คนนอกศาสนาเมื่อ ครั้ง พุทธกาล
พอได้ฟังธรรมะ ของ พระพุทธเจ้าแล้ว ได้เปล่งอุทาน^^ว่า ... ไพเราะ งดงามจริงนะ งดงามไพเราะจริงนะ อยากทราบข้อความส่วน นี้จังค่ะ
ขออภัย (ผิดพลาดทางเทคนิค) คือดิฉันอยากฟังตอนนี้ค่ะ ตอนที่คนนอกศาสนาเมื่อได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว ... เหมือนหงายของที่คว่ำ ... เปิดของที่หงาย. ค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความในพระไตรปิฎก เป็นดังนี้ครับ
[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 467
[๗๘๐] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์นั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ไพเราะยิ่งนัก. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ไพเราะยิ่งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่บุคคลผู้หลงทางหรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักแลเห็นได้ ฉะนั้น ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่เป็นพุทธภาษิต กับ บุคคลต่างๆ แม้ผู้ที่เป็นพวกนอกศาสนา เมื่อท่านเหล่านั้นได้ฟังพระธรรม เกิดความเข้าใจ คือ เกิดปัญญาเห็นแจ้งด้วยตนเอง จึงเปล่งอุทาน ดังข้อความในพระไตรปิฎทกี่ยกมา ครับ
ซึ่งขออธิบาย อรรถ ความหมายดังนี้ ครับ
ซึ่งข้อความที่ว่า
ภาษิตของพระองค์ไพเราะยิ่งนัก คือ ไพเราะ ด้วยเพราะ น้ำเสียงของพระพุทธองค์ไพเราะ และ พระธรรมของพระพุทธเจ้า ไพเราะ เพราะเป็นคำจริง เป็นสัจจะ ไพเราะทั้ง อรรถ ความหมาย และ พยัญชนะ และ เป็นถ้อยคำที่ทำให้ละอกุศลเกิดกุศลเกิดปัญญา ผู้ฟังเมื่อปัญญาเกิด จึงได้รับความไพเราะ คือ ความเข้าใจพระธรรมที่เป็นรสพระธรรม จึงไพเราะจับใจด้วยกุศลธรรมที่เกิดขึ้น มีปัญญา เป็นต้น แต่ไม่ใช่ความไพเราะที่เกิดจากอกุศล มีความติดข้อง มีการได้ฟังเพลงที่ชอบ ครับ
ดังนั้น ไพเราะทั้ง น้ำเสียงของพะรองค์ ไพเราะทั้งพระธรรมของพระพุทธเจ้า ไพเราะ และ ไพเราะ เพราะทำให้ผู้ฟังเกิดกุศล และ ปัญญา
เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ
ในอรรถกถา อธิบายดังนี้ครับ ผู้ที่ตกอยู่ในอสัทธรรม คือ อวิชชา และกิเลส พระธรรมของพระองค์ทำให้ออกจากกิเลส พ้นจากกิเลส ดังเช่น บุคคลหงายของที่คว่ำ ถูกคว่ำ ปิดกั้นด้วยกิเลส เมื่อหงาย ย่อมพ้นจากการครอบงำจากกิเลส ครับ
อีกนัยหนึ่ง ของที่อยู่ในที่คว่ำอยู่ ย่อมไม่เปิดเผย ย่อมไม่เห็นตามความเป็นจริง แต่เมื่อหงายของนั้นออก ย่อมเห็นของที่อยู่ภายใน ตามความเป็นจริง พระธรรมของพระองค์ ก็เหมือนการทำให้ผู้ฟังเกิดปัญญา เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ สภาพธรรมที่มีในขณะนี้ที่เป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา เห็นตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรม ที่ถูกอวิชชา คว่ำไว้ ไม่เห็นตามความเป็นจริง แต่พระธรรมทำให้เกิดปัญญา จึงหงายของนั้นออก เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ครับ
เปิดของที่ปิด คือ พระพุทธเจ้า ทรงเปิด ความเห็นถูก จากที่ถูกปิดไว้ด้วยกิเลส คือมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด เมื่อพระองค์ยังไม่อุบัติ ก็ถูกปิดไว้ด้วยกิเลส แต่เมื่อพระองค์อุบัติ ทรงแสดงธรรม ย่อมเปิดพระศาสนา เปิดให้สัตว์โลกได้มีความเห็นถูก และอีกนัยหนึ่ง ทรงแสดงถึงเหตุแห่งทุกข์ คือ อวิชชา และ ตัณหา ซึ่งถูกปกปิด ไม่มีใครรู้เมื่อพระองค์แสดงธรรม และสัตว์โลกเกิดปัญญาของตนเอง จึงทำให้สัตว์โลกรู้เหตุแห่งทุกข์ ดุจ เปิดของที่ปิด เปิดให้รู้ความจริง ว่าเหตุแห่งทุกข์ คือ อะไร ครับ
บอกทางแก่บุคคลผู้หลงทาง คือ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้ผู้ฟัง รู้ทางสวรรค์และทางถึงพระนิพพาน คือ เพราะอำนาจกิเลส ทำให้ไม่รู้จักทางที่ถูกต้องหลงไปในทางที่ต่ำ แต่พระธรรมทำให้รู้ว่า กุศลคืออะไร และถึงความสุขได้อย่างไร ด้วยการเจริญกุศลทุกประการ นี่คือ ทางถึงความสุข มีการเกิดในสวรรค์ และบอกทางที่จะทำให้พ้นจากทุกข์ คือ การเกิดด้วย ทาง คือ อริยมรรค นั่นเอง ครับ
ตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าผู้มีจักษุจักแลเห็นได้ หมายถึง พระธรรม และปัญญา เปรียบเหมือน ประทีป แสงสว่าง ที่ช่วยกำจัดความมืดของเหล่าสัตว์ คือ กำจัดความมืด คือ โมหะ ความไม่รู้ ให้หมดสิ้นไป ให้ได้เห็น รูป เห็นตามความเป็นจริง ด้วยแสงสว่าง คือ ปัญญา ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ ...
เพราะดิฉันฟังจากคุณลุงนิภัทรพูดในเทปที่ดาวน์โหลดไปวันหนึ่ง อยู่ๆ ก็เกิดความปิติระลึกพระคุณของพระศาสดาขึ้นมา.
จึงจะเก็บมาท่องสวดระลึกถึงพระคุณแทนการสวดมนต์เพราะจำยาวๆ ไม่ได้ (จิตเป็นอกุศลก่อนสวดจบ)
ขอบคุณ และขออนุโมทนา สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้เข้าใจพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็จะไม่สามารถกล่าวชื่นชมพระภาษิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เพราะไม่มีความเข้าใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาสได้ฟัง ได้เข้าใจ เป็นผู้เห็นคุณค่าของพระธรรม จึงเกิดความซาบซึ้ง ที่ได้เข้าใจ จึงกล่าวสรรเสริญพระภาษิตของพระองค์ ที่ทำให้ได้เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟังตามความเป็นจริง จากไม่รู้ ก็เป็นค่อยๆ รู้ขึ้น มีศรัทธาเชื่อมั่นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม และ ทรงแสดงพระธรรม เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกให้ได้เข้าใจความจริงถึง ๔๕ พรรษา เมื่อเชื่อในพระปัญญาคุณจริงๆ ก็ย่อมจะฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพื่อจะได้อบรมเจริญปัญญาต่อไป ยิ่งฟังพระธรรม ก็ยิ่งเห็นพระปัญญาคุณของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงแสดงธรรมที่เป็นสัจจธรรม เป็นธรรมที่มีจริง เป็นประโยชน์ทุกาละสมัย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ที่ได้ฟัง เห็นประโยชน์ของพระธรรม ความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ย่อมจะเจริญขึ้นไปตามลำดับอย่างแน่นอน ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอขอบคุณ ความเห็นที่ 6 นะคะที่เป็นห่วง ...
ค่ะดิฉันฟังค่ะ (ซุ่มฟัง) ไม่กล้าบอกว่าตนฟัง. เพราะชอบฟัง. จริงนะคะ. ไม่กล้าบอกว่าฟังเพราะบางครั้งก็เผิน บางครั้งก็ไม่ได้ฟังเพราะไม่เข้าใจ เพียงได้ยิน. ตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ (ประมาณนั้น) ดิฉันได้พบโดยบังเอิญจากวิทยุเหมือนกับหลายคนที่พูดในเทปค่ะ ... ฟังมาจากไม่รู้ก็รู้ขึ้น (บ้างนิดๆ ) ... คือเข้าใจขึ้น ... ทุกครั้งที่เข้าใจก็สำนึกบุญคุณของผู้เผยแพร่ ... ทุกครั้งที่เข้าใจ ... ซึ่งท่านอาจารย์สุจินต์ได้พูดถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ... แต่ดิฉันก็ยังไม่ซึ้งเลยค่ะ ... แต่ก็อยากรู้เรื่องธรรมะ. คือ. ดิฉันดาวน์โหลดลงเครื่องฟังเล็กๆ ติดตัวตลอดเวลาทั้งเวลานอนด้วยค่ะ ... ก็ติดหูอยู่อย่างนั้นค่ะ. ตื่น (รูัสึกตัว) ก็ฟังต่อ ... ก็จะได้ฟังเป็นช่วงๆ ไม่ต่อเนื่องกันหรอกค่ะ. มีบางตอนก็ฟังอยู่ซ้ำๆ ตอนเดิม. แต่ก็ฟังตอนเดิมนั่นเพราะรู้ว่าจะไม่รู้สึกเหมือนเดิม. บางครั้งก็รู้สึกไม่ชอบคนถาม แต่ก็ต้องขอบคุณทำให้เห็นสภาพจิตของตัวเอง. แล้วมาเร็ววันนี้. ดิฉันได้ยินท่านอาจารย์กล่าวพระคุณของพระสัมมาฯ ดิฉันยังยังไม่ระลึกพระคุณซึ่งเป็นเช่นนั้นก็สงสัยจิตของตน ... จนได้ฟังตอนที่ท่านอาจารย์ถูกถามว่า ... ท่านอาจารย์ ... ทำไมบรรยายธรรม ... อาจารย์รู้ได้ไงว่าเป็นโสดา (ดิฉันอยากเห็นผู้นั้นจัง) ... แล้วคุณลุงนิภัทร ก็ได้พูดในเทปม้วนนั้นแหละค่ะ ... ดิฉันก็ระลึกพระคุณของพระศาสดาด้วยใจจริง ... ดิฉันยกมือไหว้ด้วยสำนึกจากใจและรู้สึกได้ เป็นครั้งแรก. ด้วยความสัจ ... ระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ... ซึ่งเคยเพียงกราบไหว้ทางรูปกายมาตั้งหกสิบปี ... เกือบเสียชาติเกิดจริงๆ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
พระคุณของพระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนน้ำในมหาสมุทร แต่ปุถุชนสรรเสริญเพียงน้ำที่ลอดรูเข็ม เช่น พระโสดาบันรู้คุณพระพุทธเจ้าได้น้อยกว่า พระสกทาคามี ส่วนพระสกทาคามีรู้คุณน้อยกว่าพระอนาคามี พระอนาคามีรู้คุณได้น้อยกว่าพระอรหันต์ ค่ะ
ค่ะ ... คงเป็นเพราะความหนาของกิเลสของดิฉันจริงๆ เลย. เลยฟังเท่าไรก็ไม่รู้สภาพเห็นได้เลยค่ะ ... ทั้งๆ ที่เห็น (มีตาค่ะ) . ชอบฟังอดีตชาติ ... ฟังแล้วก็สงสาร (จิตเศร้าหมอง) ก็ระลึกไม่ได้ ... แล้วพระคุณของพระพุทธเจ้า ... อุตส่าห์สอน ... คนในสมัยนั้นยังไม่รู้คุณเลยอีก ... จิตของผู้ปรารถนาดีทำให้ดิฉันเศร้า ... เห็นความอดทนอดกลั้นของพระองค์ต่อวาจาอันไม่น่าฟังน่ะค่ะ ...
ขอขอบพระคุณนะคะ ... น้ำลอดรูเข็มยังมีประสิทธิภาพมากถึงเพียงนี้ ... ดิฉันจะพยายามฟังจนกว่าจะเข้าใจขึ้นให้เท่ารูเข็มสักสองรู (ไม่เครียดนะคะ)
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนา