ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๔๓
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๓]
๐ ไม่รอกาลเวลาที่จะถึงอีกสมัยหนึ่งของพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ก็ยังมีโอกาส ที่จะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลา ที่พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่
๐ ถ้าเป็นผู้ที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ก็ย่อมเป็นผู้ที่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม จน กระทั่งถึงการรู้แจ้งอริยสัจธรรม เมื่อนั้นก็ย่อมไม่เกิดในอบายภูมิ
๐ เวลาที่ล่วงศีลแล้ว จิตใจเดือดร้อนกระวนกระวาย อาจจะทำให้คิดถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้ล่วงศีล จิตใจก็กระสับกระส่าย แต่ผู้ที่สามารถจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และ น้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจธรรม ศีลของท่านจะสมบูรณ์คือ เป็นผู้ ที่ไม่ล่วงศีล ๕ ก็จะไม่เป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรมบถ ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดใน อบายภูมิ
๐ อกุศลทุกประเภท เช่น ความติดข้อง ความโกรธ ความริษยา ความตระหนี่ ความเคลือบแคลงสงสัย ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ความไม่รู้ เป็นต้น ทั้งหมดเป็น ธรรมเว้นจากสติ
๐ เป็นการดี ที่ได้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ประโยชน์ของพระธรรม คือ ทำให้ รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง รู้จักสภาพธรรมที่เกิดขึ้นกับตนเองตรงตามความเป็นจริง ว่าไม่มีตัวตน แต่เป็นสภาพธรรมต่างๆ ลักษณะของจิตต่างๆ ลักษณะของเจตสิก ต่างๆ ลักษณะของรูปต่างๆ
๐ ต้องไม่ลืมว่า ปัญญาจะต้องอบรมเจริญต่อไปอีก จนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้ เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังนี้เป็นเครื่องเกื้อกูล เป็นเครื่องส่องทางให้รู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถจะดับกิเลสได้ นอกจากปัญญา
๐ เรื่องของมิตรเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเหตุว่าการคบกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด อาจจะนำความเจริญอย่างมากมาให้ หรือว่าอาจจะนำความเสื่อมอย่างมากมาให้ ซึ่ง
๐ ความเสื่อมอย่างมาก คือ ความเสื่อมโดยเห็นผิดในข้อประพฤติปฏิบัติในธรรม
๐ ถ้าหวังร้ายต่อใคร หรือว่ายินดีในความพินาศของใคร ขณะใด ขณะนั้นไม่ได้ เจริญเมตตา
๐ การเข้าใจสิ่งที่มีจริง มีได้แน่นอน แต่ต้องอาศัยการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัม
๐ พุทธเจ้าทรงแสดง การฟังพระธรรมทั้งหมด ก็เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
๐ ปัญญา เป็นธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่อวิชชาและกิเลสทั้งหลายไม่สามารถ รู้ตามความเป็นจริงได้
๐ ไม่อยากไปเกิดในทุคติภูมิ แต่อย่างไรก็ต้องเกิด ถ้ามีเหตุปัจจัยที่จะทำให้มีการ เกิดในอบายภูมิ ใครๆ ก็ยับยั้งไม่ได้
๐ ค่อยๆ ละเว้นจากอกุศลธรรมด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ห่างไกลจาก อกุศลธรรมด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ
๐ งานที่ยิ่งใหญ่ ภาระที่ยิ่งใหญ่ ก็คือ การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ใช่ไปทำอะไร ด้วยความไม่เข้าใจ
๐ ถึงแม้ว่าจะดีแสนดี ก็ยังไม่บริสุทธิ์ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญา ก็ยังมีการยึดถือว่าเป็นความดีของเรา เป็นเราที่ดี ไม่ได้เข้าใจเลยว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
๐ เมื่อรู้ว่าตนเองเข้าใจธรรมผิด ไม่ตรงแล้ว ควรที่จะเป็นอย่างไรต่อไป? คำตอบ คือ ควรฟังพระธรรมต่อไป
๐ ต้องฟังพระธรรม ถึงจะรู้ได้ว่ามีความติดข้อง มีความมัวเมา มีกิเลสมากมาย ถ้าไม่ติดข้อง จะต้องการอะไรหรือไม่?
๐ สิ่งสำคัญ คือ ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่คิดธรรมเอาเอง
๐ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียด โดยประการ ทั้งปวง ก็เพื่อให้เห็นความไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา)
๐ สิ่งที่ไม่ดี คือ กิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย นำมาซึ่งโทษโดยส่วนเดียว
๐ เพราะไม่รู้ จึงฟังพระธรรม จะได้เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่ได้ฟังตามความเป็นจริง จะให้รู้ธรรมโดยไม่ฟังพระธรรม จะเป็นไปได้อย่างไร
๐ อวิชชา (ความไม่รู้) จะนำมาซึ่งความรู้ ไม่ได้ อวิชชา เป็นมูลรากให้เกิดอกุศล ทั้งหลายมากมาย
๐ ถ้าเป็นผู้ระลึกถึงความตายได้ ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต
๐ สังสารวัฏฏ์ก็จะยืดยาวต่อไปอีก เกิดอีกต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น ตราบใด ที่ยังไม่เริ่มได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง
๐ ธรรม ควรค่าแก่การเข้าใจ ผู้เห็นประโยชน์จึงมาฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจธรรม ตามความเป็นจริง
๐ กัลยาณมิตร สูงสุดเพียงพระองค์เดียว คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรง เป็นโทษกับใครๆ เลยแม้ท่านพระเทวทัตจะคิดร้ายอย่างไรกับพระองค์
๐ การที่จะละความติดข้องและอกุศลทั้งหลายได้ ไม่ใช่ด้วยความไม่รู้ความจริง แต่ด้วยปัญญา ที่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกจนถึงที่สุดได้ ตามลำดับ แม้โลภะที่เกิด สะสมมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ก็สามารถดับได้จนหมดสิ้นไม่เกิดอีกเลย
๐ เคารพในธรรม คือ ตั้งใจฟัง ตั้งใจที่จะเข้าใจพระธรรมที่ได้ฟัง
๐ ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ประมาทพระธรรมในแต่ละคำที่ได้ฟัง
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๔๒ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ
- สภาพธรรมเกิดแล้ว ดับแล้ว สุดที่จะประมาณได้ถ้าไม่มีการนับ วัน เดือน ปีก็ไม่ สามารถที่จะรู้ได้เลย ว่า วันเวลา ล่วงเลยไปนานเท่าไร แต่ว่า ประโยชน์ของการที่ ได้มี วันเวลาใหม่ "ทุกขณะ"ก็เพื่อที่จะได้ "เข้าใจธรรมะ" นี่เป็นประโยชน์สูงสุด.
- เราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่า จะจากโลกนี้ไปขณะไหน ถ้าเป็น "ขณะที่กำลังเข้าใจ พระธรรม" จนกระทั่งสามารถที่จะ "รู้ลักษณะ" ที่กำลังเป็น "ธรรม" ในขณะนี้ได้ "ขณะนั้น" ก็ประเสริฐที่สุด เพราะขณะนั้น จากไปด้วยความเห็นถูก "ความเข้าใจถูก" ในสิ่งซึ่งไม่มีสาระ
- คนที่มีปัญญา เห็นประโยชน์ของการมีชีวิต ควรที่จะเห็นถึงคุณค่าของ "ขณะที่ ประเสริฐ" ขณะที่เป็นกุศล คือ ขณะที่ประเสริฐ และ "กุศลนั้น" ก็ต้องประกอบด้วย "ความเข้าใจพระธรรม" ด้วย
- "อริยสาวิตรี" คือ การเป็นผู้ที่มี พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ เป็น ที่พึ่งที่แท้จริง สิ่งอื่นพึ่งได้ไหม เช่น ขณะที่กำลังเห็น ในขณะนี้ มีสิ่งที่ "กำลังปรากฏ" พึ่งอะไร
- ถ้าขณะนั้น โลภะเกิด โทสะเกิด โมหะเกิด ชื่อว่า ขณะนั้น ไม่มี อะไร เป็นที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริง คือ "ปัญญา"
- ปีเก่า ปีใหม่ก็เป็น "แต่ละขณะ" ซึ่งผ่านไปเป็นเพียงการกำหนดเวลา เท่านั้นเอง แต่ "การบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการศึกษาพระธรรม" เป็น "แต่ละขณะ" ที่มีค่ายิ่ง
- แม้ "ศรัทธา" ที่จะชื่นชม อนุโมทนา ในคุณของกุศลธรรมก็เป็นการ "รู้คุณ" ของกุศลธรรมขณะนั้น ก็เป็น "ศรัทธา" ในกุศลธรรม แต่ยังไม่ได้ "กระทำกุศลกรรม" แต่ เมื่อมี "ศรัทธา" ในกุศลธรรม และ กระทำกุศลกรรมด้วยย่อมเห็นถึงความต่างกัน ระหว่าง เพียงความ ศรัทธาในกุศลธรรมและความศรัทธาที่เพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถ ที่จะ "กระทำกุศลกรรม" ต่างๆ นั้น ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะเจริญกุศลทุกประการ เท่าที่สามารถจะกระทำได้ไม่เพียงแต่ศรัทธา อนุโมทนาในกุศลธรรมของ บุคคลอื่นแต่ ไม่ได้กระทำกุศลกรรมนั้นเลย เพราะ "กุศลกรรม" ทำให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ควรเป็นมนุษย์ ที่ทำความดี เป็น "คนดี ที่มีความเข้าใจธรรม" มิฉะนั้น ก็เพียงแต่ได้ เกิดมา เป็น มนุษย์เท่านั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
- ต้องไม่ลืมว่า ปัญญาจะต้องอบรมเจริญต่อไปอีก จนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้ เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังนี้เป็นเครื่องเกื้อกูล เป็นเครื่องส่องทางให้รู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถจะดับกิเลสได้ นอกจากปัญญา
- ต้องฟังพระธรรม ถึงจะรู้ได้ว่ามีความติดข้อง มีความมัวเมา มีกิเลสมากมาย
- ถ้าไม่ติดข้อง จะต้องการอะไรหรือไม่?
- เราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่า จะจากโลกนี้ไปขณะไหน ถ้าเป็น "ขณะที่กำลังเข้าใจ พระธรรม" จนกระทั่งสามารถที่จะ "รู้ลักษณะ" ที่กำลังเป็น "ธรรม" ในขณะนี้ได้ "ขณะนั้น" ก็ประเสริฐที่สุด เพราะขณะนั้น จากไปด้วยความเห็นถูก "ความเข้าใจถูก" ในสิ่งซึ่งไม่มีสาระ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ. เผดิม ที่กรุณา ปันธรรม ค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นและอาจารย์ผเดิมครับ
ปีเก่า ปีใหม่ก็เป็น "แต่ละขณะ" ซึ่งผ่านไปเป็นเพียงการกำหนดเวลา เท่านั้นเอง แต่ "การบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการศึกษาพระธรรม" เป็น "แต่ละขณะ" ที่มีค่ายิ่ง
ขอน้อมจิตอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยเศียรเกล้าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เรื่องของมิตรเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเหตุว่าการคบกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด อาจจะนำความเจริญอย่างมากมาให้ หรือว่าอาจจะนำความเสื่อมอย่างมากมาให้ ซึ่ง ความเสื่อมอย่างมาก คือ ความเสื่อมโดยเห็นผิดในข้อประพฤติปฏิบัติในธรรม
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ ไม่ประมาทพระธรรมในแต่ละคำที่ได้ฟัง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
โกรธแล้ว ใครมีความสุขบ้าง? ใช่ โกรธแล้วไม่มีความสุข แล้วโกรธ ทำไม?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ. คำปั่นและทุกๆ ท่าน
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ