ทรงตรวจดูโลกธาตุ

 
พรรณี
วันที่  2 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21209
อ่าน  1,669

นอกจากในสมัยพุทธกาลแล้ว จะมีการเปิดโลกธาตุเพื่อช่วยเหลือเหล่าสัตว์ได้อีกหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปาฏิหารย์การเปิดโลก นั้น เป็นของไม่สาธารณะกับใคร คือ มีได้ กับ ปาฏิหารย์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเท่านั้น ไม่มีใครสามารถแสดงปาฏิหารย์เปิดโลกนี้ได้ครับแม้แต่อัครสาวก ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ผู้เลิศด้วยฤทธิ์ ก็ไม่สามารถแสดงปาฏิหารย์นี้ได้ จะกล่าวไปไย ถึง คนสมัยนี้

ปาฏิหารย์การเปิดโลก คือ ปาฏิหารย์ที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดง ให้สัตว์โลกได้เห็นกันและกัน ทั้งเทวดา มนุษย์ รวมทั้งสัตว์นรก ที่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดง ปาฏิหารย์เปิดโลกแล้ว มนุษย์ ก็จะเห็น เทวดาที่เสวยสมบัติ ความสุข และ เทวดาก็จะเห็นมนุษย์นั้นด้วย และ เมื่อพระองค์แสดงภพภูมิสวรรค์แล้ว พระองค์ก็ทำให้ มนุษย์ ได้เห็น ภพภูมินรก ที่น่ากลัว เห็นสัตว์นรกถูกทรมาน นี้ ชื่อว่า ปาฏิหารย์เปิดโลก เพื่อให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย เห็นภพภูมิทั้งกันและกัน

ซึ่ง จุดประสงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหารย์เปิดโลก เพื่อให้มนุษย์ที่ได้เห็นเกิดเห็นโทษของอกุศลกรรม คือ ทำให้เกิดในภพภูมินรก ที่น่ากลัว เพราะ การทำอกุศลกรรม ทำให้มนุษย์และสัตว์โลกที่ได้เห็นภพภูมินี้ เกิด หิริ โอตตัปปะ เกรงกลัวที่จะทำอกุศลกรรม งดเว้นจากบาป นี่คือ ประโยชน์ของการแสดงภพภูมินรก ของพระองค์ เพื่อให้สัตว์สลดใจ งดเว้นจากบาป และพระองค์เปิดโลก คือ สวรรค์ ให้เห็นความสุขของเทวดา เพื่อให้สัตว์โลกเห็นคุณตามความเป็นจริงของกุศลธรรม ว่านำมาซึ่งความสุข เพื่อให้มนุษย์และสัตว์โลก อบรมเจริญกุศลมากขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งปาฏิหารย์เปิดโลก ทรงแสดงไว้ เมื่อคราวเสด็จลงจากดาวดึงส์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ เมื่อแสดงพระอภิธรรมบนสวรรค์ ๓ เดือน ครับ เพราะฉะนั้น ปาฏิหารย์เปิดโลก แสดงได้เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่ง พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ดังนั้น ไม่มีใครสามารถแสดงได้ สมัยนี้จึงมีไม่ได้เลย ครับ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดง โลก ทั้งที่เป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ที่เรียกว่า โอกาสโลก มีภพภูมิต่างๆ มี สวรรค์ เป็นต้น แต่โลกตามความเป็นจริงที่เป็นโลกในวินัยของพระอริยเจ้า เป็นสัจจะ

โลก คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่เที่ยงเลย โลกนั้น คือ จิต เจตสิก และรูป เพราะฉะนั้น พระองค์ ไม่ใช่แสดงเพียงโลกที่เป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ เท่านั้น แต่ให้สัตว์โลกเกิดปัญญา ด้วยการแสดงโลกตามความเป็นจริง คือ สังขารโ ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปที่เป็นจิต เจตสิก และรูป

เพราะฉะนั้น ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่ จิต เจตสิก รูป เท่านั้น และที่มีที่อยู่ของสัตว์โลก มี สวรรค์ เทวดา มี นรก เป็นต้นได้ ก็เพราะมีการประชุมรวมกันของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมนั่นเองครับ

ดังนั้น พระองค์แสดงหนทางการรู้จักโลกตามความเป็นจริง ที่สัตว์โลกเข้าใจผิดว่า โลก คือ โลกนี้ โลกมนุษย์ มีสัตว์ บุคคล แต่พระองค์แสดงหนทางการรู้จักโลก คือ สภาพธรรม คือ การเจริญสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ที่เป็นโลกแต่ละขณะที่เกิดขึ้น ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งก็ต้องเริ่มด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พรรณี
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผเดิมค่ะ ที่อธิบายให้เกิดความเข้าใจในความหมาย ของ การเปิดโลกธาตุ ว่า พระพุทธองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำได้ และที่สำคัญคือการแสดงโลกตามความเป็นจริง คือสังขารโลก

ขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pornchai.s
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

โลก อีกนัยหนึ่งที่พุทธองค์ทรงแสดง คือ โลก ในวินัยของพระอริยเจ้า

มี ๖ โลก ได้แก่ ตา - หู - จมูก - ลิ้น - กาย - ใจ

ผู้ที่ประจักษ์แจ้งโลกทั้ง ๖ นี้ก่อนใครคือพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้มนุษย์ได้เห็นนั้น ทั้งในเรื่องของนรกและ สวรรค์ ล้วนมีจริงๆ เป็นจริงตามที่พระองค์ทรงแสดง เมื่อมีเหตุ คือ กรรมที่ได้กระทำแล้ว ก็ยังเป็นเหตุให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิ แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมแล้ว ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ ได้รับความทุกข์ทรมานเดือดร้อนมากมายตามสมควรแก่กรรม

ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถดับตัณหาอันเป็นเหตุให้เกิดในภพใหม่ ถึงความเป็นพระอรหันต์ได้ ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป ยังไม่พ้นจากทุกข์ ในเมื่อยังไม่สามารถดับกิเลสได้ เพราะเป็นเรื่องยากและไกลมากกับการดับกิเลส สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งทำให้เดินทางในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่เดือดร้อน ก็คือ กุศลธรรม กุศลธรรม เป็นเหตุที่ดี ให้ผลที่ดี น่าใคร่น่าปรารถนาน่าพอใจเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่กุศลธรรมจะให้ผลเป็นอกุศลวิบาก เพราะเหตุก็ย่อมสมควรแก่ผล ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ กุศลธรรมรักษาให้รอดพ้นจากการตกไปในอบายภูมิ จนกว่าจะมีการอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เมื่อปัญญาคมกล้าขึ้นจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อนั้นก็จะไม่มีการเกิดในภพใหม่อีก ไม่ต้องเดินทางในสังสารวัฏฏ์อีกต่อไป เป็นผู้สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พรรณี
วันที่ 3 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่ได้ให้ความกระจ่างชัดลงไปว่า

กุศลธรรม รักษาให้รอดพ้นจากการตกไปในอบายภูมิ จนกว่าจะมีการอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เมื่อปัญญาคมกล้าขึ้นจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wanipa
วันที่ 5 มิ.ย. 2555
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 7 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ