พระธรรม เป็นของพระพุทธเจ้า หรือเป็นของโลก

 
อิ่ม
วันที่  8 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21237
อ่าน  1,133

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสออกมา เป็นของพระพุทธเจ้า หรือไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในหมื่นโลกธาตุ แล้วพระพุทธเจ้าไปค้นพบแล้ว พระธรรม เป็นของพระพุทธเจ้า หรือเป็นของหมื่นโลกธาตุ หรือไม่เป็นของใครเลย ช่วยตอบทีครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 11 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรม หรือ ธรรม ที่เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า และไม่ใช่ของหมื่นโลกธาตุ เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของ มีแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งธรรมที่มีจริง คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน ก็มีอยู่คู่กับโลก อยู่อย่างนี้มีมาแล้วในอดีต และปัจจุบันก็มี และอนาคตก็จะมีอยู่อย่างนี้ เป็นธรรม เพราะเป็นความจริง เป็นสัจจะ ที่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ความหมายคือ เมื่อมีเหตุปัจจัยสภาพธรรมเหล่านี้ก็เกิดขึ้น ไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงให้มีหรือจะไม่มีได้เลย แม้แต่พระพุทธองค์ แต่สิ่งที่มี จะรู้ได้ ก็ต้องด้วยปัญญา เพราะ ความจริงเหล่านี้ ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและนิพพาน แม้มีอยู่ เกิดขึ้น แต่ ไม่สามารถรู้ได้ เพราะ ถูกอวิชชา ความไม่รู้ ปกปิดไว้ไม่สามารถรู้ความจริง แม้อยู่ใกล้ กำลังปรากฏ แต่ก็ไม่รู้ และเมื่อไม่รู้ ก็ย่อมเกิดกิเลสประการต่างๆ ทำให้ต้องวนเวียน เวียนว่ายตายเกิด เพราะ มีกิเลสเป็นปัจจัย ได้รับทุกข์ประการต่างๆ ทั้งทุกข์กายและใจ อันมีกิเลสเป็นปัจจัย และเพราะมีการเกิดและตาย ครับ

เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญา เห็นโทษของการเกิด จึงอบรมคุณธรรมประการต่างๆ เพื่อแสวงหาหนทางการดับทุกข์ จนสามารถตรัสรู้ธรรมที่กำลังมีอยู่ในขณะนี้ที่เป็นธรรม ด้วยพระองค์เอง เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และสามารถสั่งสอนหมู่สัตว์ผู้ที่สะสมปัญญามา ให้รู้ตามที่พระองค์ตรัสรู้ คือ ความจริงที่เป็นสภาพธรรมในขณะนี้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ที่เป็น จิต เจตสิก ที่สัตว์โลกยึดถือ ด้วยความไม่รู้และเห็นผิดว่า เป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล สิ่งต่างๆ ครับ และ ได้ประจักษ์พระนิพพานอันเป็นธรรมที่เลิศ เที่ยงแท้ด้วยปัญญาของพระองค์และสอนให้หมู่สัตว์รู้ตามสภาพธรรมนั้นด้วย ครับ

เพราะฉะนั้น ธรรม มีอยู่ มีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของสภาพธรรม พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสภาพธรรม แม้แต่ตัวมันเอง ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีอยู่แล้ว ด้วยพระปัญญาของพระองค์เอง และได้แสดงความจริงให้เหล่าสัตว์ได้รู้ความจริงที่กำลังมีอยู่ และไม่มีเจ้าของให้สัตว์โลกเข้าใจความจริงว่ามีแต่ธรรม และไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นอนัตตา นั่นเองครับ

ประโยชน์ของการใช้ชีวิตประจำวัน คือ มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา คือ อยู่ด้วยการเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่กำลังมีอยู่ ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ซึ่งจะมีได้ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 11 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริง เป็นจริง ไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่งนั้น นี้คือ ธรรม ธรรมครอบคลุมสิ่งที่มีจริงทุกอย่างทุกประการ ทั้งสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม และ นามธรรม ครอบคลุมสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูป และพระนิพพาน ธรรม ไม่ได้ หมายถึงเฉพาะส่วนที่ดีเท่านั้น สิ่งที่มีจริงนั้นกว้างขวางมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละ อย่างๆ โดยไม่ปะปนกัน สิ่งที่ดีที่เป็นกุศล ก็เป็นธรรม สิ่งที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศล ก็เป็นธรรม ไม่ใช่ทั้งกุศลและไม่ใช่ทั้งอกุศลก็เป็นธรรม กล่าวได้ว่า ตั้งแต่เกิดจนตาย มีธรรมอยู่ตลอด มีธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ของใครด้วย (เป็นเพียงสิ่งที่เกิดแล้วก็หมดไป ใครจะเป็นเจ้าของได้) แต่ไม่รู้ จนกว่าจะได้มีการฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเกิดจากการที่พระองค์ทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริงทุกอย่างทุกประการตามความเป็นจริง

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง และทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ นั้น ให้ผู้อื่นได้เข้าใจความจริง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 11 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่เป็นของๆ ใคร

เกิดขึ้นแล้วดับไป แล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เสือหมี
วันที่ 12 มิ.ย. 2555

ถ้าพระธรรมมีอยู่แล้ว แล้วพระพุทธเจ้าไปค้นพบ ... ถ้าอย่างนั้นก่อนมีพระพุทธเจ้า นิพพาน ก็มีอยู่แล้วเหรอครับ

แล้ว ... ก่อนมีความดี และความไม่ดี สวรรค์-นรก ก็มีอยู่แล้วเหรอครับ โดยที่ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนได้ ทำบุญ-ทำบาป

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
isme404
วันที่ 12 มิ.ย. 2555

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง และทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ นั้น ให้ผู้อื่นได้เข้าใจความจริง

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 12 มิ.ย. 2555

เรียนความเห็นที่ 4 ครับ

ความจริงที่เป็นสัจจะ คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน มีจริง พระองค์ตรัสรู้ความจริง เหล่านี้ พระนิพพาน มี ปรากฏกับจิตของผู้มีปัญญา อันเป็นสภาวธรรมที่มีจริง ส่วน นรก สวรรค์ ก็คือ สถานที่ได้รับผลของบุญและบาป อันเป็นการประชุมรวมกันของรูป ธรรม จึงบัญญัติว่ารูป ดังนั้น ถ้าไม่มี จิต เจตสิก ไม่มีรูป ก็ไม่มี นรก สวรรค์ เพราะฉะนั้น นรก สวรรค์ มีได้ เพราะ มี จิต เจตสิกและรูป ครับ ดังนั้น ในอดีต เมื่อมี จิต เจตสิก รูป จึงมี นรก สวรรค์ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Graabphra
วันที่ 29 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ