กลิ่นจันทร์กับกลิ่นศีล
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กลิ่นหอมทั้งหลาย เช่น กลิ่นหอมจากดอกไม้ กลิ่นหอมจากแก่นไม้ที่มีกลิ่นหอม เป็นต้น ย่อมหอมไปตามลมเท่านั้น ไม่สามารถหอมทวนลมได้ เทียบไม่ได้เลยกับกลิ่นของศีล กลิ่นของคุณความดี กลิ่นของศีล กลิ่นของคุณความดี เป็นสิ่งที่เลิศ เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ย่อมฟุ้งไปโดยรอบ แม้แต่ท้าวสักกะ ผู้เป็นจอมแห่งเทพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็ประสงค์ที่ถวายทานพระมหากัสสปเถระ ก็เพราะกลิ่นศีล เพราะกลิ่นความดีของพระมหากัสสปะ ซึ่งเมื่อได้ถวายทานแก่พระมหากัสสเถระแล้ว ได้เหาะขึ้นไปพร้อมกับเปล่งอุทาน ๓ ว่า "ทานที่เป็นทานอย่างเยี่ยม เราได้ตั้งไว้ดีแล้วในท่านพระกัสสปะ" พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสว่า ท้าวสักกะ มาถวายบิณฑบาตแก่พระมหาปัสสปะ เพราะกลิ่นของศีล แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า กลิ่นนี้ คือ กลิ่นกฤษณา และกลิ่นจันทน์ เป็นกลิ่น เพียงเล็กน้อย ส่วนกลิ่นของผู้มีศีลทั้งหลายเป็น กลิ่นชั้นสูง ย่อมหอมฟุ้งไปในเทพเจ้าและเหล่ามนุษย์.
ขอเชิญคลิกเพื่อโหลดอ่านเพิ่มเติมได้ที่ครับ
เรื่องถวายบิณฑบาตแก่พระมหากัสสปเถระ
[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 121
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับเรื่องกลิ่น ในคาถาธรรมบท มีหลากหลายนัย อีกเรื่องหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับ กลิ่นจันทน์ กลิ่นดอกไม้ และกลิ่นของศีล มีดังนี้ครับ กลิ่นของศีล มาในคาถาธรรมบท เรื่อง ปัญหาของพระอานนท์เถระ เรื่องราวพอสังเขปเป็นดังนี้
ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปในที่หลีกเร้นตอนเย็น ได้เกิดความคิดว่า พระพุทธเจ้า ทรงตรัส กลิ่นสูงสุด ไว้ ๓ อย่าง คือ กลิ่นที่เกิดจากราก กลิ่นที่เกิดจากดอก กลิ่นที่เกิดจากแก่น แต่กลิ่นเหล่านี้ ก็เพียงลอยตามลมได้เท่านั้น ไม่สามารถลอยทวนลมได้ แม้แต่น้อยเลย จะมีกลิ่นอะไรหรือไม่ ที่สามารถที่จะลอยไปตามลม และ ลอยทวนลม ได้ ท่านจึงคิดด้วยความแยบคาย ที่จะถามปัญหานี้กับพระพุทธเจ้า
ท่านพระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า กลิ่นที่สามารถลอยตามลม และ ลอยทวนลมมีหรือไม่ พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบว่า ชื่อว่ากลิ่นที่ลอยตามลม และทวนลมได้ มีอยู่ คือ ชนเล่าใด จะเป็นหญิง หรือ ชาย ที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ งดเว้นจากการล่วงศีล ๕ ประพฤติธรรม มีใจที่ปราศจากความตระหนี่ คือ เป็นผู้ให้อยู่เนืองนิตย์ ผู้คนทั้งหลาย ทุกๆ สารทิศ ย่อมยกย่องสรรเสริญ ในคุณความดีของผู้นั้น แม้เทวดา พรหมโลก ที่อยู่ไกลแสนไกล ก็ต่างยกย่องคุณความดี ของผู้นั้น ดังนั้น กลิ่นของศีล กลิ่น ของคุณความดี ย่อม สามารถลอยตามลม และสามารถลอยทวนลมได้ กลิ่นของศีล และ กลิ่นของคุณความดี จึงประเสริฐที่สุด พระพุทธเจ้าทรงตรัสพระคาถาต่อไปที่ว่า "กลิ่นดอกไม้ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นจันทน์ หรือกลิ่นกฤษณาและกลัมพักก็ฟุ้งไปไม่ได้ แต่กลิ่น ของสัตบุรุษฟุ้งไปปทวนลมได้ (เพราะ) สัตบุรุษ ย่อมฟุ้งขจรไปตลอดทุกทิศ กลิ่นจันทน์ก็ดี แม้กลิ่นกฤษณาก็ดี กลิ่นอุบลก็ดี กลิ่นดอกมะลิก็ดี กลิ่นศีลเป็นเยี่ยม กว่าคันธชาตทั้งหลายนั่น"
ดังนั้น จากคำถามที่ผู้ถาม ถามว่า
กลิ่นจันทน์เป็นต้น ล้วนเป็นสุดยอดแห่งกลิ่นหอมทั้งปวง แต่ในธรรมบทนี้ พระองค์ตรัส ว่า เป็นกลิ่นหอมเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกลิ่นศีล ขออธิบายความละเอียดของ กลิ่นศีล กลิ่นคุณความดี ประเสริฐกว่า กลิ่นอื่นๆ มีกลิ่นจันทน์ ดังนี้ครับ
กลิ่นของจันทน์ หรือ กลิ่นดอกไม้ต่างๆ ที่ว่าหอมเลิศ ต้องอาศัย ลม ถ้าไม่มีลม กลิ่น ก็ไม่สามารถจะเดินทาง ส่งกลิ่นไปที่ไหนได้เลย และกลิ่นเหล่านี้ ก็ไม่สามารถทวนลมได้ด้วยเช่นกัน แต่ กลิ่นของศีล คือ กลิ่นของผู้ที่ประพฤติธรรม กระทำความดี รักษาศีล งดเว้นจากความชั่ว กลิ่นนี้ ย่อมทวนลมได้ แม้ไม่มีลม เพราะ บัณฑิตและชนเหล่าอื่น ทั้งหลาย ย่อมรู้ แม้ไม่มีลม และยกย่องสรรเสริญ ไปได้ไกล ไม่มีประมาณ แม้แต่ พรหมโลก เพราะคุณความดี ที่เป็นกลิ่นของศีล มีการประพฤติธรรม ครับ
ดังนั้น กลิ่นของดอกไม้ที่ว่าหอม จึงชื่อเล็กน้อย เพราะไม่สามารถทวนลมและไปได้ไม่ไกล ส่วน กลิ่นของศีล ไม่ต้องอาศัยลม แต่ไปได้ไกลด้วยคุณความดี ที่ผู้อื่นทั่วทุกสารทิศล้วนยกย่องสรรเสริญ ครับ
อีกนัยหนึ่ง กลิ่นของดอกไม้ที่ว่าหอมที่สุด มีกลิ่นจันทน์ เป็นต้น ก็ไม่สามารถที่จะทำให้กิเลสน้อยลงได้ กับแต่จะเป็นปัจจัยให้ผู้ที่สะสมกิเลสมามาก เกิดติดข้องในกลิ่นเหล่านั้นได้มากขึ้น และ เป็นเพียงความสุขชั่วคราวที่เกิดจากกลิ่นหอมในขณะนั้น เท่านั้น เกิดขึ้นและดับไป ไม่มีสาระอะไร ในกลิ่นหอมเพียงชั่วขณะเลย เพราะไม่นำมาซึ่งการละกิเลส แต่กลิ่นของศีล และกลิ่น คือ คุณควมดี เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เพราะเป็นไปเพื่อละ สละกิเลสในขณะนั้น และนำมาซึ่งความสุขในโลกนี้ โลกหน้า และความสุขอย่างยิ่งคือการดับกิเลสได้ในอนาคต ครับ เพราะฉะนั้น กลิ่นหอม ของ ดอกไม้ รวมทั้ง จันทน์ที่ว่าหอม จึงเป็นของเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ กลิ่นของศีล กลิ่นของคุณงามความดี ด้วยประการฉะนี้ ครับ
ขอนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
กลิ่นหอมจากดอกไม้ ย่อมหอมไปตามลมเท่านั้น ไม่สามารถหอมทวนลมได้ เทียบไม่ได้เลยกับกลิ่นของศีล กลิ่นของคุณความดี เป็นสิ่งที่เลิศ เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ย่อมฟุ้งไปโดยรอบ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
แต่กลิ่นของศีล และกลิ่น คือ คุณความดี เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เพราะเป็นไปเพื่อละ สละกิเลสในขณะนั้น และนำมาซึ่งความสุขในโลกนี้ โลกหน้า และความสุขอย่างยิ่ง คือ การดับกิเลสได้ในอนาคต ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเข้าใจความจริงจากคำที่ทรงแสดง ทำกิจให้กุศลเจริญขึ้น เพราะเห็นโทษของการเบียดเบียน ทุกชีวิตเป็นเพื่อนสัตว์โลกที่อยู่ในกองทุกข์ ได้รับความเบียดเบียนจากภัยของความไม่รู้ ความหลง กิเลสมากมาย และสภาพที่ไม่เที่ยงอยู่แล้ว จึงควรเมตตากัน
กราบขอบพระคุณ ยินดีในกุศลทุกท่านด้วยความเคารพค่ะ