ทำอย่างไรจะได้คบกันนานๆ
เคยมีคนรัก แต่ก็ไม่เคยคบกันได้นาน ต้องมีเหตุเลิกรา ทำอย่างไรจะได้คบกันนานๆ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย การจะได้คบกันนาน หรือ ไม่นาน ก็เป็น ไปตามเหตุที่สะสมมาที่จะได้พบหน้า คือ มีการเห็น ได้ยิน ลักษณะหน้าตาอย่างนี้ นานๆ หรือไม่ แล้วแต่ กรรม และ ผลของกรรมที่ทำเป็นสำคัญ ซึ่งการจะเป็นเนื้อคู่ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายประการ ทั้งการทำบุญมาร่วมกัน เป็นต้น และการจะคบกันนานๆ หรือ ไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมทั้งสองคน มีเหตุปัจจัยให้คนกัยนานหรือไม่ ซึ่ง ไม่มีใครรู้เลยในเรื่องนี้ ว่าจะคบกันนานหรือไม่ เพราะ ไม่มีใครรู้เรื่องกรรมได้ละเอียดอย่างนั้น นอกเสียจากพระพุทะเจ้า ครับ
ซึ่ง พระธรรมที่พระพุทะเจ้าทรงแสดงข้อหนึ่งให้ พุทธบริษัทได้พิจารณา ความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ ที่พระองค์ให้พิจารณาเนืองๆ คือ เรามีความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นธรรมดา แสดงให้เห็นครับว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใคร ที่เกี่ยวข้องกันก็ต้องพลัดพรากจากกันแน่นอน ไม่จากเป็นก็จากตาย เป็นอย่างนี้ เรื่อยมาทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ครับ และ เมื่อจากกันไปแล้ว ก็ไปเกิดเป็นบุคคลใหม่ลืมเรื่องราวในอดีตทั้งหมด และก็ต้องพบกับบุคคลใหม่ และก็จากกันไปอีก เป็นอย่างนี้ไม่สิ้นสุด และก็ต้องทุกข์ใจเพราะความพลัดพราก เป็นทุกข์ประการต่างๆ อันมีเหตุมาจากกิเลส ครับ เพราะฉะนั้น ในเมื่อเป็นธรรมดาที่ต้องพลัดพรากอย่างนี้ สาระของชีวิตคืออะไร เมื่อได้มีโอกาสคบกันในปัจจุบันชาตินี้ เพราะสิ่งที่ติดตามตัวไปได้ ไม่ใช่ คนที่เรารัก ทรัพย์สินเงินทอง และสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกหน้าได้ด้วยทั้งคนที่เรารัก ทรัพย์สินเงินทอง ในเมื่อยังต้องเดินทางอีกไกลในสังสารวัฏฏ์์ฏ์ คือ การเกิดนับชาติไม่ถ้วน สิ่งที่จะเป็นเสบียงเดินทาง สะสมไปในชาติหน้าที่ติดตามไปได้ คือ อกุศล และ กุศลเท่านั้น ซึ่งอกุศล สิ่งที่ไม่ดี การทำบาป ไม่เป็นที่พึ่ง ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกนี้ โลกหน้า แต่กุศล ความดีที่ทำ เป็นที่พึ่งได้ นำมาซึ่งประโยชน์สุขในโลกหน้า เพราะฉะนั้นที่พึ่ง สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเราจริงๆ ที่จะเป็นที่พึ่งได้ คือ คุณความดี การทำกุศล มีการให้ทาน รักษาศีล การเจริญภาวนา เป็นสำคัญ ครับ
เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เป็นคนรักกันแล้ว สิ่งที่ประเสริฐ เป็นคู่รักกันที่ดี คือ การทำความดี สะสมความดีร่วมกัน เป็นสำคัญ เท่ากับว่า เป็นการอยู่ เกี่ยวข้องกันที่ประเสริฐ เพราะ เกื้อกูลให้ได้สิ่งที่ดีในปัจจุบัน คือ การทำความดี และ เกื้อกูลกันในอนาคตด้วย ที่จะทำให้ได้รับความสุขจากการทำความดีร่วมกัน ครับ
เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้สำคัญเลยที่จะอยู่ร่วมกันนานไหม แต่ สำคัญที่ อยู่ร่วมกันแล้วในขณะนี้ ทำความดี สะสมความดีร่วมกันหรือไม่ ครับ เพราะ ชีวิตที่จะต้องจากไป ไม่มีใครเป็นที่พึ่งได้ นอกจากความดี และ กุศลธรรม โดยเริ่มจากการฟังพระธรรม และ ทำกุศลประการต่างๆ ร่วมกัน เป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นผลของกุศลกรรม เมื่อเกิดมาแล้วจะพบใคร จะเกี่ยวกับใครก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามความเป็นจริงแล้ว ความติดข้องต้องการ เป็นอกุศล เป็นโลภะ เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ แต่ถ้าเป็นเมตตา แล้ว ไม่เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์เลย เพราะเป็นกุศล เป็นธรรมที่ดีงาม ไม่นำมาซึ่งทุกข์โทษภัยใดๆ ทั้งสิ้น เป็นธรรมที่ควรอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน
ชีวิตของแต่ละบุคคลเป็นไปตามการสะสมไม่เหมือนกัน และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การสะสมความดีพร้อมทั้งอบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน เพราะกุศลธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งในชีวิตได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่อย่างอื่น การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวไกล ชีวิตในสังสารวัฏฏ์ยังไม่จบลงเพียงแค่ชาตินี้ยังต้องมีการเกิดอีกต่อไป ในชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีโอกาสที่จะเจริญกุศลได้ทุกอย่าง จึงไม่ควรที่จะประมาทในชีวิต เพราะในที่สุดแล้วก็จะต้องละจากโลกนี้ไป ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นเวลาที่มีค่าที่จะได้สะสมความดีและอบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ความรักเกิดจากเหตุ ๒ ประการ
๑. เคยอยู่ร่วมกันในกาลก่อน
๒. เกื้อกูลกันในปัจจุบัน
และ การที่ใครจะคบได้นานก็อยู่ที่เคยทำบุญร่วมกันมาก่อน ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"สัตว์โลกมีกรรมเป็นกำเหนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ุ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย"
"กระทำกรรมใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น"
สิ่งที่ควรจะสนใจรู้ก็คือขณะนี้สิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ
การคบกันได้นานเพราะมีธาตุที่เสมอกัน ... ส่วนเป็นเนื้อคู่หรือไม่เป็นไปตามเหตุและปัจจัย ... บุคคลทั่วไปยากที่จะรู้ได้ ... ผู้ที่รู้ได้ได้แก่ ... พระพุทธเจ้าเป็นต้น ...
แม้ในปัจจุบันกาล
สัตว์ทั้งหลายก็ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันโดยธาตุเทียว
คือ สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว ย่อมคบค้ากัน
ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยเลว
สัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี ย่อมคบค้ากัน
ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีอัธยาศัยดี.
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 440 หีนาธิมุตติสูตร