สุดหล่อ - สุดสวย
เพราะเหตุใดบางคน จึงเกิดมาหน้าตาดี สุดหล่อ - สุดสวย กว่าคนอื่นๆ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมทั้งหลาย มีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น แม้แต่รูปร่าง ลักษณะของสัตว์โลก ก็มีเหตุปัจจัยทำให้มีความแตกต่างกันไป ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงครับว่า เพราะ กรรม จึงทำให้สัตว์มีรูปร่างแตกต่างกันไปครับ
การที่เกิดมาหน้าตาดี สวย ก็ต้องมีเหตุ เช่นกันครับ ซึ่ง ก็ไม่พ้นจากกรรม คือ จะต้องเป็นเพราะ กุศลกรรม ที่ทำให้มีหน้าดี รูปร่าง ผิวพรรณดี ครับ
ในเรื่องของกรรมที่ทำให้หน้าตาดี รูปร่างดี พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ในความละเอียดหลากหลายนัยดังนี้ครับ
ใน มัลลิกาสูตร พระนางมัลลิกา ได้เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้มาตุคาม หรือ ผู้หญิงในโลกนี้ มีผิวพรรณทราม รูปร่างไม่ดี ไม่น่าดู และเหตุใดที่ทำให้บางคนรูปร่าง หน้าตาดี ผิวพรรณงาม
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ ถูกว่าเล็กน้อยก็ขุ่นเคือง มากไปด้วยความโกรธ เมื่อกรรมนั้นให้ผล เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้เขามีผิวพรรณทราม มีรูปร่างไม่น่าดู เพราะผลของกรรม คือ อกุศลรรม คือ ความมักโกรธให้ผล ครับ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ไม่มักโกรธ ไม่ขุ่นเคืองง่าย ถูกว่า ก็ไม่โกรธ เมื่อกรรมนี้ให้ผล เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ทำให้มีรูปร่าง หน้าตาดี มีผิวพรรณงาม เพราะ กุศลกรรม คือ ความไม่มักโกรธ ให้ผล ครับ
เหตุปัจจัยอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้บุคคลบางคนในโลกนี้ มีหน้าตาดี มีรูปร่างดี ผิวพรรณดี เพราะกุศลกรรมเช่นกัน คือ ความเป็นผู้รักษาศีล เมื่อ เป็นผู้ประกอบกุศลกรรม คือ การรักษาศีล เมื่อกรรมนี้ให้ผล ย่อมทำให้เป็นผู้มีรูปร่างดี หน้าตาดี ครับ
อีกนัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงแสดงถึงความละเอียดของส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา ผิวพรรณ แม้แต่ ขน คิ้ว ฟัน ที่เป็นส่วนละเอียดของร่างกาย ก็ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยกรรม เป็นปัจจัยที่จะทำให้ มี ฟันสวยงาม คิ้ว นัยน์ตา แขน ขาที่สวย หรือ ไม่สวย ครับ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ใน ลักขณสูตร ครับว่า
ส่วนละเอียดของร่างกายที่งดงาม ก็เพราะมีกรรม เป็นปัจจัย คือ กรรมดี เป็นปัจจัย เช่น การที่มีฟันไม่ห่าง ไม่เก สวยงาม เพราะเหตุ คือ การไม่กล่าวคำส่อเสียด ส่วน การที่ฟันเก ไม่สวยงาม ก็เพราะ กรรมคือ การพูดส่อเสียด ครับ การที่มีร่างกายตรง สมส่วนก็เพราะ กรรมดี คือ การไม่ฆ่าสัตว์ งดเว้นจากปาณาติบาต การมีนัยต์ตาสวยงาม เพราะกรรมดี คือ มองผู้อื่นด้วยสายตาที่เกิดจากเมตตากุศลจิตเป็นต้น ดังนั้น รูปร่าง หน้าตาดี ก็เพราะอาศัยส่วนละเอียดของร่างกาย มีปาก ฟัน แขน ขา มาประกอบกัน จึงเป็นผู้ที่มีหน้าตาดี รูปร่างดีได้
อีกนัยหนึ่ง ผลของกุศลกรรม แม้แต่การให้ทาน ก็ทำให้มีรูปร่างดี หน้าตาดีได้เช่นกันครับ คือ การให้ทานด้วยศรัทธา ก็ทำให้มีรูปร่าง หน้าตาดี เมื่อกรรมนี้ให้ผล ครับ
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 314
๘. สัปปุริสทานสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษครั้นให้ทานด้วยศรัทธาแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และเป็นผู้มีรูปสวยงามน่าดูน่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณงามยิ่งนัก ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล (บังเกิดขึ้น)
สรุปได้ว่า เพราะ กุศลกรรม เป็นปัจจัย ก็ทำให้รูปร่างที่เกิดขึ้น มีรูปร่างที่ดี หน้าตาดี เพราะอาศัย กุศลกรรม ทำให้เกิดวิบากที่ดี คือ จิต เจตสิกที่ดี รูปที่เกิดพร้อมกัน กับปฏิสนธิจิต รวมทั้งรูปอื่นๆ ที่เกิดหลังจากปฏิสนธิจิต ก็อาศัย กรรม คือ กุศลกรรมอุปถัมภ์ ทำให้เกิดรูปร่าง หน้าตาที่ดี นั่นเอง ครับ
ขออธิบายประเด็นเพิ่มเติม ในความสงสัยที่ว่า ทำไมบางคนในโลกนี้ รูปร่าง หน้าตาดีมาก แต่ทำไม นิสัยไม่ดี ทั้งๆ ที่รูปร่างหน้าตาดี อาศัย กรรม คือ การรักษาศีลเป็นปัจจัย
ในความเป็นจริง เราจะต้องแยกระหว่าง ส่วนที่เป็นผลของกรรม ที่นำมาซึ่งรูปร่างที่ดี หน้าตาดี กับ ส่วนที่สะสมไว้ในจิต เป็นอุปนิสัย ว่าแยกขาดจากกัน ซึ่งการมีรูปร่างหน้าตาดี ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผลของการรักษาศีลก็ได้ ส่วน อุปนิสัย เกิดจาก การที่เกิดกุศลกรรม อกุศลกรรม ทำให้มีอุปนิสัยแตกต่างกันไป โดยอาศัยกิเลสที่สะสมมาเป็นปัจจัย และ แม้ว่า บุญ คือ การรักษาศีลห้ผล แต่ คนนั้นนิสัยไม่ดี เพราะเหตุว่า บุญ คือ การรักษาศีลเกิดได้ ไม่ว่ากับใคร ซึ่งอาจเป็นการทำกุศล คือ การรักษาศีลเพียงครั้งเดียว เป็นปัจจัยให้บุคคลนั้น มีรูปร่าง หน้าตาดี แต่ นิสัยที่ไม่ดี เกิดจาก อกุศลจิตที่เกิดบ่อยๆ ในอดีตชาติ ครับ ทำให้ แม้จะหน้าตาดี แต่นิสัยไม่ดีได้เป็นธรรมดา
ดังนั้น รูปร่าง หน้าตา จึงไม่เป็นประมาณ คือ ไม่ใช่เครื่องตัดสินว่า คนเราจะดี หรือ ชั่ว แต่ตัดสินที่การกระทำในปัจจุบัน ทั้งทาง กาย วาจาและใจ และคุณธรรมภายในจิตใจ ของบุคคลนั้น ครับ ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้ตรัสความงามไว้ครับว่า ความงามที่ประเสริฐ คือ ความงามของคุณความดี สภาพธรรมฝ่ายดี คือ กุศลธรรม ชื่อว่าเป็นความงามที่แท้จริง ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กรรม ยุติธรรมที่สุดในการให้ผล เหตุย่อมสมควรแก่ผล เมื่อเหตุดี ผลก็ต้องเป็นผลที่ดี น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม เมื่อเหตุไม่ดี ผลก็ย่อมจะเป็นผลไม่ดี ตามสมควรแก่เหตุที่ไม่ดี ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย ธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น เกิดมาสวย หน้าตาดี น่าดูน่าชม ต้องเป็นผลของความดีอย่างแน่นอน
แต่ละบุคคลที่เกิดมานั้น จะเป็นคนดีหรือไม่ดี หรือที่เรียกวันว่า นิสัยดี หรือ ไม่ดี นั้น ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้อยู่ที่สวย หล่อ หรือไม่สวย ไม่หล่อ รวมไปถึงไม่ได้อยู่ที่ฐานะ ตระกูล หรือ ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่อยู่ที่จิต เพราะเหตุว่าเมื่อจิตดี คือ เป็นกุศลจิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ย่อมดีทั้งนั้น แต่เมื่อจิตไม่ดี คือ เป็นอกุศลจิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเช่นเดียวกัน ก็ไม่ดีทั้งนั้น ความไม่ดี จะมากหรือน้อย ก็ไม่ดี จะถือเอารูปลักษณ์ภายนอกเป็นประมาณไม่ได้เลย
ดังนั้น จิต จึงมีความสำคัญมาก ขึ้นอยู่กับว่า จะเป็นจิตที่ดี หรือ ไม่ดี เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคลจริงๆ ไม่เหมือนกันเลย ซึ่งจะเห็นได้ว่า การที่บุคคลทำกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรือ อกุศล ก็สำเร็จแล้วด้วยจิต ทั้งนั้น กล่าวคือ เมื่อจิตดี (เป็นกุศล) ก็สำเร็จเป็นกรรมดี ทำในสิ่งที่ดีงาม และเมื่อกรรมดีให้ผล ก็ให้ผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตไม่ดี (เป็นอกุศล) ก็สำเร็จเป็นกรรมไม่ดีและให้ผลเป็นทุกข์ นำมาซึ่งความเดือดร้อนนานาประการ และผลดังกล่าวก็ย่อมเกิดกับตนเองเท่านั้น ในเมื่อเป็นกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้ ก็ตนเองนั่นแหละที่จะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ คนที่สวยในโลกมนุษย์ ถ้าไปเทียบกับเทพธิดาในสวรรค์ก็เปรียบเหมือนลิงหางด้วน แต่แม้ความสวยของมนุษย์ หรือ เทพธิดา ก็ไม่เที่ยง มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ผู้มีปัญญาย่อมไม่ยึดถือความสวยงาม ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
มีหลายคนที่หน้าตาดี ถ้ามาจากผลที่เคยเป็นผู้มักไม่โกรธ แต่ชาติปัจจุบันเป็นผู้มักโกรธ แสดงว่าแต่ละชาติ หากยังมีกิเลสอยู่มาก โอกาสจะไปเป็นผู้หน้าตาไม่ดีในอนาคตก็ยังมี เตือนให้ระวังว่ากุศลบางอย่างแค่เพียงได้ผลที่มีรูปงาม ผลที่มีสมบัติมาก ไม่พอ หากปัญญายังไม่เจริญพอที่จะละเว้นอกุศลไปทีละเล็กละน้อย เห็นอย่างนี้แล้วก็เตือนตนเองได้ แม้ผู้มีหน้าตาไม่ดี ก็ไม่ต่องไปปรารถนาแค่เพียงอย่างนั้น ปรารถนาที่จะได้ฟังพระธรรมดีกว่า ปลอดภัยดี ผมว่า
คนเกิดมารูปร่างหน้าตาดี แต่ไม่เข้าใจธรรม ก็ยังไม่ปลอดภัยนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเข้าใจธรรม เช่น ท่านสุปปพุทธะ เป็นต้น
และอะไรจะเป็นเครื่องชี้วัด ความสวยงามที่แท้จริง วันนี้สวยงาม แล้วตายไปก็ไม่ทราบว่ากรรมใดจะให้ผล ไม่ทราบด้วยว่าจะไปที่ไหน และจะให้ผลเมื่อไรก็ไม่ทราบได้ และการเป็นผู้เจริญกุศลเพื่อหวังความสวยงาม หวังในกาม ก็อาจจะได้ผลตามนั้นก็จริง แต่แล้วผลกุศลนั้นว่างเปล่าหรือไม่ คือ มีแล้วก็ไม่เหลือ ก็ต้องจากไป ต้องตายไป แต่ในขณะที่ท่านสุปปพุทธะ ได้รับความปลอดภัย เมื่อเข้าใจธรรม แม้ไม่ต้องสวยงามในชาตินั้น