มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก

 
พิมพิชญา
วันที่  18 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21274
อ่าน  1,468

กราบเรียนถามนะคะ จากการอ่านพระสูตรนี้

//dhammahome.com/webboard/topic/15500

"มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก"

คำว่า ผล นี่คือวิบากใช่มั้ยคะ

แล้วอานิสงส์นี่คืออะไรคะ เพิ่งทราบว่าอานิสงส์กับผลนี่คือคนละอย่างกัน

รบกวนขอคำอธิบายอย่างละเอียดทีค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า ผล กับ อานิสงส์ บางนัย ก็มีความหมายเหมือนกัน ที่เป็นเรื่องของผล ที่เกิด จากเหตุ มีวิบากที่เป็นผลของกรรม เป็นต้น แต่ เราจะต้องไม่ลืมความละเอียดว่า ผล ที่ได้รับนั้น มีหลายระดับ ทั้งที่เป็นความสุขที่เป็นเพียงโลกียะ คือ ยังไม่พ้นไปจากการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ เป็นผลที่เนื่องด้วยกิเลส คือ ไม่สามารถทำให้ดับกิเลสได้ เป็น เพียงผลที่ได้รับความสุขทำให้เกิดในสวรรค์ เป็นต้น แต่ผลนั้นไม่ได้ทำให้ละคลาย กิเลส กับ ผล อีกอย่างหนึ่ง ที่เป็นผล ที่เป็นไปเพื่อละคลายกิเลส และถึงการดับกิเลสได้ ผลนี้เอง เป็นผลมาก เพราะเป็นไปเพื่อไม่ต้องมีการเกิดในสวรรค์ และ ไม่ต้อง ประสบทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ แต่เป็นผลที่ทำให้ละคลายกิเลสที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เพราะฉะนั้นตามที่ลิงก์ที่ผู้ถามได้ยกมานั้น ทานที่บุคคลให้ มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์ มาก คือ บางคนให้ทานหวังเกิดในสุคติ หรือ ให้ทาน เพราะคิดว่าให้ทานเป็นความดี การให้ทานเหล่านี้ มีผลมาก คือ ทำให้เกิดในสวรรค์ แต่ไม่มีอานิสงส์มาก คือ ไม่ทำให้ออกจากวัฏฏะ และไม่ทำให้ขัดเกลากิเลส จึงใช้คำว่า ไม่มีอานิสงส์มาก คือ ไม่มี อานิสงส์มาก เพียงพอที่จะขัดเกลากิเลส จนถึงการดับทุกข์ คือ ไม่ใช่หนทางการดับกิเลสนั่นเอง เพราะยังทำทานด้วยความหวัง และทำทานด้วยความเป็นเรา

ส่วน ทานที่ประเสริฐ คือ การให้ทานที่ปรุงแต่งจิต เป็นการให้ทานอันเป็นไปเพื่อการเจริญขึ้นของสมถภาวนาและวิปัสสนา จนถึงการดับกิเลส มีขณะที่ให้ทาน แล้วสติปัฏฐานเกิดรู้ความจริงของสภาพธรรม ขณะนั้น การให้ทานปรุงแต่งจิต เป็นการให้ทาน ที่มีผลมาก และ มีอานิสงส์มากด้วย คือ ผลจากการให้ทาน ก็มาก มีการเกิดในสุคติ โลกสวรรค์ และ มีอานิสงส์มากด้วย คือ เป็นหนทางการละคลายและการดับกิเลส เพราะ เป็นทานที่ประกอบด้วยปัญญา และ มีการเจริญวิปัสสนา อันเป็นหนทางการ ดับกิเลส จนถึงขณะที่รู้ความจริงในขณะที่ให้ทาน ว่าไม่ใช่เราที่ให้ เป็นแต่เพียงธรรม จึงเป็นการละคลายความไม่รู้ จึงมีอานิสงส์มาก เพราะ มีอานิสงส์ ผล คือ ละคลาย กิเลส อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ครับ นี่คือ ความแตกต่าง ระหว่าง ผล กับ อานิสงส์ บางนัย ตามที่กล่าวมา

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
edu
วันที่ 19 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับผม ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ฐาณิญา
วันที่ 20 มิ.ย. 2555

ได้ความรู้มากเลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พิมพิชญา
วันที่ 20 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณมากค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 21 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 21 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเจริญกุศลในทางพระพุทธศาสนาทุกอย่างทุกประการ ต้องเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล และการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นต้น ก็เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อหวังผลหรือต้องการผลจากการได้เจริญกุศลประการนั้นๆ เพราะเมื่อเหตุสมควรแก่ผล ผลก็ต้องเกิดขึ้นเป็นไปอยู่แล้ว โดยไม่ต้องหวัง เพราะในขณะที่หวังนั้น เป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล

ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะอุปการะเกื้อกูลให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะถูกดับหมดสิ้นไปได้ในที่สุด

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ฐาณิญา
วันที่ 23 มิ.ย. 2555

ขอบคุณค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ฐาณิญา
วันที่ 31 ก.ค. 2555

สาธุ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ