คำสอนเรื่อง จิตเดิมแท้ เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเปล่าครับ

 
rojer
วันที่  29 พ.ค. 2555
หมายเลข  21183
อ่าน  2,830

มีอาจารย์บางท่าน ที่นำคำสอนมาจาก เซ็น สอนว่า มีสภาวะ จิตเดิมแท้ บ้าง หรือ จิตหนึ่ง บ้าง หรือ ฐีติจิต บ้างแล้วแต่จะเรียกกัน แต่โดยสรุปแล้ว ก็คือสภาวะรู้ที่พ้นจากขันธ์ที่มีนิพพานเป็นอารมณ์ อาจจะเป็นสภาวะหลังเป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อมนสิการถึงอารมณ์นิพพาน ก็จะปรากฏทันที โดยเรียกจิตที่ไปรู้อารมณ์นี้ว่า จิตเดิมแท้ หรือจิตหนึ่ง

อยากทราบว่า คำสอนเหล่านี้ เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือไม่ ช่วยอธิบายเหตุผลประกอบด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในความเป็นจริงของสังขารธรรม คือ สภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูปที่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่เที่ยงเลย เพราะฉะนั้น จิตเมื่อเกิดขึ้นและก็ต้องดับไป ไม่มีเลยที่จิตจะคงอยู่ เที่ยงยั่งยืน เป็นจิตเดิมแม้อยู่ก่อน ครับ เปรียบเหมือน เสียงพิณ เสียงพิณมีได้ ก็เพราะอาศัย คนดีดพิณ สาพิณ เครื่องประกอบที่เป็นพิณ จึงทำให้เกิดเสียงพิณ เสียงพิณ ไม่ได้มีอยู่แล้ว แต่เพราะอาศัยเหตุปัจจัย จึงเกิดเสียงพิณ และเมื่อเสียงพิณเกิดขึ้น ก็หายไป ไม่กลับมาอีก เสียงพิณ ไม่ได้ตั้งอยู่ถาวร

ฉันใด จิตเมื่อเกิดขึ้น ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัย คือ เจตสิก และที่เกิดของจิต มี รูป เป็นต้น จิตไม่ได้มีอยู่ก่อนแล้ว ที่เป็นจิตเดิมแท้ แต่เพราะจิตอาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น และเมื่อจิตเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เหลือเลย ไม่มีจิตที่เที่ยง ยั่งยืน เป็นจิตเดิมแท้อยู่เลย ครับ

และ จิตเป็นสภาพรู้ รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ รู้ทั้งสภาพธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน รวมทั้งบัญญัติเรื่องราวด้วย ดังนั้น จิต ไม่ทำหน้าที่อย่างอื่น นอกจากเป็นใหญ่ในการรู้เท่านั้น ดังนั้น การรู้พระนิพพาน ก็เป็นหน้าที่ของจิต ที่เป็นจิตที่เป็นมรรคจิต ผลจิต มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ หรือ เป็นสิ่งที่ถูกจิตรู้ อันไม่ใช่ เป็น จิตเดิมแท้แยกออกมาพิเศษเลย ครับ

จิตก็เป็นจิต ไม่เปลี่ยนลักษณะ คือ เป็นสภาพรู้เท่านั้น จึงไม่มีจิตเดิมแท้ต่างหาก และ หลังจากที่พระอรหันต์ปรินิพพานแล้ว จะไม่มีการเกิดขึ้นของขันธ์ คือ สภาพธรรมทั้งหมด ที่เป็น จิต เจตสิก รูปอีกเลย จึงไม่มีจิตเดิมแท้ หลังจากปรินิพพานของพระอรหันต์ ครับ

ดังนั้น ความเห็นใดที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ตามที่กล่าวมา เป็นความเห็นผิด ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 682

อรรถกถาอุทยัพพยญาณนิทเทส

พระโยคาวจรนั้น เมื่อเห็นความเกิดและความเสื่อมของขันธ์ ๕ อย่างนี้ ย่อมรู้อย่างนี้ ว่า การรวมเป็นกองก็ดี การสะสมก็ดี ย่อมไม่มีแก่ขันธ์ที่ยังไม่ เกิดก่อนแต่ขันธ์เหล่านี้เกิด, ชื่อว่าการมา โดยรวมเป็นกอง โดยความสะสม ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่เกิดขึ้น, ชื่อว่าการไปสู่ทิศน้อยใหญ่ ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับ, ชื่อว่าการตั้งลงโดยรวมเป็นกอง โดยสะสม โดยเก็บไว้ในที่แห่งหนึ่ง ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับแล้ว. เหมือนนักดีดพิณ เมื่อเขาดีดพิณอยู่ เสียงพิณก็เกิด, มิใช่มีการสะสมไว้ก่อนเกิด, เมื่อเกิดก็ไม่มีการสะสม, การไปสู่ทิศน้อยใหญ่ออกเสียงพิณที่ดับไปก็ไม่มี, ดับแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ไม่สะสมตั้งไว้, ที่แท้แล้วพิณก็ดี นักดีดพิณก็ดี อาศัยความพยายามอันเกิดแต่ความพยายามของลูกผู้ชายไม่มีแล้วยังมีได้, ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ ฉันใด, ธรรมมีรูปและไม่มีรูป (นาม คือ จิต เจตสิก) แม้ทั้งหมดก็ฉันนั้นไม่มีแล้วยังมีได้ ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ พระโยคาวจรย่อมเห็นด้วยประการฉะนี้แล.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
rojer
วันที่ 29 พ.ค. 2555

อธิบายได้กระจ่างแจ้งมากครับ ไม่เช่นนั้นแล้วผมก็ยังเห็นผิดอยู่ คำสอนทุกวันนี้ มันผิดเพี้ยนไปมากจนทำให้ผู้ฟังหรือผู้ศึกษาพระธรรมจำสิ่งผิดๆ ไปหมด เพราะเห็นว่าเป็นคำสอนของอาจารย์ชื่อดังก็เลยไม่ได้เทียบเคียงกับคำสอนในพระไตรปิฎก แสดงว่าอาจารย์ท่านนั้นๆ ก็ยังไม่ได้คุณธรรมขั้นใดเลย เพราะยังมีความเห็นผิดอยู่และสภาวะที่ท่านเขียนมาเผยแพร่ก็ไม่มีจริงด้วย

ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 29 พ.ค. 2555

จิตเดิมแท้ไม่มี มีแต่จิตดวงหนึ่งดับไปเป็นปัจจัยให้จิตดวงใหม่เกิดขึ้น ไม่ซ้ำกัน เช่น จิตเห็นเมื่อกี้ที่ดับไป จะไม่เกิดขึ้นอีกเกิดในสังสารวัฏฏ์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 29 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวไว้ว่า

"เพราะขาดประเพณีที่สำคัญคือ การฟังพระธรรม จึงทำให้เข้าใจผิด ปฏิบัติผิดคิดธรรมเอาเอง อันเป็นการกล่าวตู่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา"

เป็นข้อความที่เตือนใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น ว่า จิต คือ อะไร ซึ่งจะหาความละเอียดของพระธรรมได้จากที่ไหน ถ้าหากไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

สิ่งที่ชาวพุทธ ไม่ควรขาดเลย ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเป็นปัญญาของตนเอง สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ทรงแสดงสิ่งที่มีจริง เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง จากที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น พระองค์ทรงแสดงว่า สภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไป ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เที่ยงที่ยั่งยืน เกิดแล้วก็ต้องดับไป ตั้งอยู่ไม่ได้ เป็นของชั่วคราว แม้แต่จิตก็เช่นเดียวกัน

ทุกขณะในชีวิตไม่พ้นไปจากจิต มีจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที ซึ่งจิตนี้ก็เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถเกิดเองลอยๆ โดยปราศจากเหตุปัจจัย และบังคับบัญชาไม่ได้ด้วย ไม่มีจิตดวงเดียวที่ดำรงอยู่ตลอดกาลนาน แต่จิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งจิตแต่ละขณะก็มีอายุที่สั้นแสนสั้น

แม้แต่ขณะจิตที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ คือ มรรคจิต และ ผลจิต ก็เกิดเพราะเหตุปัจจัย และเป็นธรรมที่เกิดแล้วดับไปด้วย แต่เป็นจิตที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับมรรค และเป็นขณะจิตที่เป็นผลของการที่ได้ดับกิเลสแล้ว ซึ่งจะต้องมีเหตุ คือ การอบรมปัญญาจนกว่าจะถึงความสมบูรณ์ จึงจะเป็นเหตุปัจจัยให้มรรคจิต ผลจิตเกิดขึ้นได้ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 29 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"สภาพธรรมเกิดแล้ว มีแล้วในขณะนี้ จากที่ไม่มีเลย แล้วเกิดมีเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปไม่มีอะไรเหลือเลย"

"จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไป และทุกขณะของชีวิตไม่มีขณะใดเลยที่จะปราศจากจิต"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
totocom107
วันที่ 30 พ.ค. 2555

ผมเองเพิ่งเข้ามาอ่านคำสนทนาธรรมในเว็บไซต์นี้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้พบกับความงมงายของบางคน (ที่อื่น) ที่ปากพูดว่าเป็นคนนับถือพุทธ แต่การกระทำไม่มีเนื้อหาของพุทธแม้แต่น้อย หรือการบรรยายธรรมมะที่มีแต่เปลือก ... มาได้อ่านแล้วเว็บนี้ แล้วผมทึ่งกับการสนทนาธรรมที่พูดถึงแก่นแท้ของพุทธ ... ซึ่งเนื้อหาเป็นไปตามที่ผมเข้าใจและถือปฏิบัติมาโดยตลอด ... โดยเฉพาะการอธิบายถึงนิพพานได้อย่างถูกต้อง ต่างกับที่คนไทยหลายคนยังเข้าใจผิดๆ คิดว่านิพพานคือการถึงซึ่งดินแดนแห่งความสุขสูงสุด (เหมือนหนังเห้งเจีย) ผมอยากมีการเผยแพร่ให้คนไทยได้หันมาศึกษาพุทธแก่นแท้ให้มากขึ้น

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Kok
วันที่ 7 ม.ค. 2563

อนุโมทนาสาธุครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้จากท่านผู้ตอบคำถามทุกท่านครับ

ดีใจที่ได้เจอ website นี้ครับผม

ขอบคุณอีกครั้งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 19 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ