มหาพุทธชยันตี หมายถึงอะไร สำคัญอย่างไรและประเทศหรือชนหมู่ใดใช้คำๆ นี้มาครั้งแรก

 
homenumber5
วันที่  2 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21210
อ่าน  3,394

๑. ด้วยกาลปัจจุบัน สื่อสารมวลชนให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนาด้วยการให้ความหมาย พระมหาพุทธชยันตีแปลตามหนังสือพิมพ์ ว่าพระพุทธองค์ชนะมาร สำหรับพุทธศาสนิกชน ใคร่ขอทราบรายละเอียดด้วยค่ะ และ

๒. ในวันมหาพุทธชยันตีนี้ ชาวพุทธควรทำอะไรพิเศษบ้าง ปีต่อไปเรียกมหาพุทธชยันตี ๒,๖๐๑ ได้ไหม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ด้วยกาลปัจจุบัน สื่อสารมวลชนให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนาด้วยการให้ความหมาย พระมหาพุทธชยันตีแปลตามหนังสือพิมพ์ ว่าพระพุทธองค์ชนะมาร สำหรับพุทธศาสนิกชน ใคร่ขอทราบรายละเอียดด้วยค่ะ และ


พุทธชยันตี แปลตามความหมาย คือ ชัยชนะของพระพุทธเจ้า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พุทธชยันตี ก็เป็นการบัญญัติแต่งตั้งขึ้นมากันเองของคนยุคหลัง ซึ่งชัยชนะของพระพุทธเจ้า ในพระพุทธศาสนา คือ ชัยชนะต่อมารทั้ง ๕ คือ กิเลสมาร ที่เป็นกิเลสทั้งหลาย พระองค์ดับได้หมดสิ้นในวันที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ทรงชนะ อภิสังขารมาร คือเจตนาเจตสิก ที่เป็นไปในกุศล อกุศล ที่ทำให้ก่อภพก่อชาติ คือ ไม่เป็นไปในกุศลอกุศลแล้ว ทรงชนะขันธมารได้ คือ เมื่อพระองค์ปรินิพพานก็จะไม่มีการเกิดขึ้นของขันธ์ ๕ อีก ครับ ซึ่งก็ตรงกับวันวิสาขบูชา คือ วันที่พระองค์ปรินิพพานในวันวิสาขบูชา และ ทรงชนะ เทวปุตตมาร ในวันวิสาขบูชา ที่ มารที่เป็นเทวดา พ่ายแพ้ไปในวันนั้น จะเห็นนะครับ พุทธชยันตี ที่ตั้งขึ้น หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่รู้เลยว่า ชนะกิเลสอะไร เพราะ ในเมื่อ ยังไม่เข้าใจพระธรรม ย่อมคิดเป็นเรื่องราว ตามการสะสมที่ไม่ถูกต้องและก็กลายเป็นประเพณี พิธีกรรม ที่ไม่ใช่เรื่องของความเจริญขึ้นของปัญญา แต่เป็นเรื่องของการทำตามๆ กัน ตามผู้อื่น ให้บอกว่าควรทำอย่างนั้น เป็นการฉลอง บูชาในวันวิสาขบูชา ครับ


๒. ในวันมหาพุทธชยันตีนี้ ชาวพุทธควรทำอะไรพิเศษบ้าง ปีต่อไปเรียกมหาพุทธชยันตี ๒,๖๐๑ ได้ไหม


- ดังนั้น ในวันที่คล้ายวันวิสาขบูชา คือ วันที่ทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ผู้ที่เป็นชาวพุทธ ก็ควรไม่ลืมประเพณี ที่ในวันพระ หรือ ในวันไหนๆ ก็ตาม โดยไม่ได้จำกัดวัน ในสมัยพุทธกาล พุทธบริษัททั้งหลาย จะไปที่พระวิหารเชตวัน หรือ เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และ พระอริยสาวก ที่จะไปฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จากท่านผู้มีความรู้ มีปัญญา เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา แต่ไม่ใช่เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต เพราะการที่ไปทำพิธีเพื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความสิริมงคล ขณะนั้น ไม่ใช่กุศล และเป็นไปในอกุศลที่เป็นโลภะ อันเกิดจากการขาดความเข้าใจพระธรรม และ อกุศลจะเป็นมงคลกับชีวิตไม่ได้เลย แต่ การได้ฟังพระธรรม ปัจจุบันก็สามารถฟังได้ แต่จะต้องเป็นพระธรรมที่ถูกต้อง วันนี้ หรือ ในวันไหนๆ ไม่ใช่เพียงเฉพาะวันนี้เท่านั้น ก็ศึกษาธรรมฟังพระธรรมที่ถูกต้อง ย่อมจะเป็นประโยชน์กับผู้นั้น คือ มีปัญญาความเข้าใจถูกต้องเป็นกุศลในขณะนั้น แม้ไม่ได้ปรารถนาความเป็นมงคลกับชีวิต แต่ขณะนั้นเป็นมงคลกับชีวิตแล้ว เพราะ กุศลธรรม เป็นมงคล นำมาซึ่งสิ่งที่ดี ครับ

พระพุทธศาสนาจึงไม่ใช่เรื่องของพิธีกรรม

ไม่ใช่เรื่องการเฉลิมฉลองที่ปราศจากความเข้าใจ และไม่ใช่เพื่อได้ความเป็นสิริมงคลกับชีวิต แต่จุดประสงค์ของพระองค์ คือ เพื่อให้สัตว์โลกเกิดปัญญา เกิดความเข้าใจพระธรรม เกิดกุศลธรรม เห็นโทษของกิเลส ด้วยการฟังพระธรรม ตามกาล ตามกาลเวลาที่เหมาะสม เป็นสำคัญ ครับ เพราะฉะนั้น คงไม่ใช่เพียงวันนี้ วันไหน วันอะไร เพราะ วันอะไรๆ ที่สมมติกันว่าสำคัญ แต่ วันที่สำคัญ ขณะที่สำคัญของแต่ละคน ไม่ใช่อยู่ที่การบัญญัติทางโลก ว่าเป็นวันสำคัญของโลก แต่ ขณะใดที่เข้าใจพะรธรรม ศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง ชื่อว่า เป็นขณะที่ประเสริฐที่สุด เป็นวันสำคัญ ขณะสำคัญของบุคคลนั้นจริงๆ โดยไม่ต้องตั้งชื่อเลยว่า วันนั้นจะต้องทำอะไร เพราะ ผู้มีปัญญา ย่อมใช้ชีวิตดำเนินไปในทางที่ถูกต้องทุกๆ วัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันใดวันหนึ่ง เพราะ สำคัญที่จิตเป็นสำคัญ คือ เป็นกุศล หรือ ปัญญาในขณะนี้หรือไม่ ไม่ใช่สำคัญที่ การสมมติขึ้นทางโลก ครับ หน้าที่ของชาวพุทธ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้น ทำให้กุศลเกิดขึ้น และทำให้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ดีทุกๆ วัน ครับ

เพราะฉะนั้น ในเมื่อไม่ได้สำคัญที่ชื่อ เพราะ ชื่อก็ตั้งกันตามสมมติชาวโลก จึงไม่ได้สำคัญว่า ปีหน้าจะเรียกว่าพุทธชยันตีหรือไม่ แต่สำคัญที่ว่า ปีหน้า ปีนี้ ขณะนี้ มีความเข้าใจพระธรรมที่เป็นหนทางการชนะกิเลสมาร ดังเช่น ที่พระพุทธองค์ทรงชนะหรือไม่เป็นสำคัญ ครับ

ในเมื่อเวลาผ่านปี สองพันห้าร้อยกว่าปี ใกล้ที่จะอันตรธานของพระศาสนา และอันตรธานในความเห็นถูก ควรหรือที่จะฉลอง หรือ ควรที่จะสลดสังเวชใจด้วยปัญญา ที่เข้าใจว่า ใกล้ที่จะพระศาสนาอันตรธาน จึงขวนขวาย อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมฟังพระธรรมและเจริญกุศลธรรมากขึ้น เป็นสำคัญ ครับ

ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ

พุทธชยันตี 2600 ปี ควรเฉลิมฉลอง หรือไม่

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 2 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกคนเกิดมาแล้ว ต้องตายอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อใด เกิดมาแล้วตายไปประโยชน์อยู่ตรงไหน? นี่คือสิ่งที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าจะว่าไปแล้วทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีเวลาไม่มากที่จะได้ฟังพระธรรม [และมีเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง] เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว ชีวิตก็เป็นไปในเรื่องอื่น เป็นไปกับด้วยอกุศลอย่างมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับการได้ฟังพระธรรม ก็จะรู้ได้ว่าในสังสารวัฎฎ์ที่ยาวนานจนถึง ณ บัดนี้และต่อไป เวลาที่จะได้มีโอกาสฟังพระธรรม พิจารณาพระธรรมจริงๆ และเริ่มเข้าใจพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น ก็ไม่มากเลย เพราะฉะนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับพุทธบริษัทที่จะได้ฟังพระธรรม สนทนาธรรม เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้น เป็นการรักษาไว้ซึ่งประเพณีที่ควรรักษา คือ ประเพณีการฟังพระธรรม สนทนาธรรมเพราะเหตุว่าพระพุทธศาสนา ไม่ได้อยู่ที่อื่น แต่เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงเป็นการตรัสรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ ซึ่งถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็ย่อมจะไม่มีทางที่จะเข้าใจธรรมตามความเป็นจริงได้ แม้พระองค์จะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ทรงชนะกิเลสทั้งหลายทั้งปวงโดยที่ไม่สามารถทำให้พระองค์พ่ายแพ้ได้อีก พร้อมทั้งทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกด้วยการแสดงพระธรรม แต่บุคคลผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็ย่อมจะไม่ได้ประโยชน์จากการอุบัติขึ้นของพระองค์ ในอดีตชาติที่ผ่านมา ความไม่รู้ก็มีมากแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ คือ ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ความไ่ม่รู้ก็ยิ่งจะมีเพิ่มมากยิ่งขึ้นทำให้จมลึกลงในไปเหวคือสังสารวัฏฏ์ จนยากที่จะไต่ขึ้นมาได้

พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น เกิดจากการที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก เพราะฉะนั้นการที่จะได้มีโอกาสได้ยิน ได้ฟังพระธรรมแต่ละคำที่ทรงแสดงในครั้งนั้นและได้จารึกสืบทอดมาจนถึงยุคนี้ สมัยนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระธรรมยังดำรงอยู่ จึงเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดในชีวิต นี้แหละคือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์จริงๆ คือ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ยังมีโอกาสได้เข้าใจพระธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างแท้จริง เป็นประโยชน์เกื้อกูลทั้งในปัจจุบันชาติ (คือ ชาตินี้) และ ในชาติหน้า พร้อมทั้งยังเป็นเหตุปัจจัยให้บรรลุถึงประโยชน์อย่างยิ่ง คือ การรู้แจ้งสภาพธรรม ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด สิ้นทุกข์ในวัฏฏะ ด้วย ที่สำคัญที่สุดต้องเริ่มสะสมปัญญา จากการฟัง การศึกษาพระธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิต เพราะจะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญา อย่างแท้จริง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kinder
วันที่ 3 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
sutttipan
วันที่ 3 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 5 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 8 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ