ทุกเวทนาทางกายที่เกิดจากจิตเป็นลักษณะเช่นไรค่ะ

 
isme404
วันที่  30 พ.ค. 2555
หมายเลข  21197
อ่าน  1,729

ทุกขเวทนาทางกายที่เกิดจากกรรม เกิดจากอุตุ เกิดจากอาหาร ก็พอทราบอาการ อยากทราบว่าถ้าเกิดจากจิตจะมีลักษณะเป็นเช่นไรคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เราควรแยกระหว่าง โรคที่เกิดจากสมุฏฐานเหตุต่างๆ เช่น เกิดจากอุตุ เกิดจากกรรม เกิดจากอาหาร เกิดจากจิต กับ ทุกขกายวิญญาณจิต ที่เป็นขณะที่เจ็บ ได้รับกระทบสิ่งที่ไม่ดี ว่าไม่เหมือนกัน เพราะ โรคเกิดขึ้นได้ เกิดจากอาหารที่ไม่ดีก็ได้ เกิดจากกรรมก็ได้ เกิดจาก อุตุ สภาพอากาศที่ไม่ดี ก็ได้ เกิดจากจิตที่ไม่ดี ทำให้เกิดรูปที่ไม่ดีในขณะนั้น ทำให้ป่วย เป็นโรคก็ได้ ครับ แต่ ทุกขกายวิญญาณจิต คือ ขณะที่ได้รับกระทบสัมผัสไม่ดี มี เจ็บ เป็นต้น มี กรรมเป็นปัจจัยสำคัญ คือ เพราะ อกุศลกรรมในอดีตเป็นปัจจัยให้ผล ทำให้ได้รับกระทบสัมผัสไม่ดี ทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ ในขณะนั้น เกิดทุกขกายวิญญาณจิต ครับ และ เพราะ อาศัย จิตเป็นปัจจัยโดยเกิดพร้อมกันกับสภาพธรรมอื่นๆ โดย สหชาตปัจจัย โดยการเกิดพร้อมกัน จิต ก็เป็นปัจจัยโดยการเกิดพร้อมกัน ทำให้เกิดทุกขกายวิญญาณจิต เพราะถ้าไม่มีจิต ทุกขกายวิญญาณจิตก็เกิดไม่ได้ ครับ เพราะฉะนั้น ทุกขกายวิญญาณจิต มีกรรมเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ไม่ใช่เพราะอาหาร และ อุตุ เป็นสำคัญครับ

ส่วน การเกิดโรค โรค ก็ส่วนหนึ่ง ทุกขกายวิญญาณจิตก็ส่วนหนึ่ง เพราะ แม้เป็นโรค ขณะนั้น ไม่เจ็บปวด ก็ได้ และ แม้ไม่เป็นโรค แต่ก็เกิดทุกขกายวิญญาณจิตก็ได้ครับ เพราะฉะนั้น การเป็นโรคที่เกิดจากจิต เป็นเหตุ เช่น ขณะที่คนเศร้าโศกเสียใจมากๆ เกิด โทสมูลจิตบ่อยๆ จิตตชรูป คือ รูปที่เกิดจากจิตก็เกิดขึ้น ในขณะที่โทสมูลจิตเกิดขึ้น ทำให้ รูปเศร้าหมอง ระบบร่างกาย ก็แปรปรวนได้ เพราะ รูปที่ไม่ดี เกิดจากจิตที่ไม่ดีบ่อยๆ นั่นเอง ครับ ทำให้เห็นว่า ทำไมบางคนเศร้าโศกถึงคนที่รักจากไป และ สุดท้าย ก็ร่างกายก็ทรุดโทรมตามไปด้วย ครับ นี่ก็เพราะ รูปเป็นปัจจัยได้ เช่นกัน อันเกิดจากจิต ที่เป็นอกุศล มีโทสมูลจิตเกิดบ่อยๆ และ ผู้ที่เป็นโรค หายโรคเพราะอาศัยจิตเป็นปัจจัยได้ ดังที่พระมหากัสสปะป่วย พระพุทธเจ้าทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ ท่านระลึกพิจารณาตาม เกิดจิตที่ดีเกิดขึ้นบ่อยๆ ทำให้โลหิตท่านผ่องใส เพราะ จิตตชรูป คือ รูปที่ดีอันเกิดจากจิตที่ดี เกิดบ่อยๆ เป็นปัจจัยให้โลหิตดีขึ้น ทำให้ท่านหายป่วย นี่คือ ความเป็นปัจจัย ของ รูปที่เกิดจากจิต สัมพันธ์ กับการเป็นโรค และ หายโรค ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 31 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ที่สำคัญ คือ ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันเลย ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ทางกาย หรือ จะเป็นความเศร้าโศกเสียใจ เป็นทุกข์ใจ ก็เป็นธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ทุกข์ทางกาย เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นผลของอกุศลกรรม เป็นทุกขเวทนาที่เกิดร่วมกับอกุศลวิบากทางกาย ที่เป็นทุกขกายวิญญาณ เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครทำให้เลย ความเจ็บปวด ต้องเป็นเฉพาะทางกาย เท่านั้น เพราะทุกขกายวิญญาณเกิดที่กาย ถ้าไม่มีกาย ก็ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวด ที่มีเจ็บมีปวด ก็เพราะมีกาย แล้วความเจ็บ ความปวด จะมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพราะอกุศลกรรมที่เคยได้กระทำแล้วถึงคราวให้ผล สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ อกุศลจิตย่อมเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้รับทุกข์ทางกายแล้ว สภาพจิตที่เกิดต่อนั้น เป็นอกุศลจิตประเภทที่เป็นโทสมูลจิต ซึ่งเวทนาที่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต มีเพียงเวทนาเดียวเท่านั้น คือ โทมนัสเวทนา อันเป็นเวทนาที่ทำให้เกิดความไม่สบายแก่จิต ขณะที่เกิดความไม่ชอบ ไม่พอใจ แม้จะเล็กน้อย ก็เป็นโทสมูลจิต ที่มีโทมนัสเวทนาเกิดร่วมด้วย เสมอ ซึ่งไม่ใช่ในขณะที่เป็นทุกข์ทางกาย ความจริงเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงได้ สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกว่า เป็นธรรมที่มีจริง ทุกขเวทนาที่เกิดทางกาย ก็เป็นธรรมที่มีจริง ความไม่สบายใจอันเป็นโทมนัสเวทนา ก็เป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา และจะเข้าใจได้ ก็ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับจริงๆ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nong
วันที่ 1 มิ.ย. 2555

เรียนถามเพิ่มเติมค่ะ เรื่องพระมหากัสสปะกับโพฌชงค์ ๗ ท่านต้องมีปัญญาระดับใดคะ จึงเจริญโพชฌงค์แล้วทำให้อาการของโรคดีขึ้น ไม่ใช่ได้ผลกับปุถุชนทั่วไปใช่ไหมคะ

คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด มักชักชวนให้สวดโพฌชงค์มากกว่าที่จะให้พิจารณาตาม และเชื่อว่าการสวดจะทำให้หายป่วย

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 1 มิ.ย. 2555

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

ท่านพระมหากัสสปะ ท่่านมีปัญญา บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านต้องได้อบรมเจริญโพชฌงค์มาก่อน ครับ ดังนั้น ท่านรู้ถึงการเจริญโพชฌงค์เป็นอย่างไร เมื่อได้ฟังพระธรรมว่าด้วยโพชฌงค์ จึงเกิดปิติ ใน โพชฌงค์นั้น เพราะท่านประจักษ์ ตัวโพชฌงค์จริงๆ และเจริญโพชฌงค์ด้วย ต่างกับ ผู้ที่พยายามสวด แต่ไม่ได้เจริญโพชฌงค์ เพื่อหวังที่เป็นโลภะ จึงไม่มีทางหายโรคเพราะการสวดได้เลย ครับ เพราะฉะนั้น จึงต้องเป็นเรื่องของปัญญา ที่เป็นการรู้โพชฌงค์ตามความเป็นจริง เมื่อได้ฟังจึงเข้าใจเกิดปิติ แต่ไม่ใช่ด้วยการสวดเพื่อให้หายโรค ด้วยความไม่เข้าใจ แม้แต่โพชฌงค์ คืออะไร ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 1 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 1 มิ.ย. 2555

ทุกขเวทนาที่เกิดจากจิต เช่น จิตโกรธ จิตที่อาฆาต ทำให้เร่าร้อน กระวนกระวาย เป็นอกุศลจิต มีโทษทำให้เป็นทุกข์ด้วย ถ้ากรรมให้ผลก็ไปเกิดในอบายภูมิ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เซจาน้อย
วันที่ 1 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
isme404
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
mon-pat
วันที่ 3 มิ.ย. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ