ทำไมมารดาบิดาจึงเป็นผู้ที่กระทำตอบแทนบุญคุณได้ยากครับ

 
emancipation
วันที่  27 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21308
อ่าน  2,131

จากคำถาม เคยอ่านพบว่าบุคคลสองท่่าน ที่กระทำตอบแทนได้ยากยิ่ง คือ มารดาบิดา อยากทราบว่าเพราะอะไร มารดาบิดาถึงเป็นผู้ที่บุตรจะกระทำตอบแทนได้ยากยิ่งครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 27 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากคำถาม เคยอ่านพบว่าบุคคลสองท่่าน ที่กระทำตอบแทนได้ยากยิ่ง คือ มารดา บิดาอยากทราบว่าเพราะอะไร มารดาบิดาถึงเป็นผู้ที่บุตรจะกระทำตอบแทนได้ยากยิ่ง?

เพราะมารดาบิดาเป็นผู้มีพระคุณต่อบุตรธิดา เป็นอย่างมาก การที่จะกระทำตอบแทนให้สมบูรณ์เหมือนอย่างที่ท่านเลี้ยงดูเรามา จึงไ่ม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ข้อที่ควรจะได้พิจารณา คือ

พระคุณของมารดาบิดา ที่ท่านได้กระทำต่อบุตรนั้น มีมากมายมหาศาล ยากที่จะพรรณนาให้หมดสิ้นได้ ท่านเป็นผู้ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตอย่างปลอดภัย โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ท่านเป็นผู้พร่ำสอนให้บุตรออกจากความชั่ว แล้วให้ตั้งอยู่ในความดี สอนให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ พร้อมทั้งให้ศึกษาศิลปวิทยา เพื่อให้บุตรมีความรู้ติดตัวอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งการงานประการต่างๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของบุตรดำเนินไปด้วยความไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า เป็นต้น

เมื่อมารดาบิดาเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อบุตร มากมายมหาศาลอย่างนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บุตรจะต้องมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้ถึงพระคุณที่มารดาบิดากระทำแก่ตนแล้วกระทำตอบแทนท่าน ถ้าหากว่าบุตรคนใดไม่รู้คุณอีกทั้งไม่ทำการตอบแทนพระคุณของมารดาบิดา บุตรนั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นบุตรอกตัญญู (คนอกตัญญู ย่อมไม่พบหนทางแห่งความเจริญในชีวิต)

ส่วนบุตรผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดานั้น บัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญแล้ว ดังนั้น ความกตัญญูกตเวที เป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้น ถึงแม้ว่าบุตรจะยังไม่สามารถกระทำตอบแทนพระคุณมารดาบิดาได้อย่างสูงที่สุด ด้วยการให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธา ศีล จาคะ (การสละ, การให้) และ ปัญญา ก็ตาม แต่การที่ได้รู้ว่า ท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณมากมายมหาศาลแล้วทำการเลี้ยงดู ปรนนิบัติเอาใจใส่ดูแลท่านเป็นการตอบแทน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม ช่วยเหลืองานของท่านเท่าที่จะทำได้ ตั้งใจเป็นคนดี ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรจะพึงกระทำ ทั้งนั้น จนกว่าจะเป็นผู้ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา มีความเข้าใจถูกที่เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ เมื่อนั้นจึงจะเป็นผู้สามารถตอบแทนพระคุณของมารดาบิดาอย่างสูงสุด ด้วยการให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาศีล จาคะ และ ปัญญาได้ ก่อนอื่นที่สุดต้องเริ่มที่ตนเองก่อน จึงจะสามารถเกื้อกูลผู้อื่นให้เข้าใจตามความเป็นจริงได้ในโอกาสต่อไป ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
edu
วันที่ 27 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับผม...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 27 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคล ๒ จำพวก ที่กระทำตอบแทนไม่ได้โดยง่าย คือ บิดา มารดา ซึ่งข้อความในพระไตรปิฎก อธิบายไว้ครับว่า แม้ว่า จะให้มารดา บิดา นั่งอยู่บนบ่า คนละข้าง ตลอดอายุ ๑๐๐ ปี และทำการดูแลทุกๆ อย่าง บนบ่าของตน การกระทำอย่างนั้น ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนพระคุณท่านเลย หรือ แม้ว่า จะให้ทรัพย์สมบัติที่มีบนโลกทั้งหมด ให้กับบิดามารดา การกระทำอย่างนั้น ก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนพระคุณท่านเลย

ซึ่ง คำถามว่า ทำไม บิดา มารดา จึงเป็นบุคคลที่ตอบแทนพระคุณของท่านได้ยากยิ่ง ซึ่งข้อความในอรรถกถา ก็อธิบายประเด็นนี้ไว้ชัดเจน ว่า มารดา บิดา เป็นผู้แสดงโลกนี้กับบุตร คือ เป็นผู้ให้กำเนิดบุตร และ เลี้ยงดู บุตร ดูแล แม้แต่เพียงแรกเริ่ม เมื่อคลอดออกมา จนโตใหญ่ หากไม่มีบิดา มารดา แล้ว ก็คงไม่มีเราทุกวันนี้ ไม่มีเราที่จะมีทรัพย์สินเงินทอง หรือ โตขึ้นมา มีหน้าที่การงานที่ดี หรือ แม้ว่าจะไม่มีทรัพย์สิน เงินทอง หน้าที่การงานดี แต่หากไม่มี บิดา มารดา ก็คงไม่สามารถเกิดมาดำรงชีวิต เกิดมาเป็นมนุษย์และโตจนถึงทุกวันนี้ได้เลย ครับ และคงไม่ได้มีโอกาสเห็น ได้ยิน สิ่งที่ดี ไม่ดี บนโลกนี้ได้ หากปราศจาก มารดา บิดา เพราะฉะนั้น มารดา บิดา จึงมีพระคุณหาประมาณไม่ได้ ที่ทำให้เราได้เกิดมาบนโลกนี้

ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่อธิบายถึง การกระทำตอบแทนมารดา บิดานั้นยากเพราะ

พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 359

บทว่า อาปาหกา แปลว่า เป็นผู้ให้เติบโต เป็นผู้ดูแล. เพราะบุตรทั้งหลาย บิดามารดาทำให้เติบโตและดูแลแล้ว.

บทว่า โปสกา ได้แก่ เป็นผู้เลี้ยงดู โดยให้มือเท้าเติบโต ให้ดื่มโลหิตในหทัย. เพราะบิดามารดาเลี้ยงบุตรอย่างดีประคบประหงมด้วยข้าวน้ำเป็นต้น .

บทว่า อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร ความว่า ถ้าในวันที่บุตรเกิด บิดามารดาจะจับเท้าบุตรเหวี่ยงไปในป่าหรือในเหว บุตรก็จะไม่ได้เห็นอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ในโลกนี้ แต่เพราะท่านไม่ทำอย่างนี้ ฟูมฟักเลี้ยงดู บุตรจึงเห็นอิฏฐารมณ์ (สิ่งที่ดี) และอนิฏฐารมณ์ (สิ่งที่ไม่ดี) ในโลกนี้ เพราะอาศัยบิดามารดา ฉะนั้น บิดามารดาจึงชื่อว่าเป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร.

จะเห็นนะครับว่า หากว่ามีคนกล่าวและถามว่าว่า ถ้าพ่อแม่ที่ไม่เลี้ยงดูเราจะมีพระคุณมาก ไหม

คำตอบ ก็คือ มากอยู่ดี และตอบแทนได้ยาก เพราะ ข้อความในอรรถกถาที่ยกมาข้างต้นก็กล่าวอยู่แล้วว่า หาก ในวันที่บุตรเกิด บิดา มารดา จับเหวี่ยงไปในป่า หรือเหว ฆ่าเสีย ก็จะไม่ได้เติบโตมาดูโลกนี้เลย นี่แสดงว่า ท่านมีพระคุณเพราะท่านให้กำเนิดเรา และ ไม่ทำร้ายเรา แม้จะไม่เลี้ยงดูต่อมาก็ตาม ก็ชื่อว่ามีพระคุณมาก ด้วยนัยนี้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 27 มิ.ย. 2555

ส่วน บิดา มารดา มีพระคุณมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่ท่านเลี้ยงดูเรามา ตั้งแต่เล็ก ให้ดื่มเลือดในหทัย คือ น้ำนม และ อบรม สั่งสอน แนะนำในสิ่งที่ควร ให้ความสุข ศิลปวิชา เป็นครูคนแรก เป็นเนื้อนาบุญของบุตร เป็นบุคคลที่กระทำตอบแทนได้ยาก ครับ ตามที่กล่าวมาทั้งหมด ครับ

ผู้ที่จะตอบแทนมารดา บิดาได้จริงๆ คือ ผู้ที่มารดาบิดา ตั้งอยู่ในธรรม มีศรัทธา ศีล การสดับฟังพระธรรม การมีจาคะ สละ ทรัพย์สินและกิเลส และให้มีปัญญา เข้าใจธรรม ผู้ที่กระทำได้อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นการตอบแทนพระคุณของท่านได้จริงๆ เพราะ ทำให้ท่าน ได้พ้นจากทุกข์ จากสังสารวัฏฏ์ทั้งปวงในอนาคต ไม่ต้องเกิดมาเป็นบิดา มารดา และบุตร ที่จะต้องทำให้ได้รับทุกข์กาย และใจ ในสังสารวัฏฏ์ ครับ

แต่แม้ปัจจุบันหากยังไม่สามารถกระทำให้ท่านสนใจพระธรรม หรือเข้าใจธรรมได้ แต่เราก็ทำหน้าที่ของบุตรให้ดีที่สุด ด้วยการกระทำการช่วยเหลือกิจการงาน และ ดูแล ให้ข้าวปลา อาหาร เท่าที่ทำได้ โดยไม่เดือดร้อนใจ ว่าจะต้องทำให้ท่านเข้าใจ เพราะ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพียงแต่ ทำกับท่านด้วยเมตตา และ ก็สามารถสนทนาด้วยเมตตา ด้วยการสอดแทรกธรรม ในการสนทนาเหตุการณ์ทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ ก็แล้วแต่ว่าท่านจะสนใจหรือไม่ เพียงแต่ทำหน้าที่ของบุตรให้ดีที่สุดโดยไม่หวัง ก็จะสบายใจ และ หากบิดา มารดา ล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญ อุทิศกุศลไปให้ท่าน นี่คือการทำหน้าที่ของบุตรที่ดี ในพระธรรมวินัยนี้ ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
emancipation
วันที่ 28 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wanipa
วันที่ 28 มิ.ย. 2555
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในบุญกุศลค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
aurasa
วันที่ 28 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
หลานตาจอน
วันที่ 28 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 29 มิ.ย. 2555

ท่านพระสารีบุตร ได้ทดแทนพระคุณของมารดา ด้วยการแสดงธรรมให้มารดาฟัง จนมารดาได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จึงจะชื่อว่าได้ทดแทนพระคุณอย่างสูงสุด ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
talaykwang
วันที่ 19 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาในกุศล​ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Jarunee.A
วันที่ 29 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
อย่าหยิ่งผยอง
วันที่ 6 พ.ค. 2567

ขออนุโมทนาสาธุค่ะ หนูพยายามเปิดบทสนทนาของบ้านธัมมะให้พ่อกับแม่ฟังแต่แม่หนูบอกว่าเค้าไม่ชอบเลยอะไรแบบนี้ ส่วนพ่อหนูเค้าก็ไม่เชื่อเลยทั้งนรกทั้งสวรรค์ เค้าบอกว่าตายแล้วชาติหน้ามีจริงรึป่าวก็ไม่รู้ แต่หนูก็พยายามเป็นคนที่ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ