การขอพรพระให้สมปรารถนาในการสอบ

 
homenumber5
วันที่  20 พ.ค. 2555
หมายเลข  21141
อ่าน  3,837

เด็กๆ กำลังทุกข์ใจเรื่องการสอบ หากเขาจะไหว้พระ ขอให้เขาสมหวัง เขาถามว่าในพระพุทธศาสนาสอนว่าอย่างไร เขาควรทำได้แค่ไหนคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในพระพุทธศาสนา เป็นศาสนา ที่สอนที่เป็นไปในเรื่องการขัดเกลากิเลส คือ ความไม่ติดข้อง ความโกรธ และ การละคลายกิเลสประการต่างๆ ด้วยกุศลธรรม และ ด้วยปัญญาเป็นสำคัญ ดังนั้น สิ่งใดที่เป็นไปเพื่อการติดข้อง เพื่อได้ ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า และไม่ใช่พระพุทธศาสนา ครับ

ในความเป็นจริงแล้ว พระพุทธเจ้าทรงแสดง ในเรื่องกรรม และ ผลของกรรม การทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี การทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว แต่กรรม การให้ผลของกรรม ย่อมมีกาลเวลาในการให้ผล ไม่ใช่ว่า ทำกรรมนี้แล้ว กรรมนั้นจะให้ผลทันที ไม่ได้ครับ นี่ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง กรรมดี คือ ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้น ชื่อว่ากรรมดี ดังนั้น ขณะที่ไหว้พระ ขณะนั้นไหว้ ด้วยจิตที่ต้องการขอ ขณะนั้นไม่ได้น้อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ขณะนั้น ไม่ใช่บุญ เพราะ กำลังต้องการได้ผลตอบแทน เมื่อเป็นอกุศลจะให้ผล คือ ความสุข ความสำเร็จไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เราจะต้องทราบจุดประสงค์ที่ถูกต้อง ในการมีพระพุทธรูปว่าการมีพระพุทธรูป ก็เพื่อน้อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์ของตนเอง คือ กุศลจิตและเป็นเครื่องเตือนให้ทำความดี แต่ไม่ใช่มีไว้เพื่อขอ เพื่อเพิ่มอกุศลจิต คือ การได้สิ่งที่ปรารถนา เพราะการได้สิ่งที่ปรารถนา ไม่ได้อยู่ที่การขอ แต่อยู่ที่เหตุในอดีต คือ ทำกุศลกรรม หรือ กุศลกรรมนั้นจะให้ผลหรือไม่ เป็นสำคัญ เพราะ แม้จะขอ หรือ ไม่ขอ หากกรรมดีให้ผล ก็ย่อมสำเร็จตามปรารถนา และ จะขอหรือไม่ขอ หากกรรมชั่วให้ผล ก็ย่อมไม่สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ เพราฉะนั้น ก็ต้องมั่นคงในเรื่องของกรรม และ จุดประสงค์ในการไหว้ และ จุดประสงค์ในการมีพระพุทธรูปเพื่ออะไร ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 21 พ.ค. 2555

อีกประเด็นที่ควรจะเข้าใจ คือ ประเด็นเรื่องของ พร

พร ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่การขอ ในสิ่งที่ตนอยากจะได้ แต่ พร คือ การนำมาซึ่งสิ่งที่ดี พร ในพระพุทธศาสนา คือ การทำความดี ทำกุศลกรรม ขณะนั้นเป็นพร กับตัวเองแล้ว เพราะย่อมจะนำสิ่งที่ดีมาให้ในอนาคต เมื่อกรรมนั้นให้ผล เพราะฉะนั้น แทนที่จะขอพร จากใคร หรือ จากพระพุทธรูป ก็ทำความดี ทำกุศลก็เป็นพร และก็ทำหน้าที่ของตนในปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ตามกำลังของตนเท่าที่จะทำได้ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ส่วนการทุกข์ใจในเรื่องการสอบ ก็ย่อมมีเป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่มีกิเลส แต่เมื่อมีกิเลสแล้ว ก็ควรพิจารณาให้ถูกว่า เหตุคืออะไรที่ทำให้เกิดความทุกข์ใจ ก็ไม่พ้นจากิเลสของตนเอง และ การจะสอบได้ ได้สิ่งที่ปรารถนา ก็ขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การขอพรจากพระพุทธรูป จากใคร เมื่อเข้าใจดังนี้ เบา ด้วยความเข้าใจและสิ่งที่ได้ สำคัญที่สุด คือ ความคิดถูกตามสัจจะความจริง ที่จะติดตัวไปในภพหน้า ให้คิดถูกยิ่งขึ้น ครับ

ซึ่ง การให้พร การขอพร พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสไว้ว่า ตถาคตเลิกให้พรแล้ว ดังนั้น ที่เราไปขอพรที่พระพุทธรูป ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร เพราะ พระองค์ทรงแสดงว่า พร คือ การทำความดีที่เป็นกุศลธรรมในขณะนั้น ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 21 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่มีใครสามารถทำให้เราได้ประสบกับสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจได้ และ ไม่มีใครสามารถทำให้เราได้ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าชอบใจได้ ถ้าไม่มีเหตุ คือ กรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ในอดีต ถึงคราวที่จะให้ผล ผลนั้นๆ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ กรรมดี ย่อมให้ผลที่ดี ในทางตรงกันข้าม อกุศลกรรม ย่อมให้ผลที่ไม่ดี แต่ก็ไม่สามารถจะทราบได้ว่า กรรมใด จะให้ผลเมื่อใด

พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อปัญญาความเข้าใจถูก เห็นถูกโดยตลอด พระองค์ทรงแสดงธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเพื่อให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษามีความเข้าใจถูก เห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง และที่สำคัญ เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษา ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลย พระองค์ทรงแสดงว่า ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป นั้น ไม่มีเลยที่จะเกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุปัจจัย ก็แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร บังคับให้สิ่งนี้เกิดก็ไม่ได้ บังคับให้สิ่งนี้ไม่เกิดก็ไม่ได้ เพราะเป็นธรรมที่มีจริงเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย และเราก็ไม่สามารถจะทราบได้อีกเหมือนกันว่าขณะต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ในฐานะที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่กำลังจะสอบ ก็ขอให้คำแนะนำว่าให้ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เตรียมตัวให้พร้อม และที่สำคัญขอให้เป็นคนดี มีความประพฤติที่ดีงาม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ไม่ประมาทในชีวิต ด้วยการเป็นผู้เห็นประโยชน์ของความดีประการต่างๆ ที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลา ละคลายกิเลสของตนเอง สะสมที่พึ่งให้กับตนเองต่อไปในภายหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เพราะความดีเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งในชีวิตได้อย่างแท้จริง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 21 พ.ค. 2555

กิเลสไม่ว่าจะเกิดกับผู้ใหญ่ หรือเด็ก ก็ทุกข์ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าจึงชี้หนทาง แนะนำทางพ้นทุกข์ คือ การอบรมปัญญา การเจริญสติปัฏฐาน และ การที่เด็กจะสอบได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่ความสนใจเรียน ความตั้งใจเรียนของเด็ก และ ความสามารถของเด็ก แต่ความทุกข์ก็ยังไม่ได้ดับไป เพราะยังไม่ได้ดับกิเลส กิเลสก็ยังเกิดได้อีกค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 24 พ.ค. 2555

การไหว้พระด้วยศรัทธาทำให้จิตใจสงบ ... หากขอพรให้สมความปรารถนา เป็นการไหว้ด้วยโลภะเป็นอกุศล ... สอบได้หรือสอบตกอยู่ที่เหตุปัจจัย ... ถ้าตั้งใจเรียนก็สอบได้ ไม่ตั้งใจเรียนก็สอบตก ส่วนการสอบแข่งขันอาจสู้คนอื่นไม่ได้ แต่ทางเลือกในการเรียนยังมีอีกมากมาย และความสำเร็จของชีวิตไม่ใช่เพราะการเรียนอย่างเดียว ... ทุกอย่างเป็นธรรมะและอนัตตา ... ที่พึ่งที่ดีที่สุดของชีวิตคือการเป็นคนดีและกุศลกรรมอันเป็นเหตุให้เกิดกุศลวิบาก (สิ่งที่ดีๆ ในชีวิต) ซึ่งเด็กจะเข้าใจธรรมได้ด้วยการศึกษาธรรมะซึ่งจะทำให้ทุกข์น้อยลง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
homenumber5
วันที่ 29 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

เข้าใจแล้ว ว่า พระพุทธศาสนาสอนเรื่องเหตุปัจจัย ไม่ใช่ศาสนาแห่งการอ้อนวอน บูชายัญใดๆ ต้องทำเอง

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
dhanan
วันที่ 30 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ