ผู้ป่วยเป็นอัมพาตสามารถฟังธรรมให้เข้าใจได้รึป่าวค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คือมีญาติซึ่งเพิ่งเป็นอัมพาตได้ประมาณ ๖ เดือนแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ และโอกาสที่จะหายเป็นปกติก็ยากค่ะ แต่เวลาพูดคุยหรือถามอะไรบางครั้งก็ดูเหมือนสื่อสารเข้าใจได้ ก็เลยมีความคิดว่าจะนำซีดีของท่าน อ.สุจินต์ไปเปิดให้ฟัง
อยากจะเรียนถามว่าลักษณะของคนที่ร่างกายไม่ปกติ แต่ทางจิตจะสามารถรับรู้และเข้าใจคำบรรยายต่างๆ ได้รึเปล่าคะ
ท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณทางเว็บที่ให้ความรู้ความเข้าใจ และแก้ไขความติดข้องสงสัยได้ตลอดมาค่ะ ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับคนเป็นอัมพาต ขยับร่างกายไม่ได้ เพราะ รูปไม่ควรแก่การงาน ทำให้แม้มีความต้องการจะเคลื่อนไหว ก็ไม่สามารถจะขยับได้ แต่ อย่างไรก็ดี หากยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องมีการเกิด มีขันธ์ ๕ มี จิต เจตสิกและรูป และ แม้ขยับร่างกายไม่ได้ แต่ก็ยังมีจิต เจตสิก และ รูป ที่เกิดขึ้นเป็นไป
ดังนั้น ก็มีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก เป็นปกติ มีการเห็น การได้ยิน และที่สำคัญมีการคิดนึก ซึ่งก็คิดนึก เป็นไปในอกุศลบ้าง กุศลบ้างตามการสะสม เพราะฉะนั้น เมื่อยังมีการได้ยิน ก็สามารถฟังพระธรรม ได้ยินพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องได้ ครับ
เมื่อมีการได้ยิน โดยทั่วไป เมื่อได้ยินเรื่องอะไร ก็คิดนึก เป็นไปในอกุศลเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อได้ยินพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ก็สามารถสะสมความคิดใหม่ ขณะที่เข้าใจพระธรรม เล็กน้อย ก็เป็นกุศลได้
เพราะฉะนั้น แม้ร่างกาย จะป่วย ขยับร่างกายไม่ได้ แต่ก็มีจิตที่คิดนึก และมีการได้ยินที่เป็นจิตประเภทหนึ่ง ก็ทำให้สามารถ อบรมปัญญา เข้าใจพระธรรมได้ ครับ
ผู้ที่ไม่สามถจะอบรมปัญญาได้ หากยังเป็นปุถุชนอยู่ คือ อรูปพรหมที่ไม่มีรูป คือ ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย จึงไม่มีการเห็น การได้ยินเลย ก็ไม่สามารถจะรับฟังพระธรรมได้ ก็ไม่สามารถอบรมปัญญาได้ ครับ และ อสัญญสัตตาพรหม ที่มีแต่รูป ไม่มีนาม คือ ไม่มีจิต เจตสิก ก็ไม่การได้ยิน ได้เลย เพราะ การได้ยินเป็นจิต เมื่อไม่มีจิต ก็ไม่มีการได้ยินพระธรรม ครับ
ส่วนผู้เป็นอัมพาต ยังมีจิต เจตสิก รูป เพียงแต่รูปไม่ควรแก่การงานในการเคลื่อนไหว แต่ยังมี หู โสตปสาท ยังมีการได้ยินได้ หากสะสมปัญญา ความเข้าใจมา ก็สามารถเข้าใจพระธรรม จากการฟังพระธรรมได้ ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ฟังได้ค่ะ แต่จะเข้าใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ...
ศรัทธาที่จะน้อมไป (ในการฟัง)
ปัญญาที่ได้สั่งสมมาแต่ปางก่อน
การใส่ใจและพิจาณาในสิ่งที่ฟังโดยแยบคาย
และข้อสำคัญคือมีกัลยาณมิตร ที่เป็นคนใกล้ชิดคอยดูแลค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การฟังพระธรรม คือ ฟังในสิ่งที่มีจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง การที่จะได้ฟังพระธรรม นั้น ย่อมมีเหตุ เหตุที่ว่านั้น ก็คือ ความเป็นผู้ที่เคยได้สะสมการฟังพระธรรมมาแล้ว มีศรัทธาที่จะฟัง จึงทำให้สนใจที่จะฟัง ที่จะศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดพิจารณาว่า ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม จะเป็นวัยใด เพศใด อยู่ในฐานะใด ประโยชน์ก็ย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก
ดังนั้น เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่น สำหรับเราแล้ว เมื่อมีโอกาสที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ก็ควรที่จะได้ฟัง ได้ศึกษา ต่อไป ไม่ละทิ้งการฟังพระธรรม ฟังพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป การฟังพระธรรมในแต่ละครั้ง ไม่ไร้ผล เพราะเป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณอ.ผเดิมและอ.คำปั่นด้วยนะคะ ที่ให้ความรู้ ข้อความที่สงสัยสอบถามมาคงจะไม่มีใครจะทราบได้หรอกนะคะ ว่าเค้าจะสามารถเข้าใจในการฟังธรรมมากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะไม่มีโอกาสได้รู้เลยรึเปล่า เพราะทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า ... เค้าได้สะสมการฟังพระธรรมมา และศรัทธาที่จะฟังมารึเปล่า ... แต่ก็คงจะลองเปิดให้ฟังดูอย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่ให้เค้าต้องปล่อยจิตไปเรื่อยๆ โดยไม่มีสาระ และต่อจากนั้นก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของการสะสมมาแล้วละค่ะ ...
กราบอนุโมทนาด้วยค่ะ ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"การฟังพระธรรมในแต่ละครั้ง ไม่ไร้ผล
เพราะเป็นการสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ครับ"
"เมื่อยังมีการได้ยิน ก็สามารถฟังพระธรรม ได้ยินพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องได้ ครับ "
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ