อยากได้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจาการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่ โลภะ อยากได้ ต้องการนั่น ต้องการนี่ นั้นเป็นเพราะในขณะนั้นมี โมหเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่รู้ความจริง ในสิ่งที่กำลัง เกิด ดับ จึงทำให้เกิดความต้องการในขณะนั้น ในสิ่งที่กำลังปรากฏนั้น
ข้อความบางตอนจาก
[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ – หน้าที่ 314
บทว่า วิสตฺติกํ คือ ตัณหา. ก็ตัณหานั้น ท่านเรียกว่า
วิสัตติกา
เพราะอรรถว่า แผ่ซ่านไป,
เพราะอรรถว่า กว้างขวาง,
เพราะอรรถว่าหลั่งไหลไปทั่ว
เพราะอรรถว่า ไม่อาจหาญ,
เพราะอรรถว่า นำไปสู่สิ่งมีพิษ,
เพราะอรรถว่า หลอกลวง.
เพราะอรรถว่า มีรากเป็นพิษ,
เพราะอรรถว่า มีผลเป็นพิษ,
เพราะอรรถว่า บริโภคเป็นพิษ,
ก็อีกอย่างหนึ่ง ตัณหานั้น ที่กว้างขวางใหญ่โต ท่านเรียกว่า วิสัตติกา
เพราะอรรถว่า
แพร่กระจายไป ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ธรรมะ ตระกูล และ หมู่คณะ
ข้อความบางตอนจาก
[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ 668
[๓๙๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ พึงตอบเขาว่า
การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นเพราะตัณหาเป็นปัจจัย นี้เป็นข้อที่ ๑
การพิจารณาเห็นเนืองๆ ว่า เพราะตัณหานั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด นี้เป็นข้อที่ ๒
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณา เห็นเนืองๆ ซึ่งธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบอย่างนี้ ฯลฯ จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
บุรุษผู้มีตัณหาเป็นเพื่อนสอง ท่องเที่ยวไปสิ้นกาลนาน ย่อมไม่ล่วงพ้นสงสาร อันมีความเป็นอย่างนี้ และความเป็นอย่างอื่นไปได้
ภิกษุรู้โทษนี้ว่า ตัณหาเป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์ เป็นผู้มีตัณหาปราศจากไปแล้ว ไม่ถือมั่น มีสติ พึงเว้นรอบ.
ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นเพราะตัณหาเป็นปัจจัย
ขออนุโมทนาค่ะ