ธาตุสูตร ... วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
ธาตุสูตร
(ว่าด้วยความต่างแห่งธาตุ)
จาก... [เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ หน้าที่ ๔๐๗
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๕๕)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ หน้าที่ ๔๐๗
ธาตุสูตร
(ว่าด้วยความต่างแห่งธาตุ)
[๓๓๓] พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้ง
หลาย แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงความต่างแห่งธาตุแก่เธอ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงตั้งใจฟัง จงกระทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าวบัดนี้
ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
[๓๓๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความต่างแห่ง
ธาตุเป็นไฉน? คือ จักขุธาตุ รูปธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ โสตธาตุ สัททธาตุ
โสตวิญญาณธาตุ ฆานธาตุ คันธธาตุ ฆานวิญญาณธาตุชิวหาธาตุ รสธาตุ ชิวหา-
วิญญาณธาตุ กายธาตุ โผฏฐัพพธาตุ กายวิญญาณธาตุ มโนธาตุ ธรรมธาตุ มโน-
วิญญาณธาตุ นี้เราเรียกว่า ความต่างแห่งธาตุ.
จบธาตุสูตรที่ ๑.
ธาตุสังยุตต์
นานัตตวรรคที่ ๑
อรรถกถาธาตุสูตรที่ ๑
พึงทราบวินิจฉัยในธาตุสูตรที่ ๑ แห่งนานัตตวรรค ดังต่อไปนี้.-
ความที่ธรรมมีสภาพต่างกัน ได้ชื่อว่า ธาตุ เพราะอรรถว่า เป็นสภาวะ กล่าวคือ
มีอรรถว่า มิใช่สัตว์ และอรรถว่าเป็นของสูญ (ว่างเปล่า) ดังนี้ชื่อว่า ความต่างแห่งธาตุ.
ในบทเป็นต้นว่า จกฺขุธาตุ ความว่า จักขุปสาท ชื่อว่า จักขุธาตุ, รูปารมณ์ ชื่อว่า
รูปธาตุ, จิตที่มีจักขุปสาทเป็นที่อาศัย ชื่อว่า จักขุวิญญาณธาตุ. โสตปสาท ชื่อว่า
โสตธาตุ, สัททารมณ์ ชื่อว่า สัททธาตุ, จิตที่มีโสตปสาทเป็นที่อาศัย ชื่อว่าโสต-
วิญญาณธาตุ, ฆานปสาท ชื่อว่า ฆานธาตุ, คันธารมณ์ ชื่อว่า คันธธาตุ, จิตที่มี
ฆานปสาทเป็นที่อาศัย ชื่อว่า ฆานวิญญาณธาตุ, ชิวหาปสาท ชื่อว่า ชิวหาธาตุ,
รสารมณ์ ชื่อว่า รสธาตุ, จิตที่มีชิวหาปสาทเป็นที่อาศัย ชื่อว่า ชิวหาวิญญาณ
ธาตุ, กายปสาท ชื่อว่ากายธาตุ, โผฏฐัพพารมณ์ ชื่อว่า โผฏฐัพพธาตุ, จิตที่มี
กายปสาทเป็นที่อาศัย ชื่อว่า กายวิญญาณธาตุ, มโนธาตุ ๓ ชื่อว่า มโนธาตุ,
ขันธ์ ๓ มีเวทนาเป็นต้น (เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์) สุขุมรูป และ
นิพพาน ชื่อว่า ธรรมธาตุ, มโนวิญญาณ แม้ทั้งหมด ชื่อว่า มโนวิญญาณธาตุ,
ก็ในข้อนี้ ธาตุ ๑๖ อย่าง เป็นกามาวจร ธาตุ ๒ ในที่สุดเป็นไปในภูมิ ๔.
จบอรรถกถาธาตุสูตรที่ ๑.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
ธาตุสูตร
(ว่าด้วยความต่างแห่งธาตุ)
เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน พระองค์ได้ทรง
แสดงความต่างแห่งธาตุ (ธาตุต่างๆ ) แก่ภิกษุทั้งหลาย ว่า ธาตุต่างๆ มีดังนี้ .-
จักขุธาตุ (ตา) รูปธาตุ (สี) จักขุวิญญาณธาตุ (จิตเห็น)
โสตธาตุ (หู) สัททธาตุ (เสียง) โสตวิญญาณธาตุ (จิตได้ยิน)
ฆานธาตุ (จมูก) คันธธาตุ (กลิ่น) ฆานวิญญาณธาตุ (จิตได้กลิ่น)
ชิวหาธาตุ (ลิ้น) รสธาตุ (รส) ชิวหาวิญญาณธาตุ (จิตลิ้มรส)
กายธาตุ (กาย)
โผฏฐัพพธาตุ (สิ่งที่กระทบกาย ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุไฟ และธาตุลม)
กายวิญญาณธาตุ (จิตรู้สิ่งที่กระทบกาย)
มโนธาตุ (จิต ๓ ดวง ที่รู้อารมณ์ได้ทาง ๕ ทวาร ได้แก่ ปัญจทวาราวัชชนจิต และ
สัมปฏิจฉันนจิต ๒ ดวงที่เป็นกุศลวิบาก และ อกุศลวิบาก)
ธรรมธาตุ (เจตสิกทั้งหมด สุขุมรูป ๑๖ และ พระนิพพาน)
มโนวิญญาณธาตุ (จิตที่เหลือ ยกเว้นทวิปัญจวิญญาณ และ มโนธาตุ ๓ ทั้งหมด
เป็นมโนวิญญาณธาตุ)
ทั้งหมดนี้ คือ ธาตุต่างๆ .
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
ปัญญารู้โดยความเป็นธาตุ ความเป็นปรกติ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อธิบาย ธาตุสูตร
ธาตุสูตร เป็นพระสูตรที่แสดงให้เข้าใจความจริง ครับว่า มีแต่เพียงธาตุ ที่มีในชีวิต
ประจำวัน ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่เพียงธรรม ที่เป็นธาตุ แต่ละอย่าง เพราะฉะนั้น จึง
ไม่ได้ไปติดที่ชื่อว่า ธาตุมีจำนวนเท่าไหร่ มีธาตุอะไรบ้าง แต่เมื่ออ่านแล้ว ก็น้อมมา
พิจารณาด้วยปัญญา ด้วยความเข้าใจว่า ขณะนี้ มีธาตุไหม กำลังมีธาตุปรากฎ หรือ
เปล่า เข้าใจความจริงของธาตุ หรือ ยัง อันเป็นไปเพื่อที่จะไถ่ถอนความเห็นผิดว่า
เป็นสัตว์ บุคคล เพราะฉะนั้นการศึกษาพระสูตร จึงไม่ใช่เป็นเรื่องจำนวน เป็นวิชา
การ เรื่องราว ที่จะจำว่า มีธาตุอะไรบ้าง แต่ประโยชน์ที่สำคัญที่สุด คือ ฟัง อ่าน
ศึกษาเพื่อให้เข้าใจว่า มีแต่ธาตุ ธรรม เท่านั้น สูญ จากความเป็นสัตว์ บุคคล ความ
เข้าใจเช่นนี้ ย่อมเกื้อกูลในการดำเนินชีวิตประจำวัน แม้แต่ในขั้นต้น แม้ใขั้นการคิด
พิจารณา เช่น แทนที่จะโกรธ ผู้อื่น ก็เข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธาตุ ที่คิดนึก เป็นแต่เพียง
สี เป็นแต่เพียงเห็น ที่เป็นธาตุเท่านั้น ไม่มีใครทำให้โกรธ และก็ไม่มีเราที่โกรธ แต่
เป็นเพียงธาตุ ธรรมที่เกิดความโกรธเกิดขึ้นเป็นไป ก็ไม่เป็นอกุศลต่อ แต่เกิดกุศล
ด้วยความเข้าใจ ในความเป็นธาตุ เป็นต้น ครับ และ เมื่ออบรมปัญญา ฟังพระธรรม
ในเรื่องสภาพธรรม ก็คือ ฟังเรื่องธาตุ ต่างๆ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น สติปัฏฐานก็เกิด
ระลึกรู้ตัวจริงของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฎ ขณะนั้น ประจักษ์โดยความเป็นธาตุ
จริงๆ ที่ลักษณะของสภาพธรรม เพราะฉะนั้น การจะรู้จักความเป็นธาตุแต่ละอย่าง
ก็คือ การรู้ลักษณะของสภาพธรรม แต่ละอย่างในชีวิตประจำวัน ซึ่ง กว่าจะถึงตรงนั้น
หนทาง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในเรื่องของสภาพธรรม ไปทีละเล็ก ละ
น้อย ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา