สอบถามชื่อพระสูตร
มีคนอ้างพระสูตรหนึ่งว่า กาลามสูตร แต่จริงๆ ไม่ใช่ จึงขอความกรุณาผู้รู้ว่า ชื่อพระสูตรอะไร
นิกายไหน ผมใคร่ที่จะอ่านโดยตลอด
ท่านสุปปพุทธ เป็นโรคเรื้อนจึงชื่อว่าหลับๆ ตื่นๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าแสดงอดีตกรรม ตอนเป็นพระราชา อยู่ในสูตรไหนครับ ผมไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งท่านว่าเป็นเศรษฐี ที่หมิ่นพระปัจเจกพุทธ ไม่ทราบว่าผมจำผิดหรือเปล่า
ขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัจจุบันก็คงรู้จักพระสูตรนี้กันดี สำหรับผู้ศึกษาธรรม คือ กาลามสูตร อันแสดงถึงเรื่อง การอย่าถือเอา เชื่อทันที ๑๐ ประการ เช่น ท่านอย่าถือเอาโดยฟังตามกันมาเป็นต้น ซึ่งคำว่า กาลาม เป็นชื่อของหมู่ชนที่เป็นโคตร คือ หมู่ชนชาวกาลามโคตร บางครั้งจะใช้ชื่อสูตรว่า เกสสปุตรสูตร แต่อย่างไรก็ตามในพระบาลีไม่ได้แสดงชื่อสูตรว่าอะไรเลยครับ เพียงแต่แสดงเป็นข้อเท่านั้น ซึ่ง กาลามสูตร หรือ เกสสปุตตสูตร อยู่ในอังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๓๔ ฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย ครับ
เชิญคลิกอ่านเนื้อหาทั้งหมด ได้ที่นี่ลิงก์นี้ครับ
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 337
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
มิให้เชื่อโดยอาการ ๑๐ อย่าง [เกสปุตตสูตร - กาลามสูตร]
อาการสิบอย่างที่ไม่ควรถือ [กาลามสูตร]
ดังนั้น ไม่ได้สำคัญที่ หัวข้อพระสูตรมีหรือไม่มี หรือ แตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญ คือเนื้อหาสาระของพระสูตรนั้น ที่เป็นประโยชน์และจะทำให้ผู้อ่าน ศึกษาได้เข้าใจ อันเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลและปัญญา เป็นสาระสำคัญกว่า ครับ
และจากคำถามที่ว่า
ท่านสุปปพุทธ เป็นโรคเรื้อนจึงชื่อว่าหลับๆ ตื่นๆ ซึ่งพระพุทธเจ้าแสดงอดีตกรรม ตอนเป็นพระราชา อยู่ในสูตรไหนครับ ผมไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านว่าเป็นเศรษฐี ที่หมิ่นพระปัจเจกพุทธ ไม่ทราบว่าผมจำผิดหรือเปล่า
- คือ มีแสดงไว้ ๒ สูตร ทั้งที่เป็น บุตรเศรษฐีก็มี และ ที่เป็นพระราชาก็มี ครับ
สำหรับ อดีตกรรมที่เป็นพระราชาไปดูหมิ่น และถ่มน้ำลายพระปัจเจกพุทธเจ้า อยู่ในสูตรชื่อ ทฬิททสูตร ใน สคาถวรรค ครับ
เชิญคลิกอ่านเนื้อหาได้ที่นี่ครับ
เรื่องนายสุปปพุทธะได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
สำหรับอดีตกรรม ของ สุปปพุทธกุฏิสูตร ที่เป็นบุตรเศรษฐี ไปดูหมิ่น พระปัจเจกพุทธเจ้า อยู่ในสูตรชื่อ สุปปพุทธกุฏิสูตร ในอุทาน
เชิญคลิกอ่านเนื้อหาได้ที่นี่ครับ
ดังนั้น แม้อาจจะต่างกันในเนื้อหา รายละเอียดเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแต่ ประโยชน์สาระ คือ เนื้อหาที่แสดงสภาพธรรมตามความเป็นจริง ถึงกุศล อกุศล แสดงถึงเรื่องของโทษของกิเลส โทษของบาป และ คุณประโยชน์ของกุศลธรรม ซึ่งท่านสุปปพุทธเป็นโรคเรื้อน ก็เพราะผลของกรรมที่ไม่ดี มีการทำอกุศลกรรมต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อได้อ่านก็ควรน้อมมาพิจารณาในตน ว่า อกุศลมีโทษ นำมาซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ควรละอกุศล ด้วยการฟังพระธรรม อบรมปัญญา เพราะไม่มีปัญญาและมีความไม่รู้และกิเลสที่สะสมมามาก จึงเป็นปัจจัยให้มีการทำอกุศลกรรม นี่คือประโยชน์จากการเห็นวิบากกรรมที่ไม่ดีของผู้อื่น คือเห็นโทษของกิเลสและอบรมปัญญา ครับ และ แม้ท่านสุปปพุทธ จะมีร่างกายที่เป็นโรคเรื้อน ทรมานต่างๆ อย่างไรก็ตาม วิบากกรรมไม่สามารถห้ามได้ แต่ท่านก็สะสมกุศลธรรมฝ่ายดี มีปัญญา เป็นต้นมาด้วย เพราะเมื่อท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน นี่แสดงถึง ฝ่ายอกุศลและกุศล ต่างสะสมแยกกัน แม้สะสมอกุศลมามาก และ แม้จะมีร่างกายที่ไม่ดี แต่จิตใจที่ดี ได้สะสมมาแล้ว คือ สะสมปัญญามา เมื่อปัญญาถึงพร้อม ไม่ว่าจะเกิดเป็นมนุษย์ที่ยากจน เจ็บป่วยเพียงไร ก็สามารถบรรลุได้ อันแสดงถึงพระคุณของพระธรรม ที่สามารถทำให้สัตว์โลกพ้นจากทุกข์ทางใจได้ เพราะ ทุกข์กาย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย และผู้ที่ป่วยเป็นโรคกาย ก็เป็นธรรมดา แต่โรคใจ คือ กิเลส อันนำมาซึ่งการเกิดและโรคทางกายเพราะมีการเกิด จะหายจากโรคใจได้ก็เพราะการอบรมปัญญามา เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ จึงเห็นประโยชน์ของการเจริญกุศล อบรมปัญญา เพราะไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดเป็นอะไร จะมีชีวิตอีกนานเท่าไหร่ แต่หากได้สะสมสิ่งที่ดี มีปัญญา เป็นต้นมาแล้ว สิ่งที่ดี มีปัญญา ไม่ได้หายไปไหน สะสมต่อไปในภพชาติข้างหน้า เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็สามารถบรรลุธรรมได้ ครับ
อกุศลมีโทษ ควรละ แต่จะละได้ ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นปัญญาทำหน้าที่ละ และปัญญาจะเกิดขึ้นเองไม่ได้เลย นอกเสียจากการศึกษา ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ นี่คือ ประโยชน์จากการอ่านพระสูตร พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าในสูตรใด คือ เพื่อเห็นประโยชน์ของกุศล เจริญขึ้นในกุศลและปัญญา ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพรภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อกุศลธรรมทั้งหลายนำมาซึ่งโทษ นำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อน ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์เลยแม้แต่น้อย อกุศลอย่างหยาบก็เป็นเหตุให้ทำทุจริตประการต่างๆ เบียดเบียนผู้อื่น และเจตนาที่เบียดเบียนคนอื่นนั้น ก็เบียดเบียนตนเอง เพราะในเมื่อเป็นอกุศลกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้แล้ว ผลที่ไม่ดีก็ย่อมเกิดขึ้นตามสมควรแก่เหตุ และในขณะที่กระทำอกุศลกรรมนั้น เป็นไปด้วยอกุศล ไม่มีปัญญาที่เห็นโทษของอกุศลในขณะนั้น เป็นการสร้างเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเอง แม้แต่ในอดีตชาติของท่านสุปปพุทธกุฏฐิก็เช่นเดียวกัน กระทำเหตุที่ไม่ดี จึงทำให้ท่านได้รับผลที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ และผลที่เกิดขึ้นก็เกิดโดยไม่ผิดตัวด้วย เพราะเป็นตัวท่านเองที่กระทำไว้ ผลก็ย่อมเกิดกับตัวท่านเอง แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลของธรรม แต่ในส่วนของการสะสมเหตุที่ดี มีปัญญาเป็นต้น ไม่สูญหายไปไหน เป็นคนละส่วนกันกับอกุศล จึงทำให้ท่านได้ฟังพระธรรมที่พระอรัหนตสัมมสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ได้รับประโยชน์จากพระธรรม สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน ได้ประโยชน์ของผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งเมื่อศึกษาแล้ว ไม่ว่าจะจากส่วนใดของพระธรรมคำสอน ก็เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ก็จะรู้ว่าตนเองมีอกุศลมากแค่ไหน ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ และจะเห็นโทษภัยของอกุศล แล้วเริ่มที่จะขัดเกลากิเลสของตนเอง จึงควรอย่างยิ่งที่จะฟัง ที่จะศึกษาในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ไปตามลำดับตามกำลังปัญญาของตนเองจริงๆ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ท่านสุปปพุทธ เป็นโรคเรื้อน แต่ท่านเป็นพระโสดาบัน และมีความมั่นคงในพระรัตนตรัย ท้าวสักกะเคยมาลองใจ ให้ท่านสุปปพุทธ กล่าวคำว่า พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ ท้าวสักกะจะให้ทรัพย์มากมาย แต่ท่านสุปปพุทธไม่รับ ไม่กล่าว แล้วก็ไล่ท้าวสักกะไป ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่ไ้ด้สำคัญที่ หัวข้อพระสูตรมีหรือไม่มี หรือ แตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญ คือ เนื้อหาสาระของพระสูตรนั้น ที่เป็นประโยชน์และจะทำให้ผู้อ่าน ศึกษาได้เข้าใจ อันเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลและปัญญา เป็นสาระสำคัญกว่า ครับ
ประโยชน์ของผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งเมื่อศึกษาแล้ว ไม่ว่าจะจากส่วนใดของพระธรรมคำสอน ก็เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกท่านครับ