พาสุนัขทำบุญ หวังให้มันหายป่วย?

 
dets25226
วันที่  14 เม.ย. 2555
หมายเลข  20962
อ่าน  2,821

วันนี้ผมมีเรื่องเล่าครับ ...

มีอุบาสิกาท่านหนึ่ง เกิดกรุณาในลูกสุนัขตัวหนึ่ง ที่ทั้งป่วยหนักและตาบอด เธอได้แต่ดูแลเท่านั้น ไม่อาจรักษาให้หายได้ จึงได้พาสุนัขตัวนั้นมาใส่บาตรทำบุญ หวังสุนัขให้หายป่วย เธอหมดทางออกจริงๆ เฝ้าแต่อ้อนวอนขอในสิ่งที่ยากเกินปรารถนา พอได้ยินเรื่องราวนี้ ผมก็รู้สึกสงสารทั้งคนและสัตว์นั้น มิทราบว่าทางออกที่ถูกต้องแท้จริง ต้องเป็นอย่างไร ปัญญาในเรื่องนี้ ควรมีอย่างไร หลักพรหมวิหารควรใช้ในทิศทางใด

ส่วนตัวผมคิดว่า เราแม้ได้ศึกษาอยู่ แต่ก็ไม่อาจเข้าใจถึงแก่นแท้ของธรรมะนั้นได้ แม้เห็นศัพท์ รู้ความหมายอย่างไรก็ตาม ...

หมายเหตุ.- เป็นเรื่องจริง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม คือ มีกรรมเป็นกำเนิด เป็นเผ่าพันธ์ุ ทำกรรมใดไว้ ก็ต้องได้รับผลตามนั้น ไม่มีใครทำอะไรให้เลย แม้แต่สุนัข ก็มีกรรมเป็นของๆ ตน ที่จะได้รับความทุกข์ ความป่วยทางร่างกาย การวางเฉยด้วยปัญญา คือ เข้าใจความจริงว่า สัตว์ก็มีกรรมที่จะต้องเป็นอย่างนั้น แต่การวางเฉยที่เป็นอุเบกขาพรหมวิหาร ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ช่วย แต่ช่วยจนเต็มกำลังความสามารถแล้ว จึงวางเฉยด้วยปัญญาว่า สัตว์มีกรรมที่จะต้องเป็นไปอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะช่วยได้มากกว่านี้ ครับ

การดูแลสุนัข ด้วยจิตที่เป็กุศล ที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ก็ควรกระทำ เพราะเป็นกุศล เพราะหากเป็นกุศลจริงๆ แล้ว จะไม่จำกัดความช่วยเหลือ และไม่เลือกที่จะช่วยเหลือ ผู้มีปัญญาและเห็นประโยชน์ในกุศลธรรมและมีเมตตา กรุณาต่อสรรพสัตว์ ย่อมช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ แม้แต่กับสัตว์เดรัจฉานก็ตาม ครับ ทำเพราะว่าควรช่วย เพราะสัตว์นั้นเดือดร้อนอยู่ในขณะนั้น แต่เราก็ต้องเป็นผู้ตรงว่า กุศลจิตและอกุศลจิตก็เกิดดับ สลับกันอย่างรวดเร็ว ช่วยด้วยกุศลในขณะหนึ่ง แต่ขณะที่อยาก หวังให้หาย หรือ เศร้าใจด้วยอกุศล ที่ไม่ใช่กรุณา ก็เป็นอกุศลแล้ว เป็นคนละขณะกับ กุศล

ดังนั้น ก็เป็นธรรมดาว่า เมื่อหวังอยากจะให้หาย โดยลืมความเป็นธรรมดาของสภาพธรรมว่าเป็นอนัตตา ก็พยายามทำทุกวิถีทางที่อยากจะให้สัตว์นั้นหาย ให้ทำบุญตักบาตรเพื่อให้สุนัขหายป่วย ซึ่งในความเป็นจริง การทำกุศล ไม่ใช่เพื่อได้ มีการให้หายป่วย แต่เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น และเป็นคุณความดีที่ควรกระทำ จึงเจริญกุศล จึงเป็นธรรมดาที่อกุศล มีโลภะเป็นต้น ที่เกิดขึ้น อยากให้หาย จึงทำให้ลืมเข้าใจเหตุผลในทางพระธรรม และไม่ได้อบรมปัญญามา ก็ทำให้เข้าใจผิด คิดหาทางรักษาโดยไม่ถูกวิธี ครับ

ผู้ที่พาไปทำบุญ หวังให้สัตว์หาย ก็เพราะไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้อบรมปัญญา ทำให้ไม่ได้คิดพิจารณาใน พรหมวิหาร ๔ ที่เป็นอุเบกขาพรหมวิหาร สิ่งที่เราพอจะช่วยได้ ก็เพียงอธิบายให้เข้าใจในเรื่องกรรมของสัตว์ และ การเจริญกุศล ไม่ใช่เพื่อหวัง และจะทำให้หายโรค ซึ่งการกล่าวให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว เพียงพอ คือ ได้ทำหน้าที่ที่เป็นมิตรที่ดี และก็จบแค่นั้น เพราะทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย ว่าจะเชื่อหรือ ไม่เชื่อ จะทำหรือไม่ทำ ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ครับ

แต่ที่สำคัญ เรื่องของผู้หญิงคนนั้น ก็เป็นของคนนั้น สำคัญที่จิตของเรา ว่าเป็นอย่างไร หรือ หวั่นไหวไปแล้วที่เป็นอกุศล มี โทสะ ความเศร้าใจ ที่ไม่ใช่ความกรุณา ดังนั้น สำคัญที่ใจเราที่จะพิจารณาพระธรรมให้ถูกต้องว่า แม้แต่ผู้หญิงและสัตว์ก็มีกรรมเป็นของๆ ตน และสัตว์โลกก็สะสมอุปนิสัย ความเข้าใจมาต่างๆ กัน จึงเป็นไปตามเหตุปัจจัย ให้เห็นถึง ความแตกต่างของพฤติกรรมไปต่างๆ กัน อย่างวิจิตร จึงไม่มีใคร มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้น จึงทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วที่จิตใจของตนเองเป็นสำคัญ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
dets25226
วันที่ 14 เม.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ที่กรุณาชี้แจงให้เข้าใจถึงเหตุใกล้และเหตุไกลของกรุณาได้แจ่มชัดขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kinder
วันที่ 14 เม.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 14 เม.ย. 2555

เปลี่ยนจากพาสุนัขไปใส่บาตรเป็นเปิดธรรมให้สุนัขฟังดีกว่า เพราะสุนัขยังมีโอกาสเกิดกุศลจิตได้ และ ถ้าตายในขณะนั้นก็อาจจะไปเกิดในสุคติภูมิได้

ในพระไตรปิฎกก็มีแสดงไว้ เช่น ค้างคาว ๕๐๐ ตัว ถือนิมิตในเสียงธรรมะที่ภิกษุแสดง ค้างคาวตายไปเกิดในสรรค์ ภายหลังกลับมาเกิดเป็นมนุษย์และบวช ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 14 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 14 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เราไม่สามารถทราบถึงการสะสมมาของแต่ละบุคคลได้ รวมถึงสัตว์ดิรัจฉานด้วย แต่ละชีวิตก็เป็นไป ดำเนินไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ จะประสบกับความสุข ความทุกข์ เกิดกุศลจิต เกิดอกุศลจิต ล้วนเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น, เมื่อได้เกิดมาแล้ว เดินทางร่วมกันในสังสารวัฏฏ์ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ย่อมเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ ได้รับความลำบากแล้วมีการช่วยเหลือ ขณะนั้นเป็นกุศลจิต แต่ความรู้สึกเศร้าใจ หดหู่ใจ เมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ อย่างนี้ไม่ใช่กุศล แต่เป็นอกุศล เป็นโทสะ เป็นความไม่สบายใจ, เมื่อเห็นสัตว์อื่นมีความทุกข์ ถ้าจิตใจของเราเกิดความเศร้าหมอง โศกเศร้า ขณะนั้นย่อมเป็นอกุศล ซึ่งมีลักษณะที่ต่างจากความใคร่จะช่วยเหลือให้เขาพ้นจากทุกข์ประการนั้นๆ อย่างสิ้นเชิง ธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้นจริงๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นไปได้

และประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ ในชีวิตประจำวัน ไม่ค่อยจะได้พบเห็นสัตว์ที่ประสบทุกข์บ่อยนัก จึงเป็นโอกาสของการอบรมเจริญเมตตา คือ ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน มีไมตรีจิตที่ดีต่อกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน ไม่หวังร้ายต่อกัน ซึ่งเป็นกุศลธรรมที่ควรอบรมเจริญให้มีขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ