ผู้เจริญสติปัฏฐานที่ถูกต้อง ย่อมไม่สะดุ้งตกใจ
คำบรรยายบางตอนของท่านอาจารย์สุจินต์
ในเรื่องสติปัฏฐาน ม้วนที่ ๒ ตอนที่ ๕๔
บางท่านเท่าที่ดิฉันเคยทราบกล่าวว่า เจริญสติปัฏฐานมาประมาณ ๓๐ กว่าปี เป็นอาจารย์ของสำนักหนึ่ง แล้วก็ในขณะที่ปฏิบัติ ก็มีความรู้สึกว่ามีสติสัมปชัญญะ ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน ก็มีความนุ่มนวล มีความเบา มีความควรแก่การงานเป็นผู้มีสติ
แต่เมื่อได้ฟังเรื่องการเจริญสติปัฏฐานแล้ว ก็รู้ว่าไม่ใช่ปัญญา ที่รู้ลักษณะของนามและรูปที่กำลังปรากฏจริงๆ ตามปกติ เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านที่เคยจดจ้องนะคะ หรือว่าเคยรู้รูปรวมๆ กัน เป็นท่านั่ง ท่านอน ท่ายืน ท่าเดิน ว่าในขณะที่ท่านกำลังรู้อย่างนั้นน่ะค่ะ เวลาที่มีเสียงปรากฏ สะดุ้งไหมคะ ตกใจไหม? ตกใจเพราะอะไร รู้ไหมคะ?
คนที่กำลังสนใจในเรื่องหนึ่งเรื่องใด เป็นต้นว่าอ่านหนังสือเพลินๆ ถ้ามีคนเรียก ตกใจไหมคะ ก็ตกใจ เพราะว่ากำลังสนใจอ่านหนังสืออยู่ ใช่ไหมคะ
เพราะฉะนั้น ถ้ามีสิ่งอื่นเกิดขึ้น ไม่เคยเจริญสติ ไม่เคยรู้ลักษณะของเสียง ตามปกติเลย มีแต่การจดจ้องอยู่ที่สิ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้น เวลาที่เสียงเกิดตามปกติแท้ๆ ผู้นั้นก็สะดุ้งตกใจ แล้วก็ไม่รู้ด้วย ถ้าสอบสวนจริงๆ นะคะว่า ขณะนั้นเป็นนามหรือเป็นรูป ก็จะตอบไม่ได้เลย เพราะเหตุว่า ไม่เคยระลึกรู้ลักษณะของ ได้ยิน ไม่เคยระลึกรู้ลักษณะของเสียง ตามปกติ แต่ว่าไปจ้องที่จะให้รู้รวมๆ
เมื่อเป็นการไปจ้องให้รู้รวมๆ ไม่รู้นามใดรูปใดชัดสักนามเดียว แม้แต่เพียงนามเดียวก็ไม่รู้ แม้แต่เพียงรูปเดียวก็ไม่รู้ กำลังเห็นตามปกติ ไม่เคยเลยที่จะมีการระลึกรู้ว่า เป็นสภาพรู้ทางตา สีสันวรรณที่กำลังปรากฏ ก็ไม่เคยระลึกรู้เลยสักขณะเดียวว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ เพื่อจะละคลายว่า ทางตาก็เท่านี้เอง ไม่ว่าจะเห็นอะไร ไม่ว่าจะเกิดความชอบความไม่ชอบหลังจากที่เห็นแล้วก็เป็นเพียงแต่ความพอใจเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้เห็นสิ่งที่พอใจแล้วก็ดับ มีอย่างอื่นเกิดขึ้นปรากฏมีลักษณะต่างๆ กันไป เป็นปกติในชีวิตประจำวัน
ผู้ที่มีปัญญาเพิ่มขึ้น ไม่สะดุ้ง เพราะว่าชินกับลักษณะของสิ่งที่ปรากฏขึ้นตามปกติ
แต่ผู้ที่ไปจ้องรู้รวมๆ แล้วก็ไม่ได้ระลึกถึงลักษณะของนามใดรูปใด ให้ชัดเจนตามปกติเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ผู้นั้นจะสะดุ้ง และก็การสะดุ้งอย่างนั้น นะคะ เป็นปัญญาหรือเปล่าคะ หรือว่าเป็นความไม่รู้ สะดุ้งแล้วไม่รู้นะคะ ไม่รู้ว่าอะไร ตกใจด้วยเป็นตัวตนตลอดเวลา ไม่ได้มีความรู้ชัดในลักษณะของนาม ไม่ได้มีความรู้ชัดในลักษณะของรูป ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ตามปกติเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดไปฟัง ถือประโยชน์จากธรรมะ เทียบเคียงกับการที่เคยประพฤติปฏิบัติมาแล้ว ก็ย่อมจะละสีลพรตปรามาสกายคันถะ การลูบคลำข้อประพฤติปฏิบัติที่ผิด คือ ไม่ทำให้รู้ลักษณะของนามและรูป ชัดเจน แต่ละทาง ตามปกติ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
ถ้ามีความเข้าใจธรรมะ สติปัฏฐานเกิดได้ทุกสถานที่ ไม่จำกัด วัน และ เวลา ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ร่วมเดินทางและทุกๆ ท่านครับ