ชอบซื้อเครื่องเรือนทำจากไม้ใหญ่ แต่ ปากว่าช่วยกันรักษาป่า อกุศลต่างกันหรือไม่กับการทำลายป่า

 
homenumber5
วันที่  27 เม.ย. 2555
หมายเลข  21030
อ่าน  1,075

เรียนท่านวิทยากรและท่านพุทธศาสนิกชน ดิฉันมีข้อสงสัยในการรักษาธรรม ในชีวิตประจำวันดังนี้ ขอกราบขอความเห็นประเด็นธรรมด้วยเพื่อช่วยให้ทำชีวิตประจำวันให้มีอกุศลน้อยลง

๑. ฟังการประชาสัมพันธ์เรื่องการหยุดทำลายป่าและธรรมชาติ แล้วการซื้อเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ใหญ่ๆ ไม่ว่าจากไทย เทศ นี้ในเชิงธรรม มีอกุศลแตกต่างกันอย่างไร

๒. คนที่มีเงินมากสะสมบ้าน คอนโด ให้เช่าบ้าง ทิ้งให้ว่างรกร้างบ้าง สองกลุ่มนี้เข้าข่ายอกุศลหรือไม่ อย่างไร แท้จริง ชาวพุทธที่ไม่ปรารถนาอกุศล มีเงินมากควรทำอย่างไรดี เดี๋ยวนี้คนตื่นกระแส พากันซื้อบ้าน คอนโดมากมาย แต่ไม่ใช้อยู่เอง ไม่ให้เช่า เอาไว้เก็งกำไร พวกนี้มีอกุศลอย่างไรหรือไม่

๓. พ่วงเรื่องสัตว์เลี้ยงนิดนึง การที่ชาวพุทธเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เข้าข่ายอกุศลไหม แล้วถ้าไม่ ควรเลี้ยงอย่างไร การกักขังไว้ในบ้าน น่าจะอกุศลใช่ไหมคะ

แล้วพระภิกษุเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ไหมคะ ตามความเห็นเมื่ออ่านพระภิกขุปาฏิโมกข์ ดิฉันคิดว่า พระภิกษุไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเลย คนที่นำสุนัข แมวไปให้ท่านเลี้ยงก็บาปด้วย ส่วนคนทั่วไปเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเท่าที่จำเป็นในการใช้งานอย่างมีเมตตากรุณาก็พอ อย่าไปเลี้ยงเพื่อความสุขทางใจเลย ไปทำบุญรักษาศีล จะได้ความสุขและบุญมากกว่าดีไหมคะ

ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 28 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ฟังการประชาสัมพันธ์เรื่องการหยุดทำลายป่าและรรมชาติ แล้วการซื้อเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ใหญ่ๆ ไม่ว่าจากไทย เทศ นี้ในเชิงธรรม มีอกุสลแตกต่างกันอย่างไร


- ในความเป็นจริง เมื่อยังเป็นปุถุชน ก็มีอกุศลเกิดได้บ่อยเป็นธรรมดา แต่อกุศลก็มีหลายระดับ ทั้งที่เป็นเพียงอกุศลจิตที่ไม่ได้ล่วงทุจริตทางกาย วาจา และ อกุศลกรรมที่เป็นอกุศลที่มีกำลัง ล่วงออกมาทางกาย วาจา และสามารถทำให้เกิดในนรกได้ แต่ในเมื่อยังเป็นปุถุชนแล้ว อกุศลจิตก็เกิดได้บ่อย เกือบจะตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ในขณะที่ซื้อของ ไม่ว่าจะซื้อ เครื่องเรือนที่เป็นไม้ หรือ ซื้ออาหาร ต่างก็เป็นอกุศลจิตทั้งนั้น ไม่ต่างกันเลย และทั้งสองก็ไม่ได้เป็นอกุศลกรรมที่มีกำลัง ที่เป็นการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดหยาบ ที่เป็นอกุศลกรรมทบถ ๑๐ เลย ครับ เพียงแต่เป็น อกุศลจิตที่ล่วงออกมาทางกาย วาจา แต่ไม่เป็นอกุศลกรรม จึงไม่เป็นอกุศลที่มีกำลัง ที่จะทำให้เกิดในอบาย แต่เป็นอกุศล ที่เป็น โลภะโดยทั่วไปที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งการซื้อเครื่องเรือนที่เป็นไม้ ไม่ได้หมายความว่า สนับสนุนการตัดไม้ เพราะเจตนาซื้อ ไม่ใช่เจตนาสนับสนุน ครับ ดังเช่น การทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ไม่ได้หมายความว่า เมื่อซื้ออาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ จะมีเจตนาฆ่า มีเจตนาสนับสนุนการฆ่าสัตว์ ดังนั้น การพิจารณาจะต้องพิจารณาเป็นแต่ละขณะจิต ว่าเป็นเจตนาอะไร เจตนาเพียงซื้อ ไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนการตัดไม้ ครับ

และขณะที่ซื้อก็เป็นอกุศลจิต ที่ล่วงออกมาทางกาย วาจา แต่ไม่ได้เบียดเบียนผู้อื่น และไม่เป็นทุจริตกรรมที่เป็นอกุศลรรมบถ ๑๐ ข้อ มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์เลย ครับ จึงเป็นธรรมดา ครับ แต่ขณะที่ทำลายป่า ที่ทางรัฐหวงแหน ชื่อว่า เป็นการประพฤติผิดในทรัพย์ที่เจ้าของหวงแหน เป็นอทินนาทาน เป็นอกุศลกรรมบถ เป็นอกุศลที่มีกำลังมาก จึงแตกต่างกับ อกุศลจิตที่ออกมาทางกาย วาจา ในการซื้อเครื่องเรือนที่เป็นไม้ ที่ไม่ได้มีเจตนาลักทรัพย์ แต่มีเจตนาซื้อ ที่เป็นโลภะ ที่ไม่ได้ล่วงอกุศลกรรมบถ อกุศลจึงมีกำลังแตกต่างกัน ครับ การตัดไม้ทำลายป่าที่ทางรัฐหวงแหน จึงมีกำลังของอกุศลมากกว่า การซื้อเครื่องเรือนที่ทำด้วยไม้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 28 เม.ย. 2555

๒. คนที่มีเงินมากสะสมบ้าน คอนโด ให้เช่าบ้าง ทิ้งให้ว่างรกร้างบ้าง สองกลุ่มนี้เข้าข่ายอกุสลหรือไม่ อย่างไร แท้จริง ชาวพุทธที่ไม่ปรารถนาอกุสล มีเงินมากควรทำอย่างไรดี เดี๋ยวนี้คนตื่นกระแส พากันซื้อบ้าน คอนโดมากมาย แต่ไม่ใช้อยู่เอง ไม่ให้เช่าเอาไว้เก็งกำไร พวกนี้มีอกุสลอย่างไรหรือไม่


ตามที่กล่าวแล้วครับว่า อกุศลมีหลายระดับ ทั้งอกุศลจิต ที่แสดงออกมาทางกาย วาจา แต่ไม่ล่วงกรรมบถ ๑๐ มีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น และ อกุศลที่มีกำลัง ที่ล่วงกรรมบถ ๑๐ มีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น ซึ่ง การที่บุคคล ทำการเก็งกำไร ค้าขาย ก็เป็นธรรมดาของปุถุชน ที่มีอกุศล ที่เป็นโลภะที่ต้องการอยากได้ทรัพย์ ก็ทำด้วยวิธีเก็งกำไร มีการซื้อขายบ้าน เป็นธรรมดา ก็ถือว่า ไม่ได้ทำอกุศลกรรมบถอะไร เป็นอกุศลจิตที่แสดงออกมาทางกาย วาจา แม้ไม่ซื้อ ขาย บ้าน คอนโด ก็มีอกุศลจิตที่แสดงออกมาทางกาย วาจาด้วยกันทุกคน และมีมากด้วยครับ ซึ่งหากเป็นการไม่ได้คดโกง ซึ่งหากการค้าขายนั้น ไม่ได้เป็นการคดโกงลูกค้าให้เสียทรัพย์ หรือ ลักทรัพย์เขามา ก็ไม่ผิดอะไร ก็เป็นการประกอบอาชีพที่ทำกำไรด้วย ไม่ล่วงอกุศลกรรมบถ ครับ ดังเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านก็ทำการค้าขายทำกำไร อยากได้กำไร ก็เป็นอกุศลจิตของท่านที่แสดงออกมาทางกาย วาจา เป็นปกติ เพราะท่านยังไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ท่านก็ไม่ล่วงศีล มีการล่วงอกุสศลกรรมบถเลย มีการลักทรัพย์ เป็นต้น

ท่านไม่ทำ แต่ท่านก็ยังมีโลภะ ชีวิตก็ต้องดำเนินไปตามที่กิเลสที่มีอยู่ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ศึกษาธรรมจะไม่ประกอบอาชีพ ไม่มีความต้องการ คือ ไม่มีโลภะเกิดแล้ว ยังมีเป็นธรรมดา ชีวิตก็ต้องดำเนินไปตามนั้น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 28 เม.ย. 2555

๓. พ่วงเรื่องสัตว์เลี้ยงนิดนึง การที่ ชาวพุทธเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เข้าข่ายอกุสลไหม แล้วถ้า ไม่ ควรเลี้ยงอย่างไร การกักขังไว้ในบ้าน น่าจะอกุสลใช่ไหมคะ


และจากคำถามที่ว่า

แล้วพระภิกษุเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ไหมคะ ตามความเห็นเมื่ออ่านพระภิกขุปาฏิโมกข์ ดิฉันคิดว่า พระภิกษุไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเลย คนที่นำสุนัขแมวไปให้ท่านเลี้ยงก็บาปด้วย ส่วนคนทั่วไปเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเท่าที่จำเป็นในการใช้งานอย่างมีเมตตากรุณาก็พออย่าไป เลี้ยงเพื่อความสุขทางใจเลย ไปทำบุญรักษาศีล จะได้ความสุขและบุญมากกว่าดีไหมคะ

ขออนุโมทนาค่ะ


เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

พระภิกษุ มีสัตว์เลี้ยงนอนด้วยผิดไหมครับ อาบัติอะไรหมวดไหนครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 28 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

- ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญา จนถึงขั้นที่จะสามารถดับโลภะความติดข้องยินดีพอใจในกามคุณ ๕ ซึ่งเป็นรูปบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง โผฏฐัพพะบ้าง ถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ความติดข้องต้องการ ก็ยังมีอยู่ เกิดขึ้นเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล และก็เป็นที่น่าพิจารณาว่า สิ่งที่ติดข้องนั้น ไม่รู้อะไรเลย เป็นแต่เพียงรูปธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น รูปไม่ได้มีความประสงค์ว่าจะให้ใครมาติดข้องเลย แต่ที่ติดข้อง ก็คือ โลภะ ซึ่งเป็นกิเลสของคนนั่นเอง เป็นธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถึงแม้ว่าจะติดข้อง แต่ถ้าไม่ได้กระทำทุจริตกรรม มีการลักขโมย เป็นต้น ก็ไม่เป็นอกุศลกรรมบถ ไม่ใช่อกุศลกรรม จึงไม่เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิ และไม่เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลที่ไม่ดีในภายหน้าได้ แต่โลภะ ก็สะสมสืบต่ออยู่ในจิต ไม่สูญหายไปไหน และถ้าสะสมมากขึ้นมากๆ ก็อาจจะเป็นเหตุให้กระทำทุจริตกรรมได้ ซึ่งจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลยทีเดียว การซื้อเครื่องเรือนซึ่งทำมาจากไม้ ไม่ได้เป็นการลักทรัพย์ จึงไม่เป็นอกุศลกรรมบถ แต่ก็ยากที่จะพ้นจากอกุศลจิต เพราะเกิดจากความติดข้องยินดีพอใจ การซื้อของก็มีเป็นปกติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงการซื้อเครื่องเรือนที่ทำมาจากไม้ ก็มีการซื้อของอย่างอื่นในชีวิตประจำวัน

- ชีวิตของแต่ละบุคคล ก็ดำเนินไปตามการสะสม ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ อกุศลจิต ก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปมากกว่ากุศลจิต สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากกิเลส ทั้งนั้น, ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะเห็นความสำคัญของความเข้าใจพระธรรมมากน้อยแค่ไหน ถ้าเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม ก็สะสมทรัพย์ที่ประเสริฐ ซึ่งเป็นความดีประการต่างๆ อันมีปัญญาเป็นเลิศ อันจะเป็นที่พึ่งในชีวิตอย่างแท้จริง เป็นที่พึ่งในโลกนี้ และเป็นที่พึ่งในโลกหน้า และยังเป็นที่พึ่งที่สามารถทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น พ้นจากทุกข์ได้ ส่วนสิ่งที่ติดข้องต้องการนั้น ไม่สามารถติดตามไปในภพหน้าได้เลย เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ไม่มีอะไรติดตามตัวไปได้เลย เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือการสะสมของบุคคลอื่นได้ แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง แต่สำหรับเราแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะกระทำกิจที่ควรกระทำ คือ สะสมความดีและอบรมเจริญปัญญา สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป

- เลี้ยงสัตว์หรือไม่เลี้ยงสัตว์ ก็ยากที่จะพ้นจากอกุศล มีโลภะ เป็นต้น แต่ตราบใดก็ตามที่ยังไม่มีการฆ่าสัตว์ ก็ยังไม่ใช่อกุศลกรรมบถ ไม่ใช่ปาณาติบาต ถ้าได้เลี้ยงแล้ว เช่น เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว เป็นต้น ก็ควรที่จะเลี้ยงดูให้ดีที่สุด ซึ่งการเลี้ยงดู ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอกุศลเสมอไป เป็นกุศลได้ ในขณะที่มีเมตตา และ มีความปรารถนาให้เขาพ้นจากความเดือดร้อน แต่ถ้าเป็นการเลี้ยงสัตว์สำหรับฆ่า นั้น ไม่ควรทำ เพราะเป็นอาชีพที่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนสัตว์อื่น เป็นอาชีพที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เป็นอาชีพที่ไม่ควรประกอบ

- พระภิกษุ เป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสเป็นอย่างยิ่ง สละทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สมบัติวงศาคณาญาติ เป็นต้น ภาระหน้าที่หลักของท่านคือฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนอง กระทำกิจที่เหมาะควรแก่ความเป็นบรรพชิต เท่านั้น ซึ่งแตกต่างไปจากคฤหัสถ์อย่างสิ้นเชิง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
dhanan
วันที่ 30 เม.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
homenumber5
วันที่ 20 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ