ไฟบรรลัยกัลป์
อ่านเจอกระทู้หนึ่งได้โพสต์ไว้ว่า
ไฟบรรลัยกัลป์เผาจนดวงจิตแตกสลาย ในยุคที่มีพระอาทิตย์ ๗ ดวง
และก็เผาจนถึงชั้นพรหมที่ ๓ มันคืออะไร มันเกิดขึ้นจริงหรือ ในอนาคต
หรืออดีต พุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้หรือ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากคำกล่าวที่ผู้ถามยกมานั้น เป็นเรื่องราวที่เป็นความจริงที่เคยเกิดมาแล้ว และ จะเกิดต่อไป ตราบใด ยังมีโลก จักรวาล สังขารธรรม ก็จะมีการทำลายล้าง หรือ ความเสื่อมสิ้นไป ไม่เที่ยง ของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม อันประชุมรวมกัน บัญญัติว่า เป็นโลก และ จักรวาล ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ ครับ
ธรรมดาของ รูปธรรมและนามธรรม ย่อมมีความไม่เที่ยงเกิดขึ้นและดับไป เป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม ในพระสูตรนี้ ชื่อสูตรว่า สุริยสูตร อันแสดงถึง เมื่อคราวที่โลกและจักรวาลจะถูกทำลายด้วยไฟ ซึ่ง โลกและจักรวาลจะถูกทำลาย ด้วยเหตุ ๓ อย่าง คือ น้ำ ไฟ และลม แต่สูตรนี้ที่เป็น สุริยสูตร แสดงถึงเมื่อจักรวาลถูกทำลายด้วยไฟ พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เมื่อเวลาผ่านไป ฝนไม่ตกเลย และเมื่อเวลาผ่านไป พระอาทิตย์เกิดขึ้นอีกดวง เมื่อพระอาทิตย์มี ๒ ดวง แม่น้ำลำคลองก็แห้ง (ไม่มีกลางคืนแล้ว) เวลาผ่านไปอีก พระอาทิตย์ก็ปรากฏขึ้น เป็น ๓ ดวง แม่น้ำใหญ่ก็แห้ง เวลาผ่านไป พระอาทิตย์ปรากฏ ๔ ดวง ๕ ดวง พระอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏนั้น มหาสมุทร น้ำก็แห้ง พอพระอาทิตย์ดวงที่ ๖ เกิดขึ้น ภูเขาสิเนรุ และแผ่นดินใหญ่ ก็เริ่มไหม้ มีควันตลบ พอพระอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฏ ไฟก็ลุกไหม้ภูเขาสิเนรุจนหมดสิ้นและแผ่นดินต่างๆ จนหมดสิ้นไม่เหลือเลย พระพุทธเจ้าแสดงต่อไปว่า ใครจะเชื่อว่าทุกสิ่ง แม้ภูเขาสิเนรุที่ใหญ่จะไหม้หมด ไม่เหลือเลย นอกเสียจากพระอริยสาวก
พระพุทธเจ้าจึงตรัสให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสังขารธรรม มีรูปธรรมที่เป็นจักรวาล และ นามธรรม คือ จิต เจตสิก ว่ามีความไม่เที่ยงเป็นธรมดา ควรที่จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด อบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส ครับ
เมื่อพระพุทธเจ้าแสดง สุริยสูตร เรื่องนี้จบ พระภิกษุ ๕๐๐ บรรลุคุณธรรมเป็นพระอรหันต์ เพราะเห็นถึงความไม่เที่ยงของสภาพธรรม ครับ
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านพระสูตรเรื่องนี้ ที่นี่ครับ ... สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง [สุริยสูตร]
ควรสนใจธรรมะที่ใกล้ตัว ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ที่รู้ได้ อบรมได้ ศึกษาได้ เข้าใจได้
ในพระไตรปิฎกมีแสดงไว้ ว่า อจินไตย ๔ ประการ ไม่ควรคิด
๑. พุทธวิสัย
๒. ฌานวิสัย
๓. กรรมวิบาก
๔. โลก เช่น พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ ใครสร้าง ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงว่าสังขารทั้งหลาย (สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยปรุงแต่ง อันได้แก่ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และรูป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นใจ, สังขารแม้อย่างหนึ่งที่เที่ยงนั้น ไม่มีเลย ชีวิตของแต่ละบุคคลก็ไม่พ้นจากสังขาร ทุกขณะของชีวิตเป็นสังขาร เนื่องจากว่ามีจิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรยั่งยืน สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ควรที่จะศึกษาให้เข้าใจ จากที่ไม่รู้ ก็จะค่อยๆ รู้ขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จากการได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่พ้นไปจากขณะนี้เลย ธรรมก็คือ ขณะนี้จริงๆ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น ดังนั้น ประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาตินั้น ก็คือ มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา (ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก) ไปตามลำดับ จนกว่าจะมีมากขึ้น เจริญขึ้น ถึงขั้นดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องมีการเกิดอีก เมื่อนั้น สังสารวัฏฏ์จึงเป็นอันจบสิ้น ไม่ต้องมีนามธรรมและรูปธรรมเกิดอีกเลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเ้จ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ