คำกล่าวของท่านพระอัสสชิต่อท่านพระสารีบุตรเมื่อก่อนตรัสรู้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านพระอัสสชิเถระ ท่านเป็นพระอรหันต์ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ซึ่งท่านพระสารีบุตร ก่อนแต่บรรลุธรรม ท่านมีชื่อเดิมว่า อุปติสสะ และมีเพื่อนชื่อ โกลิตะ (พระมหาโมคคัลลานะ) ท่านทั้งสอง เมื่อยังไม่ได้บรรลุธรรม ทั้งคู่ก็ออกบวช แสวงหาหนทางบรรลุธรรม ท่านทั้งสองก็บวชในสำนักอาจารย์สญชัย ไม่ได้สาระจากสำนักนั้น ต่างก็เที่ยวกันไปแสวงหาหนทางบรรลุ และสัญญากันว่า ใครได้บรรลุธรรมก่อน คนนั้นจะต้องบอกกัน วันหนึ่งท่านอุปติสสะ (พระสารีบุตร) ได้พบท่านพระอัสสชิ ซึ่งในสมัยนั้น มีพระอรหันต์ ๖๑ รูป ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปให้ประกาศพระศาสนา ท่านอุปติสสะ เห็นอาการของพระอัสสชิแล้ว เกิดความเลื่อมใสอย่างมาก ด้วยคิดว่า คงเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งเป็นแน่ จึงคิดที่จะถามธรรม และถามว่า ท่านบวชอุทิศใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน แต่ในเวลานั้นเป็นเวลาที่ท่านพระอัสสชิ บิณฑบาตอยู่ ท่านอุปติสสะ จึงรอเวลาให้สมควร เมื่อท่านพระอัสสชิ ฉันเรียบร้อยแล้ว ท่านอุปติสสะ จึงเข้าไปถาม สนทนาด้วยคำที่เหมาะสมว่า ผิวพรรณ ร่างกายของท่านผ่องใสยิ่งนัก ท่านบวชอุทิศใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน และท่านชอบใจธรรมของใคร พระอัสสชิ แสดงความถ่อมตน ด้วยกล่าวว่า ท่านเป็นผู้บวชใหม่ไม่นาน เพิ่งเข้ามาสู่ธรรมวินัยนี้ เราจะแสดงธรรมโดยพิสดาร คือ โดยละเอียดให้ท่านฟัง ท่านอุปติสสะ (พระสารีบุตร) ได้กล่าวตอบว่า ขอพระผู้เป็นเจ้าจงกล่าวเถิด จะน้อยจะมาก ข้าพเจ้าจะสามารถรับและเข้าใจได้เอง ดังนี้แล้วเรียนว่า " จะมากหรือน้อยก็ตาม ขอพระผู้เป็นเจ้า จงกล่าวเถิด, จงบอกแก่ข้าพเจ้าแต่ใจความเท่านั้น, ข้าพเจ้าต้องการใจความ จะต้องทำพยัญชนะให้มากไปทำไม."
ท่านพระอัสสชิ จึงได้กล่าวบทธรรมให้ท่านอุปติสสะ (พระสารีบุตร) ฟังดังนี้ที่ว่าธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรมเหล่านี้ พระมหาสมณะทรงสั่งสอนอย่างนี้. เมื่อกล่าวจบ ท่านพระสารีบุตร บรรลุเป็นพระโสดาบัน ครับ
ซึ่งจากเรื่องที่พระอัสสชิกล่าวธรรมให้ท่านพระสารีบุตรฟังนั้น มีอยู่ในพระไตรปิฎกลิงก์นี้ครับ
[เล่มที่ 6] พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 123
พระไตรปิฎก ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม ๖
[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 126
พระไตรปิฎก ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม ๔๐
ในคาถาธรรมบท ชื่อ สูตรว่า เรื่อง สญชัย
[เล่มที่ 53] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 258
พระไตรปิฎก ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม ๕๓
ในสูตรที่ว่า สารีปุตตเถรคาถา
[เล่มที่ 70] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ - หน้าที่ 414
พระไตรปิฎก ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม ๗๐
ในเรื่อง สารีปุตตเถราปทาน
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เป็นสาวก ล้วนเป็นผู้ที่ฟังพระธรรม ทั้งนั้น จะขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลยทีเดียว ตัวอย่างของท่านพระสารีบุตรผู้เป็นพระอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา ชัดเจนมาก ถึงแม้ว่าท่านจะได้สะสมบารมีมาเพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอัครสาวก ก็ยังต้องฟังพระธรรม ถ้อยคำที่ไพเราะมากอันแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใคร่ในการที่จะได้ฟังพระธรรมอันเป็นข้อความที่แสดงถึงสิ่งที่มีจริง ที่ท่านพระสารีบุตร (เมื่อครั้งเป็นอุปติสสะปริพาชก) กราบเรียนต่อท่านพระอัสสชิ ว่า "จะมากหรือน้อยก็ตาม ขอพระผู้เป็นเจ้า จงกล่าวเถิด" แสดงว่า คำจริง ที่แสดงถึงสิ่งที่มีจริงนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกทั้งนั้น สำหรับผู้ที่มีความจริงใจ ตั้งใจที่จะฟังเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ และในที่สุดท่านพระอัสสชิ ก็ได้กล่าวธรรมให้ท่านฟัง เป็นคาถา ๑ คาถา อันแสดงถึงธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ทำให้ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระโสดาบัน การได้ฟังพระธรรม ได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกนั้น เป็นโอกาสที่มีค่าที่สุดในชีวิตจริงๆ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ