ต้องทำอย่างไรค่ะ

 
ผู้อยากรู้
วันที่  23 พ.ค. 2555
หมายเลข  21160
อ่าน  1,405

ต้องออกตัวก่อนว่าไม่รู้เรื่องพุทธศาสนาเลยค่ะ เป็นคริสเตียนมาก่อน แต่รู้สึกว่าจิตใจไม่สงบและไม่มีสมาธิเลย สนใจที่อยากจะสวดมนต์ ขอบทง่ายๆ นะคะ ก่อนนอน และบทแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร ต้องทำตัวอย่างไร ทำจิตใจอย่างไรก่อนที่สวดมนต์ค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในสัจจะความจริง โดยไม่ต้องกล่าวว่า ศาสนาอะไร ความสงบ คือ สงบจากสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นในจิตใจ ทำให้ไม่สงบ วุ่นวาย เดือดร้อนใจ เพราะ คิดด้วย สิ่งที่ไม่สงบ เรียกว่า กิเลส คือ สภาพธรรมที่ไม่ดี ทำให้จิตใจเศร้าหมอง เช่น ขณะที่เกิดความขุ่นเคืองใจ หรือ เศร้าใจ ขณะนั้นไม่สงบ เพราะ มีสภาพธรรมที่ไม่สงบเกิดขึ้นในจิตใจ คือ กิเลส มีโทสะ เป็นต้นเกิดขึ้นในจิตใจ เพราะฉะนั้น วิธี หนทางที่จะทำให้สงบก็ต้อง ทำให้ สภาพธรรมที่สงบเกิดขึ้นในจิตใจ สภาพธรรมที่สงบ คือ สภาพธรรมที่ดี คือ กุศลธรรม เช่น ความไม่โลภ ความไม่โกรธ เป็นต้น และ จะทำให้เกิดความสงบ ต้องมี สิ่งที่ตรงกันข้ามและทำให้สงบจากกิเลส คือ ปัญญา ถ้าไม่มีปัญญา ย่อมไม่สามารถทำให้เกิดความสงบได้เลย ครับ

แล้วเหตุอะไรล่ะครับที่จะทำให้เกิดปัญญา เหตุให้เกิดปัญญา คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม แต่ไม่ใช่ การนั่งสมาธิ การสวดมนต์ จะทำให้เกิดปัญญา และเกิดความสงบใจได้ เพราะ ความสงบใจ คือ ขณะใดที่เกิดจิตใจที่ดี ที่เป็นกุศล ขณะนั้น สงบ เช่น ขณะที่มีเมตตา ขณะที่ไม่โกรธ เป็นต้น ชื่อว่า ใจสงบแล้ว สงบจากกิเลส ครับ และเพราะมีปัญญา ก็ทำให้คิดถูก คิดในทางที่ดี ในทางที่เป็นกุศล ก็ทำให้สงบแล้ว สงบจากกิเลส ครับ เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของปัญญา ดังนั้น ความสงบจะมีได้ เพราะปัญญา ดังนั้น ไม่จำเป็นจะต้องไปสวดมนต์ให้สงบ เพราะ หากเราไม่รู้ไม่เข้าใจธรรม ไม่มีปัญญา การท่อง สวดมนต์ ขณะนั้นไม่สงบเลย แม้ไม่ได้คิดเรื่องอื่น แต่ขณะนั้น ไม่รู้อะไร และท่องไป ด้วยความไม่รู้ ก็ไม่ใช่สงบจากกิเลส เพราะฉะนั้น ความสงบ ไม่ใช่หมายถึง การมีสมาธิ ไม่คิดเรื่องใด แต่ความสงบหมายถึง สงบจากกิเลส เป็นกุศล ครับ

จึงควรลองมาเริ่มศึกษาพระธรรม ทีละน้อย หรือ ฟังพระธรรมก็ได้ ขณะที่เราเข้าใจทีละน้อย จิตขณะนั้น สงบจากกิเลสแล้ว ขณะนั้นสงบ แล้วเมื่อปัญญาเจริญขึ้น ก็ทำให้สงบขึ้น ครับ เพราะฉะนั้น ที่ไม่สงบ เหตุมาจากกิเลส และจะละกิเลสได้ ด้วยปัญญา ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และในความเป็นจริง กิเลสมีมากๆ ๆ ครับ จะทำให้สงบทันทีไม่ได้ครับ เพียงแต่ต้องค่อยๆ เข้าใจความจริงไปเรื่อยๆ คือ ปัญญาเจริญขึ้น ก็ทำให้สงบมากขึ้น ครับ

เชิญคลิกฟังธรรม ครับ ขณะที่เข้าใจก็สงบแล้วในขณะนั้น

ธรรมะเตือนใจ

ตุณฑิลชาดก

หัตถกสูตร

อักโกสกสูตรที่ ๒

เรียนเชิญสหายธรรมทุกท่าน ให้คำแนะนำกับสหายธรรม ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากที่ไม่เคยเข้าใจพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงและทรงแสดงสิ่งที่มีจริงให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง นั้น ต้องตั้งต้นหรือเริ่มต้นที่การฟังพระธรรม ฟังในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริง ของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา โดยพระองค์ทรงใช้พยัญชนะ ที่หลากหลายมากมายในการแสดงพระธรรมเทศนา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นต้น เป็นธรรมที่มีจริงแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่มีเราหรือตัวเราที่แทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นเลย

หนทางที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลาย กิเลสอกุศลอันเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตใจทำให้จิตใจไม่สงบ ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น การคิดที่จะไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความไม่เข้าใจก็จะไม่เกิดขึ้น และความเข้าใจนี้เองจะเป็นเครื่องอุปการะให้กุศลธรรมเจริญมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะได้รู้ถึงสิ่งที่ควรกระทำและสิ่งที่ควรงดเว้น แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ควรกระทำ ไม่กระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม เพราะการฟังด้วยดี ย่อมได้ปัญญา การฟังในแต่ละครั้ง ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น เมื่อไม่ขาดการฟัง ฟังต่อไปอีก เห็นประโยชน์ยิ่งขึ้น ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ พระอริยสาวกทั้งหลายในอดีต ล้วนเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทั้งนั้น ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
jaturong
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
daris
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยนะครับเผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ท่านเจ้าของกระทู้ได้บ้าง ขออนุโมทนานะครับที่มีความสนใจในพระพุทธศาสนา ดังนั้นควรทำความเข้าใจก่อนนะครับว่าพุทธศาสนาคือ คำสอนของผู้รู้ คือพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งท่านได้ตรัสรู้ ในสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีโอกาสจะรู้ได้ด้วยตนเองเลย หากไม่ได้ศึกษาฟังพระธรรมคำสอนที่ท่านได้พระมหากรุณาแสดง

หากไม่ได้ฟังพระธรรม เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทุกสิ่งที่เรายึดถือว่าเป็นเรา เป็นของของเรา ทั้งร่างกาย ทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ แท้จริงแล้วเป็นแต่เพียงสภาพธรรม แต่ละอย่างๆ ที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถควบคุมให้เป็นดังใจได้แม้แต่อย่างเดียว แต่เพราะไม่ได้ฟังธรรมไม่ได้ศึกษาพระธรรมจึงไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็ไปยึดถือด้วยความอยากความต้องการ

แม้แต่การสวดมนต์ การนั่งสมาธิ ที่ตั้งใจจะทำ ก็ทำเพื่อเรา ด้วยความอยากความต้องการ เช่นอาจจะอยากเกิดความสบายใจ อยากให้รู้สึกหายว้าวุ่นใจจากเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวัน นั่นเป็นเพราะเรายังไม่มีความเข้าใจจริงๆ ทำให้มีจุดประสงค์ที่ยังไม่ถูกต้อง ดังนั้น หากเริ่มต้นผิดแล้ว ต่อไปจะถูกต้องไม่ได้เลย

ขอยกตัวอย่างนะครับ เช่นบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทโธ ฯลฯ) เราอาจจะเคยได้ยินว่าหากสวดจำนวนครั้งให้เกินอายุหนึ่งปีจะเป็นมงคล แต่นั่นก็เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องที่อาจจะมีการบอกต่อๆ กันมา เพราะลองพิจารณานะครับว่าถ้าเราท่องบทพระพุทธคุณเป็นภาษาบาลีโดยที่เราไม่เข้าใจอะไรเลยจะเป็นประโยชน์ได้อย่างไร และแม้จะแปลเป็นไทย ว่า พระผู้มีพระภาคเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ฯลฯ แต่เราเข้าใจในอรรถในความหมายจริงๆ หรือไม่ว่า พระอรหันต์คือใคร พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร หากเราไม่ได้ศึกษาพระธรรมเราจะไม่เข้าใจเลย

แต่ผู้ที่เข้าใจธรรม ท่องบทพุทธคุณเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อนึกถึงคำในบทสวดก็เข้าใจและซาบซึ้งได้ทันทีว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระคุณหาประมาณไม่ได้ ทั้งพระปัญญาคุณที่ตรัสรู้ในสิ่งที่ผู้อื่นไม่รู้จนหลงติดข้องเวียนตายเวียนเกิดมีทุกข์ไม่สิ้นสุด พระบริสุทธิคุณที่ทรงหมดจดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง และพระมหากรุณาคุณที่เมื่อทรงตรัสรู้แล้วทรงแสดงธรรมให้ผู้อื่นได้มีโอกาสรู้ตาม เพื่อวันหนึ่งจะถึงการดับทุกข์ไม่เกิดอีกเลย

แม้แต่การนั่งสมาธิ หากเราไม่ได้ศึกษาพระธรรมเราจะไม่ทราบเลยว่าสมาธิคืออะไร เราจะไม่รู้เลยว่าสมาธิมีสองอย่างคือ สมาธิที่เป็นกุศลกับสมาธิที่เป็นอกุศล หากพยายามไปนั่งสมาธิด้วยความไม่รู้ ด้วยความอยากสงบ อยากหายว้าวุ่น นั่นเป็นไปด้วยความอยาก ความโลภ ซึ่งเป็นอกุศล จะนำมาซึ่งสิ่งดีไม่ได้เลย

เรื่องเจ้ากรรมนายเวรก็เช่นกัน หากเราไม่ได้ศึกษาพระธรรม เราจะไม่ทราบเลยว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน กุศลกรรมใดที่ได้ทำแล้วเมื่อถึงเวลาก็จะให้ผลที่ดีน่าปรารถนา อกุศลกรรมใดที่ทำแล้วเมื่อถึงเวลาก็จะให้ผลที่ไม่ดีไม่น่าปรารถนา ไม่มีใครที่จะเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่จะคอยบันดาลให้คุณให้โทษใครได้เลย กรรมของใครก็ของคนนั้น แม้แต่การเห็นขณะนี้ก็เป็นเพราะผลของกรรม

คุณผู้อยากรู้ได้มาถูกที่แล้วนะครับ เป็นเพราะกุศลกรรมที่เคยทำไว้ให้ผลและสะสมที่จะมีความสนใจเบื้องต้น ถึงได้มีโอกาสมาในเว็บไซต์นี้ ซึ่งมีอาจารย์ที่มีความรู้ความเข้าใจธรรมมากมาย คอยให้คำแนะนำ และมีไฟล์เสียงบรรยายธรรมโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเข้าใจธรรมอย่างยิ่งที่หาได้ยากในปัจจุบัน

การได้เกิดมาเป็นมนุษย์และมีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมเป็นโอกาสประเสริฐที่หาได้ยากยิ่งนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ และอย่าเพิ่งเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อหรือหรือยุ่งยากนะครับ ลองค่อยๆ ฟังไฟล์เสียงบรรยายธรรมวันละนิดวันละหน่อย จะทำให้ได้รู้ได้เข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน และเมื่อมีความเข้าใจธรรมมากขึ้น ก็จะเห็นพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ฟังธรรมะก่อนให้เข้าใจ ยังไม่ต้องไปทำอะไร ถ้ามีความเข้าใจ ความเข้าใจเป็นปัญญาที่จะรู้ว่าอะไรควรเจริญ อะไรควรละ และ ขณะที่ฟังธรรมแล้วเข้าใจ ขณะนั้นก็สงบจากกิเลสชั่วขณะ และ ที่สำคัญถ้าสติไม่เกิด กุศลใดๆ ก็เกิดไม่ได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้อยากรู้
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ขอบพระคุณมากค่ะ จะยินดีทำตามคำแนะนำนะคะ ดิฉันไม่ทราบว่าท่านที่ให้คำแนะนำนี้เป็นฆารวาส หรือพระภิกษุสงฆ์ หากใช้คำไม่เหมาะสมต้องขออภัยด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 6 ครับ

เป็นฆราวาส ครับ เป็นสหายธรรมร่วมกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 25 พ.ค. 2555

ศาสนาพุทธไม่ได้สอนเพื่อให้เกิดความสงบเพียงชั่วครั้งชั่วคราว

แต่สอนให้เข้าใจสัจจธรรมของชีวิต

สอนให้เข้าใจทุกข์และเหตุของทุกข์

พร้อมกับบอกหนทางแห่งการดับทุกข์

เพื่อที่จะ ... ไม่เกิดมาทุกข์อีกค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เซจาน้อย
วันที่ 25 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เริ่มต้นที่การฟังพระธรรม ฟังในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดงพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริง ของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 26 พ.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เข้าใจ
วันที่ 27 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปีติเกิดแล้วขอน้อมอนุโมทนากุศลจิตและปัญญาขอทุกๆ ท่านครับ

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
kinder
วันที่ 28 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ