พิจารณาความจริงจากสิ่งที่กำลังปรากฏโดยเสมอกันว่าเป็นธรรม [ปฐมสุขสูตร]
พิจารณาความจริงจากสิ่งที่กำลังปรากฏโดยเสมอกันว่าเป็นธรรม
บางครั้งที่มีความคิด ความเข้าใจว่า เข้าใจแข็งมากกว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา หรือ
คิดว่าเข้าใจแข็งง่ายกว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา นั่นเป็นแต่ความคิดเอง แต่ความจริง
การฟังธรรมต้องเสมอกันว่าเป็นธรรม ซึ่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เมื่อแข็งปรากฏ
เพราะมีสภาพที่กำลังรู้แข็งฉันใด สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาปรากฏได้ ก็เพราะ
มีจิตเห็นเช่นเดียวกัน กำลังมีสิ่งที่ปรากฏ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังปรากฏให้เห็น แต่
ไม่เคยรู้ว่าเป็นธรรมที่มีจริง ซึ่งปรากฏเมื่อมีธาตุรู้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเข้าใจ
สิ่งที่ปรากฏ จากการที่ไม่เคยชินการเข้าใจถูกเห็นถูก คลาดเคลื่อนไป ตาม
รูปร่าง สัณฐาน นิมิตมาตลอดทั้งสังสารวัฏฏ์ เปลี่ยนเป็นรู้ความจริงที่ปรากฏ
ทีละอย่างๆ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะได้ เช่น เสียง ได้ยิน แข็ง
รู้แข็ง เป็นต้น
อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากปฐมสุข สูตร..
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณ Wittawat ครับ
จากเนื้อความข้างต้นแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า เราไม่อาจเลือกได้เลยครับว่าสติจะเกิดขึ้นทางใด แม้บางครั้งสิ่งที่ปรากฏทางตาดูเสมือนว่า ปรากฏมากกว่าทางอื่น แต่ถ้าเข้าใจว่ารู้ชัดทางตามากกว่าทางอื่น ก็แสดงให้เห็นว่าไม่เสมอกันเสียแล้ว แสดงว่ามีข้อสังเกตให้เห็นได้ถึงความผิดปกติและความคลาดเคลื่อนของการศึกษาธรรมะ เพราะการศึกษาต้องละเอียดและถี่ถ้วน รูปและนามที่ปรากฏเกิดขึ้นหลายทาง หากกลายเป็นรู้ชัดเพียงทางใดทางหนึ่งย่อมมีอะไรผิดไป ใช่หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ขอร่วมสนทนาในคำถาม และขออนุโมทนาครับ ก็ต้องเป็นผู้ที่ศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบนะครับ เพราะพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นของละเอียด ยากและลึกซึ้ง สิ่งที่เหมือนว่าเข้าใจ แต่ก็อาจเป็นความเข้าใจผิด ก็ต้องเริ่มต้นฟังใหม่ ใส่ใจในสิ่งที่ฟังพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบอีกหลายๆ ครั้ง จึงจะเข้าใจได้ความละเอียดคือ ไม่ใช่มีตัวตนไปนั่งจดจ้อง ในเฉพาะส่วน และบางครั้งที่คิดว่าตนเองเข้าใจถูก มั่นใจอย่างนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดว่า อกุศล คือ โลภะ ทิฏฐิ มานะ ทั้งหลาย ทั้งลวง ทั้งแทรกเข้ามาตลอด เป็นเรา ทั้งกระซิบกระซาบ ทั้งอยากจะปฏิบัติ แม้ไม่ต้องคิดเป็นคำ แค่เห็นแล้วพอใจ นั่นก็คือ โลภะ แล้วนะครับ
เพราะฉะนั้น สำคัญที่สุด คือ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจว่าเป็นธรรม ซึ่งเมื่อเข้าใจธรรมนั้นแล้วความเข้าใจนั้นจะละเอียดยิ่งขึ้นเอง ก็คงไม่ต้องบอกว่า นั่นถูกต้อง เพราะถ้าปัญญา คือความเข้าใจเกิดก็เข้าใจสภาพธรรมนั้น ซึี่งก็ต้องเป็นไปตามลำดับขั้นของปัญญา การฟังธรรมเข้าใจเรื่องราวของธรรมนั่นก็เป็นความเข้าใจขั้นหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ความเข้าใจที่เข้าใจตัวธรรม และก็ต้องเป็นผู้ที่ละเอียด ศึกษาเข้าใจได้ตามกำลังของตน ปัญญาก็เป็นธาตุ ซึ่งก็ไม่มีตัวเราจะไปเลือกที่จะรู้ธาตุใดธาตุหนึี่ง หรือกระทั่งทวารใดทวารหนึ่ง คำว่าสิ่งที่ปรากฏ ก็เป็นคำที่ลึกซึ้่ง เพียงปรากฏ ด้วยลักษณะเฉพาะ ทีละหนึ่ง ละหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดที่ระลึกศึกษาความจริงด้วยความเสมอกันว่าเป็นธรรม ซึ่งปัญญาที่ละเอียดจะเพิ่มขึ้นได้ก็ต้องมาจากการฟังที่เข้าใจ เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็มีความจริงที่ปรากฏอยู่ ผู้ที่ละเอียดก็สามารถที่จะเข้าใจความจริงได้ ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยการฟังเข้าใจ