การให้ผลของกรรม
อยากทราบว่า ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จะต้องให้ผลอยู่แล้ว ฉะนั้น เวลาก่อนจะตายจิตนึกถึงกุศลที่ได้กระทำไว้แล้วก็จะได้ไปเกิดในสุขคติภูมิ ในขณะเดียวกันอกุศลที่ได้กระทำแล้วก็ยังรอให้ผลอยู่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะไปสู่ภพภูมิไหนก่อน วิบากทั้งดีและไม่ดีก็ต้องให้ผลทั้งหมดถูกต้องหรือเปล่าครับ ถ้าถูกไปสวรรค์ก่อน เดี๋ยวก็ต้องไปนรกหรือเปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน เพราะวิบาก คือกรรมที่ได้กระทำแล้วต้องให้ผลทั้งหมดถูกหรือไม่ครับ แล้วผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ วิบากที่เหลือเป็นอโหสิกรรมหรือเปล่าครับ ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ
อีกคำถามนะครับ ในชีวิตประจำวันมีทั้งกุศลอกุศลและวิบาก ในขณะที่จิตเสือกไสไปตามการสะสมของเหตุและปัจจัย เช่น เราโกรธคนนี้แล้วเราไปทำร้ายเขา การที่เขาหัวแตก คือ วิบากของเขาที่ได้รับ แต่เป็นกรรมที่เรากระทำและวิบากเราที่ได้เห็นในขณะนั้นถูกต้องหรือเปล่าครับ ถ้าใช่อย่างนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เราต้องเจอหรือจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราใช่หรือไม่ครับถูกหรือผิดอย่างไร ช่วยกรุณาอธิบายด้วยนะครับ จะกรุณอธิบายกว้างกว่านี้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง
กราบขอบพระคุณครับ
เรื่องกรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ควรศึกษาโดยละเอียด เมื่อบุคคลกระทำกรรมใดๆ ย่อมมีวิบากเกิดขึ้นตามควรแก่โอกาส อกุศลกรรมทำให้นำเกิดในอบายภูมิ และให้ผลในปวัตติกาลด้วย กุศลกรรมนำเกิดในสุคติภูมิและให้ผลในปวัตติกาลด้วย ผู้ที่บรรลุเป็นพระอริยบุคคลย่อมไม่เกิดในอบายภูมิอีกเลย และพระอรหันต์เมื่อจุติจิตแล้วย่อมไม่เกิดอีกเลย
เพราะฉะนั้น อกุศลกรรมที่พระอริยบุคคลได้กระทำก่อนเป็นพระอริยบุคคลย่อมไม่สามารถนำเกิดในอบายอีก แม้ว่ากรรมนั้นยังไม่หมด คือเป็นอโหสิกรรม คือ ไม่มีโอกาสให้ผล และกรรมทั้งหมดที่บุคคลก่อนเป็นพระอรหันต์กระทำ เมื่อท่านปรินิพพานแล้วกรรมเหล่านั้นย่อมไม่ให้ผล เป็นอโหสิกรรม
สำหรับคำถามที่สอง ก็ถูกต้องที่ว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปตามเหตุและปัจจัย แม้จิตขณะหนึ่งก็เป็นไปตามปัจจัย ความสุข ความทุกข์ในแต่ละขณะเกิดได้เพราะมีปัจจัยให้เกิด
กุศลกรรมที่เราทำไว้ในอดีตชาติ ทำให้เราเกิดในชาตินี้ เป็นสุขคติภูมิ เป็นมนุษย์ ซึ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะกระทำกุศลเพิ่มได้อีก ทำให้เรามีความละอาย และเกรงกลัวต่อบาป แต่การที่เราจะเกิดในครอบครัวใด สิ่งแวดล้อมแบบไหน ก็เป็นผลมาจากการสะสมมาในอดีตชาติ ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ก็เพราะในอดีตได้เคยฟัง มาก่อน จนเข้าใจ กุศลกรรมนั้นก็เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ได้ฟัง ในชาตินี้ และได้ประพฤติปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ในสังสารวัฏฏ์