่งก็สามารถคุยกัน ที่บ้านและที่ไหนก็ได้ ตามความสะดวกและเวลาที่เหมาะสม ครับ
ดังนั้นการแสดงธรรม จึงไม่จำเป็นจะต้องไปที่วัด เพราะขณะใดที่มีเจตนาให้ผู้ใดได้เข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่า อยู่ที่ใด ก็ชื่อว่า เป็นการแสดงธรรมแล้ว ครับ หรือ อาจจะหาเรื่องราวในพระไตรปิฎกที่ เป็นเรื่องชาดกต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ให้ข้อคิด อันเป็นไปเพื่อละอกุศล เจริญกุศล อัน เป็นอดีตชาติของพะรพุทธเจ้าที่เป็นบุคคลต่างๆ มีความประพฤติที่ดี ก็สามารถอ่าน ชาดกและก็มาคุย มาเล่าให้ฟัง ก็ชื่อว่าเป็นการแสดงธรรมให้เด็กเข้าใจแล้ว ครับ แม้ อยู่ที่บ้านก็กล่าว เล่าเรื่องพระธรรมได้ ครับ พระธรรม ความเข้าใจถูก จึงไม่ได้แยก ออกไปจากชีวิตประจำวัน ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่จะศึกษาธรรม จะมีชีวิตผิดแปลก แยกออกไป มีการจะต้องไปที่วัดเท่านั้น เพราะพระธรรมเป็นของที่มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน โลภะ อกุศลก็เกิดได้ในชีวิตประจำวัน ปัญญาก็เกิดได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าที่ไหน ด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม สนทนา ตามกาละเทศะ แม้ที่บ้าน ก็ทำได้ ตามที่กล่าวมา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเพศใด วัยใด ก็ควรที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นจะเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรมมากแค่ไหน รวมถึงเด็ก ด้วย ซึ่งการที่จะกล่าวธรรมแก่เด็ก ก่อนอื่นผู้ใหญ่ก็ต้องฟัง ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อน ถ้าไม่ศึกษา ไม่เข้าใจแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะกล่าวให้ฟังได้ อาจจะเริ่มจากการกล่าวข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ หรือ กล่าวชาดกต่างๆ อันเป็นความประพฤติเป็นไปของพระโพธิสัตว์ ตลอดจนถึงอดีตประวัติ ของพระอริยสาวกทั้งหลายด้วย พร้อมทั้งมีการสนทนาถามตอบเพื่อให้เด็กได้คิดว่า อย่างนี้เป็นกุศล หรือ เป็นอกุศล อย่างไหนควรประพฤติ อย่างไหนควรงดเว้นให้ห่างไกล เป็นต้น ค่อยๆ ให้ได้ฟังไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าเขาได้สะสมเหตุที่ดีมา ก็อาจจะทำให้เห็นประโยชน์ของพระธรรมมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตและไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่ที่ดีธรรมดา แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ดีที่เข้าใจธรรม ด้วย ก็ได้ การไม่กล่าวให้ฟังเลย นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควร ควรอย่างยิ่งที่่จะกล่าว จะน้อยจะมากก็ควรกล่าว เพราะถ้าเราไม่กล่าวเลย เด็กจะได้ฟังได้อย่างไร ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ เป็นบุญมากๆ ค่ะที่ได้ความกระจ่าง.