แว่วเสียงธรรมที่ริมแม่น้ำแคว ไทรโยค กาญจนบุรี
เพราะยังมีความไม่รู้และความติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตัณหา ความติดข้องจึงร้อยรัดเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคตไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่นทุกขณะ เป็นเรื่องราวที่จดจำมาเล่าในขณะนี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ได้ไปร่วมสนทนาธรรม ในงานแสดงกัลยาณจิตกับคุณพี่สุจิตต์ อึ้งภากรณ์ ที่มีอายุครบ ๗ รอบ (๘๔ ปี ที่ไม่น่าเชื่อ รู้แล้วว่า วัยงามเป็นอย่างนี้เอง) ต้องขอขอบคุณและอนุโมทนา คุณแก้วตา อเนกพุฒิ ที่ให้ทุกอย่าง ทั้งยานพาหนะที่แสนสะดวก ที่พักที่สบายพร้อมกับ วิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำแควที่สวยงาม อาหารที่แสนอร่อยทุกมื้อ ธรรมบันเทิงในรูปแบต่างๆ และ ที่สำคัญที่สุดคือ ให้ธรรมเป็นทาน โดยจัดให้มีการสนทนาธรรมตลอดรายการ โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นผู้นำการสนทนา ก่อนกลับได้ไปขอบคุณและอนุโมทนาที่ทำสิ่งที่ทำได้ยาก เธอบอกว่า ทำไม่ยากหรอก ใครๆ ก็ทำได้ ถ้ามีศรัทธา แต่ คิดว่า คงมีแต่ศรัทธาไม่ได้ ต้องมีทุนทรัพย์พร้อมด้วย จึงขอมีส่วนร่วมในกุศลครั้งนี้ด้วย การอนุโมทนาเช่นเคยค่ะ
กลับจากเมืองกาญจน์ ตื่นขึ้นมาตอนเช้า คิดถึงเสียงเพลง “แว่วเสียงธรรม” ที่คุณโจ จรัญ ปานุราช ขับร้อง โดยมีภรรยาคู่บุญ คุณสายฝน ปานุราช แต่งเนื้อร้อง ซึ่งแต่งได้ไพเราะและลึกซึ้งมาก จนมีธรรมเป็นอารมณ์ไม่ได้เลย นอกจากมีเสียงเพลงเป็นอารมณ์
ขออนุญาตนำเนื้อร้องที่คุณฝน บรรจงแต่งมาเผยแพร่นะคะ ส่วนเพลง คุณโจ คงจะขึ้นเว็บของชมรมบ้านธัมมะ ให้ผู้สนใจ download ต่อไป
แว่วเสียงธรรม
แว่วเสียงแห่งธรรม ที่ท่านกล่าวมา เป็นอารมณ์ เกิดความรื่นรมย์ สั่งสมอยู่ในใจตน หยาดย้อยจากปราง สวรรค์เบื้องบน สู่กลางแผ่นดินในฐานถิ่นคน เหมือนดังหยาดฝนฉ่ำใจ
พระธรรมช่วยคลาย ความเห็นผิดมี มาเดิม ไตร่ตรองไม่เผิน ความทุกข์ที่มี คลายไป หล่อเลี้ยงจิตใจ ฉ่ำชื่นหทัย ผู้เคยหลับใหล พลันฟื้นตื่นใจ งดงามสดใส จริงเอย
พอแสงทองอาทิตย์ทาบทา มาสนทนาธรรมะเถิดเอย ฟังพระธรรมทุกครั้งอย่างเคย ไม่ควรลืมเลย ละเลย ลอยวน
แว่วเสียงแห่งธรรมที่ท่านกล่าวมาเป็นอารมณ์ ฝากมากับลมเหมือนฝนพร่างพรมใจคน กุศลเกิดมาพาชื่นกมล จิตที่สั่งสม ธรรมะแยบยล น้อมนำส่งผลต่อไป
เห็นความไม่รู้ในสภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้วว่า ไม่มีสักขณะเดียวที่จะรู้ว่า เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ปรากฏแล้วก็ดับไปทันที ไม่กลับมาเกิดซ้ำอีกด้วย ก็เกิดนึกกลัวภัยของความไม่รู้ ที่นับวันจะมากขึ้น คิดว่าฟังพอเข้าใจบ้าง แต่ก็ยังเป็นเพียงความเข้าใจเรื่องราว ที่ว่ากลัวๆ ก็กลัวแต่ปากเท่านั้นเอง ไม่กลัวจริง ไม่เห็นภัย ที่เกิดจากความไม่รู้ทุกขณะจริงๆ และ ยังอยู่ในมหาสมุทรของความไม่รู้จริงๆ ปัญญาที่ว่ามีกำลังแต่ก็เกิดเพียงเล็กน้อย ยังไม่พอที่จะทำกิจให้อวิชชากระทบกระเทือนได้เลย แม้แต่นิดเดียว
ชาตินี้ ด้วยเหตุปัจจัยทำให้ได้รู้ถึง "ความไม่รู้" ซึ่งเหมือนอยู่ในมหาสมุทรของความไม่รู้ซึ่งน่ากลัวจริงๆ ใช่ว่าทุกคนจะได้รับรู้สิ่งนี้ ฉะนั้น จงเจริญเหตุ สั่งสมอบรมไปเรื่อยๆ เถิด สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอกราบนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่มีโอกาสได้ร่วมเดินทางไปสนทนาธรรมในครั้งนี้ ยิ่งเมื่อได้อ่านบทความของคุณแม่แดง ที่กรุณาเล่าถึงกุศลจิตของแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็นการให้ตามกำลังทรัพย์ กำลังศรัทธาหรือร่วมช่วยเหลืองานใดก็ตาม ทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นไปในทางกุศลทั้งสิ้น
การสละทรัพย์และเวลาได้ด้วยความศรัทธานั้น คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านอาจารย์สุจินต์ ที่ท่านโปรดเมตตาชี้ทางสว่างในทางที่มืดให้ได้เข้าใจว่า การละความติดข้องใดบ้างนำมาซึ่งปัญญา ถึงสังสารวัฏฏ์นี้จะยาวไกล ปัญญายังน้อย ความไม่รู้และความติดข้องต้องการก็ยังมีมาก แต่อย่างน้อยการฟังธรรมจากท่านอาจารย์และค่อยๆ พิจารณาสภาพธรรมบ่อยๆ ตามกำลังสติปัญญาที่มีอยู่ เพื่อเป็นปัจจัยให้สติได้ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
ขอกราบอนุโมทนาค่ะ
"... ค่อยๆ พ้นไปทีละเล็ก ทีละน้อย จากสิ่งที่เคยถูกผูกเอาไว้ มากมาย ..."
(แว่วเสียงธรรม ริมฝั่งแม่น้ำแคว กาญจนบุรี ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕)
กราบท่านอาจารย์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงด้วยครับ
ได้มีโอกาสไปในครั้งนี้ด้วย ... ซาบซึ้งเป็นพิเศษกับพระธรรมที่ท่านอาจารย์และวิทยากรบรรยาย ... ได้รับความสะดวกสบายทุกประการทั้งอาหารและที่พัก ... และประทับใจในกุศลเจตนาที่แสดงออกในงานครบรอบ ๘๔ ปี คุณป้าจี๊ด โดยเฉพาะการแสดงของนักแสดงที่เดาไม่ถูกและไม่คิดว่าจะมีโอกาสที่จะเห็นมุมหนึ่งในชีวิตของท่านเจ้าภาพซึ่งแสดงออกด้วยศรัทธา ความเคารพรักทั้งกายและใจ ...
ขอกราบขอบคุณ ... และอนุโมทนาพี่แก้วตาและทีมงานทุกคนค่ะ