การเกิดดับเป็นภัย

 
nong
วันที่  14 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21259
อ่าน  1,307

เป็นภัยอย่างไรคะ ขอความกรุณาขยายความค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 14 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเกิดดับ นั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดี เพราะเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดปรากฏแล้วก็ดับไป ขณะนี้ซึ่งมีสภาพธรรมที่เกิดดับจึงเป็นภัยคือสิ่งที่น่ากลัวเพราะตราบใดที่มีสภาพธรรมเกิดดับสืบต่อกันไป ก็ยังมีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ทำให้วนเวียนในสังสารวัฏฏ์อย่างไม่มีวันจบสิ้น เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ต่างๆ มากมาย เมื่อกล่าวโดยประมวลแล้ว การเกิดขึ้นและดับไป เป็นภัย แต่ถ้าไม่มีสภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย นั้นเป็นการปลอดภัย ไม่มีภัยใดๆ เลย การที่จะเห็นการเกิดดับของสภาพธรรมว่าเป็นภัย ก็ต้องเป็นปัญญาระดับสูง

การศึกษาธรรม เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ซึ่งต้องเข้าใจถูกว่า นามธรรมเป็นนามธรรม รูปธรรมเป็นรูปธรรม โดยไม่ปะปนกัน เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งจะขาดการฟัง การศึกษา การพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของธรรมไม่ได้เลย และที่สำคัญการที่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก จะรู้ความจริง ก็ไม่ใช่ไปรู้สิ่งอื่น นอกจากสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ จนกว่าจะค่อยๆ รู้ความจริงของสิ่งนั้นยิ่งขึ้น ไม่ใช่ไปรู้ความจริงของสิ่งที่ไม่ปรากฏหรือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้เป็นธรรมซึ่งสามารถศึกษาให้เข้าใจได้ เพราะมีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ปัญญาจะเจริญขึ้นก็ต้องจากการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 14 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ภัย หรือ ภย คือ สิ่งที่น่ากลัว และ สภาพธรรมที่นำมาซึ่งสิ่งที่น่ากลัว และไม่ปลอดภัยซึ่งก็สามารถกล่าวโดยนัยสมมติและปรมัตถ์ ได้ดังนี้ที่มีหลากหลายนัย ครับ

ภัย ความเกิดก็เป็นภัย ความแก่ ความเจ็บและความตาย เป็นภัย เพราะนำมาซึ่งทุกข์ หากไม่มีการเกิดแล้ว ก็ไม่ต้องรับทุกข์อะไรเลย ดังนั้น แม้การเกิดก็เป็นภัยแล้วเพราะนำมาซึ่งสิ่งที่น่ากลัว มีการได้รับทุกข์ประการต่างๆ ความแก่ก็เป็นทุกข์ เป็นภัยเป็นที่น่ากลัว ความเจ็บ และความตายก็โดยนัยเดียวกัน ครับ

และเมื่อกล่าวโดยปรมัตถ์ให้ลึกลงไปอีกครับว่า ภัย คืออะไร ภัยที่เป็นสิ่งที่น่ากลัว และนำมาซึ่งความน่ากลัว หากไม่มีกิเลส แล้ว จะมีการกระทำอกุศลกรรม หรือ ทำความชั่วได้หรือไม่ ไม่ได้เลยครับ เพราะฉะนั้น กิเลสเป็นภัยที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเป็นเหตุที่แท้จริง ที่จะต้องได้รับทุกข์ประการต่างๆ เพราะเมื่อมีกิเลส ก็มีการกระทำกรรมชั่ว ทำให้ต้องตกนรกได้ เพราะมีกิเลสนั่นเองที่เป็นภัยครับ

ที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น ภัยที่น่ากลัว ไม่รู้เลยในขณะนี้ คือ ภัย คือ ความไม่รู้ ที่เป็นอวิชชาที่ไม่รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนี้มีความไม่รู้อยู่ ก็ไม่รู้ว่าเป็นภัย เพราะมีอวิชชา จึงมีการทำบาป อกุศลประการต่างๆ และเมื่อไม่รู้ตามความเป็นจริงก็ทำให้เกิดตาย อยู่ร่ำไป นำมาซึ่ง ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เป็นภัย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 14 มิ.ย. 2555

และจากคำถามที่ผู้ถาม ถามว่า ความเกิดดับของสภาพธรรม เป็นภัยอย่างไร

สภาพธรรมที่เกิดดับก็เป็นภัย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ขณะนี้ก็มีภัย คือ สภาพธรรมที่เกิดดับ ขณะที่เกิดขึ้น เป็นภัยแล้ว เพราะจะนำมาซึ่งสภาพธรรมต่างๆ เพราะยัง จะต้องมีสภาพธรรมที่เกิดดับ วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้วนเวียนไปที่จะต้องได้รับ ทุกข์ประการต่างๆ เพราะมีการสืบต่อของสภาพธรรมที่เกิดดับ ดังนั้น แม้สภาพธรรมที่มีในขณะนี้ แม้ยังไม่ได้ทำชั่วอะไรเลย ก็เป็นภัยที่น่ากลัวแล้ว ซึ่งจะเห็นตามความเป็นจริงอย่างนี้ได้ ก็ต้องด้วยปัญญาระดับสูง ครับ

ซึ่ง โดยความละเอียดแล้ว การเกิดดับเป็นภัย เพราะ เมื่อมีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม ก็จะต้องมีการดับไป และ เพราะอาศัยการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม ก็ย่อมนำมาซึ่ง สภาพธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นอีก ยกตัวอย่างเช่น เพราะ อาศัย ปัญจทวาราวัชชนจิต เกิดขึ้นและดับไป เป็นปัจจัยให้เกิดทุกขกายวิญญาณ มีการเจ็บปวดที่กาย ในนรก เป็นต้น เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม มี ปัญจทวาราวัชนจิตแล้ว ก็จะไม่เกิดทุกขกายวิญญาณ หรือ วิบากทางกายไม่ได้เลย นี่คือการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม นำมาซึ่ง ภัย คือ ความทุกข์ทรมานทางกาย

อีกนัยหนึ่ง เพราะอาศัย สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป เช่น อาศัย จิตเห็นเกิดขึ้นและดับไป ก็เป็นปัจจัยให้ผู้ที่ยังมีกิเลส เกิด ความยินดี พอใจในสิ่งที่เห็น เป็นต้นได้ หากไม่มีการเกิดขึ้น และดับไปของจิตเห็น ก็จะไม่มีการเกิดกิเลส ยินดีพอใจ ในสิ่งที่ปรากฏทางตาเลย ครับ จิตได้ยิน โสตวิญญาณ เมื่อเกิดขึ้นและดับไป มี เสียง เป็น อารมณ์ หากไม่มีการเกิดขึ้นของ จิตได้ยิน ก็จะไม่การยินดี พอใจ ในเสียงนั้นเลย เพราะฉะนั้น การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม มีจิตเห็น เป็นต้น นำมาซึ่งภัยอะไร นำมาซึ่งภัย คือ กิเลสนั่นเองครับ ดังนั้น ที่กล่าวข้างต้นในความเห็นที่ 2 ไว้ว่า ภัย มี หลากหลายนัย ก็เพื่อให้เข้าใจว่า การเกิดดับนั้นเป็นภัย เพราะ การเกิดดับของสภาพธรรม นำมาซึ่งภัยประการต่างๆ ทั้งภัยที่ได้รับทุกข์ทรมาน และ นำมาซึ่งภัย คือ กิเลส ด้วย ครับ

จะเห็นนะครับว่า การเกิดดับของสภาพธรรม เป็นภัย เพราะ นำมาซึ่งภัยประการต่างๆ และเพราะมีภัยของกิเลส จึงมีการเกิดขึ้นของสภาพธรรม และเพราะอาศัยการเกิดขึ้นของสภาพธรรม ก็ทำให้ได้รับภัยต่างๆ ครับ

ซึ่ง ขณะนี้มีสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป แต่ยังไม่ได้ประจักษ์ตัวธรรมที่กำลังเกิดขึ้นและดับไป จึงไม่เห็นว่าเป็นภัย เพราะ ขณะนี้ ก็ยังเห็นว่าเที่ยง เห็นไม่ได้ดับไปเลย หากเห็นตามความเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปทุกขณะไม่มีอะไรเลย ย่อมเห็นว่า ขณะนี้เป็นภัย นำมาซึ่งความน่ากลัว ของสิ่งต่างๆ และ ไม่มีสาระอะไรเลยในขณะนี้ เพราะ เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป เท่านั้น เป็นปัญญา ที่เป็นอาทีนวญาณ ที่เป็นวิปัสสนาญาณระดับสูง ครับ

ซึ่งกว่าจะเห็นการเกิดขึ้นและดับไปเป็นภัย จะต้องเริ่มจากปัญญาเริ่มต้น โดยเริ่มจากความเข้าใจ ว่า เป็นแต่เพียงธรรมก่อน หากยังไม่รู้จักตัวธรรม ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นภัย ครับ ซึ่งก็จะต้องเริ่มจาการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 15 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้สั้นๆ ใน mp3 แผ่นหนึ่ง ดิฉันไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียด จึงเขียนมาเรียนถาม ... เข้าใจชัดเจนขึ้นแล้วค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 15 มิ.ย. 2555

ผู้มีปัญญาเห็นการเกิดแม้ภพเดียว นิดเดียวว่าเป็นภัย เปรียบเหมือนกับคูถแม้เล็กน้อย

ก็มีกลิ่นเหม็น การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ นำมาซึ่ง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ฯลฯ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เซจาน้อย
วันที่ 15 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ภัยที่น่ากลัว ไม่รู้เลยในขณะนี้ คือ ภัย คือ ความไม่รู้ ที่เป็นอวิชชา"

"สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อลวงเหมือนเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ปรากฏอยู่ตลอดโดยความเป็นเรา"

"ทุกข์ทั้งหลายเกิดเพราะความไม่รู้ และหวังติดข้องในสภาพธรรมที่เกิดดับ

แม้ว่าหวังสักเท่าไรแต่จะได้มาหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นกับความหวัง

แต่เป็นผลของกรรม"

"ศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจธรรม ความเข้าใจนั้นเอง

ละความไม่รู้ และความติดข้อง

เมื่อปัญญาเจริญขึ้น การประจักษ์สภาพธรรม

จะเป็นไปตามที่ทรงแสดงไว้ทุกประการ"

"ละความไม่รู้เพื่อประโยชน์ คือ ดับทุกข์ทั้งปวง"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ฐาณิญา
วันที่ 20 มิ.ย. 2555

ได้รับความรู้และเข้าใจมากค่ะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พิมพิชญา
วันที่ 20 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณมากค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ฐาณิญา
วันที่ 23 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ