รัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุดได้อย่างไร

 
samroang69
วันที่  15 ก.ค. 2555
หมายเลข  21419
อ่าน  12,295

ขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ

เรื่องที่พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ระลึกอันสูงสุด ได้ยินมาว่า พระพุทธเจ้าก็ได้ปรินิพพานไปนานแล้ว จะเป็นที่พึ่งได้อย่างไร พระธรรมก็อยู่ในหนังสือแล้วจะเป็นที่พึ่งได้อย่างไร พระสงฆ์ก็อยู่ในวัดแล้วจะเป็นที่พึงได้อย่างไร เคยได้ยินว่าพระรัตนตรัยเป็นแก้วสามประการ ที่มีค่ามากกว่าเงินและทอง ซึ่งจริงๆ แล้วเงินและทองยังนำมาใช้ประโยชน์ได้ง่ายและเป็นที่พึงได้เป็นบางครั้งบางคราว ส่วนพระรัตนตรัยนั้นจะพึ่งได้อย่างไร คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้กัน แลัวจะนำมาเป็นที่พึ่งซึ่งเป็นที่พึ่งอันสูงสุดได้อย่างไร เช่นไปไหว้พระพุทธรูปหรือระลึกถึงพระพุทธ แล้วก็เกิดความสบายใจบ้าง หรือศึกษาพระธรรม แล้วเกิดความเข้าใจก็รู้สึกสุขใจบ้าง หรือได้ทำทานกับพระสงฆ์ มีการใส่บาตเป็นต้น ก็เกิดความสุขใจบ้าง

ซึ่งถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว ก็ทำให้เป็นที่พึ่งได้จริงเป็นบางขณะที่ได้ระลึกหรือทำกิจของชาวพุทธเหล่านั้นบ้าง แต่ก็ยังเคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นที่พึ่งได้จริงหรือ หรือเพียงแต่คิดตามๆ กัน เชื่อตามๆ กัน

ฉะนั้นการทำความเข้าใจในรัตนตรัยอย่างถูกต้องโดยไม่ต้องอาศัยการชักจูง คือเห็นด้วยตัวเองว่าเป็นที่พึ่งได้จริงก็คงจะดีไม่น้อย

ขอรบกวนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายเสริมเพิ่มเติมอีกสักหน่อยครับ

ขอขอบคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ที่พึ่ง ตามความหมาย ที่เข้าใจกัน โดยมาก ก็หมายถึง สิ่งที่จะสามารถช่วยเหลือให้พ้นจากภัย จาก ความทุกข์ประการต่างๆ ได้ และมักมองว่า ที่พึ่ง คือ สิ่งที่สามารถมองเห็น จับต้องได้ ที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น ซึ่งผู้ถามได้ยกมาถึงประเด็นเรื่อง เงิน และ ทอง ว่าเป็นที่พึ่ง สามารถจับต้องได้ ไปใช้จ่ายได้ ส่วนพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระธรรมก็อยู่ในหนังสือ พระสงฆ์อยู่ในวัด จะพึ่งได้อย่างไร

ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจว่า สิ่งที่ทำให้ทุกข์ ให้พบกับสิ่งที่ไม่ดี และพบกับภัยประการต่างๆ ทำให้ต้องหาที่พึ่ง ที่จะพ้นภัย พ้นทุกข์ หากไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ก็คงไม่ต้องแสวงหาที่พึ่ง ที่จะทำให้ปลอดภัยเลย เพราะฉะนั้น อะไรนำมาซึ่งทุกข์ประการต่างๆ อะไรนำมาซึ่งภัยประการต่างๆ นั่นคือ กิเลส ที่เป็นภัยที่แท้จริง เพราะอาศัยกิเลส จึงทำให้มีการทำอกุศลกรรม จนเป็นปัจจัยให้ได้รับทุกข์ ทุกข์ทางกาย เจ็บ ปวด เป็นโรค เพราะอะไร เพราะทำอกุศลกรรมไว้ อันมีกิเลส เป็นเหตุสำคัญ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าเงินจะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ เพราะ มีเงินและทอง ก็ไม่สามารถพ้นจากทุกข์กายได้เลย และ เงินและทองก็ไม่สามารถทำให้พ้นจากความทุกข์ใจประการต่างๆ ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ค. 2555

ดังนั้น ที่พึ่งที่ทำให้ปลอดภัยจาก กิเลส จากอกุศลกรรม คือ ความดี ประการต่างๆ เป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ ประการต่างๆ และพ้นจากความทุกข์ใจชั่วขณะนั้น และ พ้นจากการเกิดในอบาย ตราบเท่าที่กรรมดีให้ผล แต่ ความดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตราบใดที่ไม่ใช่ความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นธรรมที่ละกิเลส ละภัยประการต่างๆ ได้อย่างแท้จริง เพราะสามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ไม่มีการเกิดอีก ก็ไม่ต้องได้รับทุกข์ ภัย และไม่ต้องแสวงหาที่พึ่งอีก เพราะพ้นภัยประการทั้งปวงแล้ว ซึ่งปัญญาจะมีได้อย่างไร หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งพระธรรมที่ถูกต้อง มีได้ เพราะอาศัยการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และผู้ที่รู้ตาม มี คือ พระอริยสาวกทั้งหลาย

ดังนั้น การจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ก็เพราะมีปัญญา ความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ ไม่ใช่อาศัยพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานแล้วมาช่วย แต่เพราะอาศัยความเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ย่อมศึกษาพระธรรม เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง ขณะนั้นได้ที่พึ่ง คือ ปัญญาแล้ว พ้นจากอกุศลชั่วขณะ ที่เป็นภัย และเมื่ออบรมปัญญาด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมทำให้ละ บรรเทาที่จะไม่ทำอกุศลกรรม อันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน และเป็นภัยที่ประสบพบกันอยู่ เพราะความทุกข์กาย ความเดือดร้อนประการต่างๆ จะมีไม่ได้เลย หากไม่ได้ทำอกุศลกรรมไว้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 16 ก.ค. 2555

เพราะฉะนั้น การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ในที่นี้ ไม่ใช่พึ่งเพราะขาดความเข้าใจพระธรรม แต่เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรม ปัญญาเจริญ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และเพราะอาศัยที่พึ่ง คือ พระรัตนตรัย ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพราะแม้พระพุทธเจ้า จะปรินิพพานแล้ว แต่เพราะอาศัย การระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ย่อมเป็นที่พึ่ง ให้พ้นภัยจากอกุศล สงบจากกิเลส และเพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมของพระองค์ ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมสามารถทำให้ดับกิเลส พ้นจากทุกข์และภัยทั้งปวง และ เพราะอาศัยการระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ที่มีคุณธรรม อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของตน ขณะนั้นก็พ้นจากภัย คือ อกุศลประการต่างๆ ในขณะนั้น ครับ

พระรัตนตรัย จึงเป็นรัตนะที่ประเสริฐ ที่ทำให้สัตว์โลก ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

เงินทอง พ้นจากทุกข์ได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถพ้นจากทุกข์อันเกิดจากกิเลส และพ้นทุกข์ คือ การเกิดในสังสารวัฏฏ์ได้เลย ปัญญาได้จากการศึกษาพระธรรม ปัญญานั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ และทำให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้อย่างถูกต้อง ครับ

ที่ลืมไม่ได้เลย เราไม่สามารถทำให้ใครเห็นค่าของพระรัตนตรัย เพราะสัตว์โลกโดยมากไม่ได้สะสมศรัทธาและปัญญามา จึงเป็นไปตามเหตุปัจจัย ที่จะเห็นสิ่งอื่นมีค่ากว่าพระรัตนตรัย พระรัตนตรัย จึงมีค่า ประเสริฐสูงสุด สำหรับผู้มีปัญญาสะสมมาเท่านั้น ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
samroang69
วันที่ 16 ก.ค. 2555
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 16 ก.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือ พระพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เพียงท่องหรือพูดตามเท่านั้นว่า ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง โดยที่ไม่มีความเข้าใจพระธรรม เลย

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง, พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงพระธรรม ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา แห่งการประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้ มีผู้ที่ได้รู้แจ้งธรรมหมดจากจากกิเลส เป็นผู้ปราศจากกิเลส เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่มีบุคคลใดจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ได้

ดังนั้น การมีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง คือ การพึ่งพระปัญญาที่ทรงตรัสรู้ ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ถ้าหากไม่มีพระธรรมที่ทรงตรัสรู้ ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้

เพราะฉะนั้น การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรม ค่อยๆ อบรมความเข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ โดยไม่ไปฟังคนอื่นที่มีความเห็นผิดคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงแสดงให้เห็นว่าการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ต้องเริ่มจากการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง นั่นเอง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เข้าใจ
วันที่ 16 ก.ค. 2555

ไพเราะและแจ่มแจ้งจริงๆ ครับอาจารย์ครับ

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
samroang69
วันที่ 17 ก.ค. 2555

ขอขอบคุณ และอนุโมทนาครับ

แจ่มแจ้งดีครับ ต้องพึ่งด้วยพระปัญญาของพระพุทธเจ้าให้เป็นปัญญาของตนเอง จึงจะได้ชื่อว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nong
วันที่ 17 ก.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
guy
วันที่ 16 ก.ย. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 21 ธ.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 28 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
สิริพรรณ
วันที่ 10 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิต ที่ประกอบด้วยปัญญา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ประสาน
วันที่ 12 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ประสาน
วันที่ 12 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ